หมุดคณะราษฎร.....คุณค่าทางประวัติศาสตร์......ที่ไม่ควรถูกลบเลือน cnck

กระแส "หมุดคณะราษฎร" ที่ถูกถอดออกไป กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

มีทั้งคัดค้าน และ เห็นด้วย ต่างๆนาๆ แต่จะมีสักกี่คน ที่รู้ที่มาที่ไปของ สัญญลักษณ์ หมุดคณะราษฎร


คณะราษฎร หรือที่เรียกสั้นๆว่า คณะราษฎร์ (เขียนได้ทั้งสองอย่าง)

คือชื่อคณะบุคคลที่ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย จากระบอบ

สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็น ระบอบประชาธิปไตย โดยทำการสำเร็จในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ 2475


คณะผู้ก่อตั้ง คณะราษฎร ประกอบด้วย ทหาร ข้าราชการ และ พลเรือน ที่มีบทบาทสูงมี 3 ท่านคือ

๑ พันเอกพระยา พหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)


๒ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม นาย ปรีดี พนมยงค์


๓ พันตรี หลวงพิบูลสงคราม จอมพล ป. พิบูลสงคราม


ในแง่คุณประโยชน์อื่นๆที่คณะราษฎร์มีต่อประเทศไทยนั้นมีมากมาย แต่ในกระทู้นี้จะขอกล่าวแค่ 2 ข้อ

แต่เป็น 2 ข้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในความเห็น จขกท


ในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ไทยเราถูกชาติตะวันตกสิบกว่าชาติเอาเปรียบอย่างมาก

สัญญาทุกฉบับที่ชาติเหล่านี้ทำกับ สยาม ถ้ามาศึกษาตอนนี้ ล้วนแล้วแต่ไม่ยุติธรรม

สนธิสัญญาเบอร์นี่ (Burney Treaty ) กับ สนธิสัญญา เบาวริ่ง (Bowring Treaty)

ถูกอังกฤษเอาเปรียบอย่างมาก เมื่อไหร่ที่ สยาม ไม่ยอมหรือคิดสู้ แม้แต่จะคิดแก้ไข

ก็จะถูกชาติพวกนี้ โดยเฉพาะอังกฤษ และ ฝรั่งเศส หาเรื่อง ทำให้เราต้องเสียดินแดนอยู่ร่ำไป




ความขมขื่นนี้ แม้จะถูกเบาบางลง หลังจากที่ไทยร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๑  และอยู่ฝ่ายผู้ชนะ

มีการแก้สัญญาบางส่วนที่ทำไว้กับชาติตะวันตกและญี่ปุ่น แต่ก็ยังไม่หมด

ที่หลักๆที่สยามต้องการยังมีอีก 2 ข้อ คือ

๑ สิทธิสภาพนอกอาณาเขต

สิทธิสภาพนอกอาณาเขต คืออะไร ?

คือ สิทธิพิเศษทางกฏหมาย ที่ประเทศนั้นๆสามารถใช้กฏหมายของตัวต่อบุคคล ในดินแดนประเทศนั้นๆได้

กตัวอย่างเช่น คนอังกฤษ มีเรื่องกับ คนไทย  ทำร้าย ข่มขืน หรือ มีก่อคดีอะไรก็แล้วแต่

ศาลไทย ไม่สามารถเอาผิดได้ ต้องปล่อยให้ สถานทูตหรือกงศุล ของประเทศนั้นๆ ตัดสินแทน

สุดท้ายก็เป็นระบบ พวกใครพวกมัน
คนร้ายก็ลอยนวล เจ้าทุกข์ก็ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมไป

การเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตนี้เอง ถ้าพูดกันง่ายๆก็คือ

"การเสียเอกราชทางศาล" นั่นเอง


๒ ภาษีนำเข้าร้อยชัก 3

คือภาษีศุลกากรนำเข้าในสมัยนี้นั่นเอง

สยาม โดนคนต่างชาติเหล่านี้ บังคับเก็บภาษีขาเข้าแค่ร้อยละ ๓

ทำให้ได้เงินจากภาษีนี้น้อยมาก ไทยขอแก้ไขหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ



ต่อมาในปี พ.ศ 2480

อ. ปรีดี พนมยงค์ แกนนำคณะราษฎร์ ในฐานะรัฐมนตรี ต่างประเทศ ได้เจรจากับมหาอำนาจ 13 ประเทศ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แก้ไขสัญญาทั้ง 2 ข้อ คือ สิทธิสภาพนอกอาณาเขต กับ ภาษีนำเข้า ร้อยชักสาม จนสำเร็จ

สยามได้เอกราชทางศาลและทางเศรษฐกิจกลับคืนมาจนทุกวันนี้


มาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

จอมพล ป ไปยืนข้างญี่ปุ่น แต่ อ.ปรีดี พนมยงค์ ร่วมกับคณะราษฎรหลายคน เช่น

หลวงอดุลเดชจรัส , น.ต หลวงศุภชลาศัย , นายดิเรก ชัยนาม , นายทวี บุณยเกตุ ฯลฯ

สมทบกับผู้มาใหม่อย่าง อ. ป๋วย อึ้งภากรณ์ ม.ร.ว เสนีย์ ปราโมช ฯลฯ

ก่อตั้ง เสรีไทย ขึ้นมา ภายหลังสงครามโลกยุติลง ไทย จึงไม่อยู่ฝ่ายแพ้สงคราม

ไม่เช่นนั้น ผลลัพธ์ ที่ตามมา อาจทำให้ไทยเสียหายร้ายแรงกว่าที่คิด


คุณประโยชน์ของคณะราษฎร์ที่ทำให้กับประเทศ ดังที่กล่าวมาแล้ว 2 ข้อในข้างต้น

ถือเป็นประโยชน์มหาศาลที่ตกทอดมาถึงทุกวันนี้ ควรที่คนรุ่นหลังจะระลึกถึงตลอดไป


ประเด็นที่ สลิ่ม มักจะแย้งว่า ก็แค่หมุดอันเดียว รื้อออกก็ไม่เห็นเป็นไร

สลิ่ม คิดอย่างนี้ไม่แปลกหรอก เพราะคนพวกนี้ ไม่มีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์ของคนเหล่านี้มีแค่ช่วง ทักษิณ เริ่มเล่นการเมืองเท่านั้น ก่อนหน้านั้น ไม่รู้เรื่อง

หรือไม่เคยจะทำความเข้าใจ

อารยะประเทศทั่วโลก ต่างก็หวงแหนโบราณสถาน หรือ โบราณวัตถุ

โดยเฉพาะเป็นสิ่งที่จารึกถึงความดีหรือความเปลี่ยนแปลงของบุคคลหรือคณะบุคคล

ที่เคยทำผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ไม่มีใครคิดตื้นๆ ที่จะบิดเบือนประวัติศาสตร์

โดยการทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมหรอก


ประเด็นที่ว่า เมื่อก่อนเราก็เคยทำลายฝั่งตรงข้าม เป็นเรื่องทีใครทีมัน

การเปรียบเทียบแบบนี้ไม่เป็นการยุติธรรมกับผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

ยกตัวอย่างง่ายๆในประเทศไทย

การที่จะเอา ถนอม -ประภาส ไปเปรียบเทียบกับ อ.ปรีดี พนมยงค์

เป็นการยุติธรรมแล้วหรือ ?


ในภาวะที่สังคมมีความแตกแยกสูง ไม่ว่าฝ่ายใดก็ไม่ควรทำสิ่งที่กระทบกระเทือนใจ

หรือเป็นชนวนให้เกิดความร้าวฉานเพิ่มขึ้นอีกเลย



ป.ล มีคดีหนึ่งเกี่ยวกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขต อ่านแล้วสำหรับคนรักชาติ และ รักความเป็นธรรม

จะรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่สำหรับพวกรักชาติเป็นพักๆ อาจจะไม่รู้สึกอะไร

ป.ล 2 ในเม้นท์ย่อย ยังมีรายละเอียดมากมาย เช่น รูป ศุลกสถาน ในกระทู้

ป.ล 3 เนื้อหาเป็นการเล่าคร่าวๆ ไม่ได้เจาะลึกรายละเอียด เพราะเป็นการเล่าภาพรวม ไม่งั้นจะยาวเกินไป

ป.ล 4 คุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งที่คนในชาติควรหวงแหน และรักษามัน เพื่อเป็นมรดก

ถึงลูกหลาน ให้มีสำนึกในความเป็นชาติ เพื่อสืบทอดเผ่าพันธ์ วัฒนธรรม และชาติกำเนิดต่อไปตราบนานเท่านาน


ป.ล 5 รูปจาก google เนื้อหาจากหนังสือหลายเล่มประกอบกัน

ป.ล 6 13 ชาติมหาอำนาจในสปอย ถ้าไม่ใส่รายละเอียด นึกว่าเป็นการแข่งขัน ฟุตบอลโลก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่