ทริปนี้เกิดขึ้นไวมาก มีเพื่อนร่วมทาง 1 คนถ้วน
จองตั๋วเมื่อปลายปีก่อนหลังกลับจาก Kyushu ไม่กี่วัน
สาเหตุหลักๆ เลยก็เพราะ (เราคิดว่า) ตั๋วนี้ถูกดี!!!!!!

เราจองผ่าน expedia ได้ราคาตั๋วไป-กลับ* + ที่พักใกล้สถานี JR 5 คืน >>> 17,000 บาท

*แวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงแป๊บนึง

เบ็ดเสร็จแล้ว ทริปนี้เราให้ 4.5 ดาวเลย
หัก 0.5 ดาวเพราะ 2 วันแรกฝนตกตลอดๆ หนาบเหน็บแบบไม่ได้เตรียมใจมาเจอ


ตั๋วเครื่องบิน
อันนี้คือครั้งแรกเลยที่ต้องบินแบบต่อเครื่อง แต่ด้วยความที่คิดแล้วว่าช่วงซากุระบานๆแบบนี้ ได้ราคาประมาณนี้แลกกับการนั่งนานขึ้นนิดนึงก็โอเค
ขาไปใช้เวลา 8 ชม.
ขากลับใช้เวลา 9 ชม.
แวะเดินเล่นในสนามบินฮ่องกงนิดหน่อย ประมาณ 1 ชม.กว่าๆ พอให้ยืดเส้นยืดสาย
ครั้งนี้เราไปกับ Hong Kong Airlines มีทั้งเครื่องใหม่เครื่องเก่าปนๆกันไป
อาหารเชตโอเค ขากลับเสิร์ฟข้าวหน้าแซลม่อนอบอร่อยมาก
แต่ถ้าช่วงไฟลท์ที่ต่อจากไทย-ฮ่องกง ด้วยความที่บินสั้น นางก็แจกแค่ขนมปังพอประทังความหิว ซึ่ง......ขนมปังทั้งขาไป-ขากลับ เป็นอาหารที่ควรปรับปรุงอย่างแรก กัดไป 1 คำ ถึงกับต้องปิดห่อเลยทีเดียว

จาก NRT เข้าเมือง
จากนาริตะ Hong Kong Airlines จะพาไปลงที่ Terminal 2
เราเลือกนั่ง Keisei Skyliner เพื่อไปลงที่ Nippori เนื่องจากเราพักใกล้ๆ เลยไป 1 สถานี
ก่อนไปหาข้อมูลว่ามีตั๋ว round trip - Keisei Skyliner + Tokyo Subway 72Hrs. = 5,400 เยน ซึ่งคำนวณราคาแล้วมันก็โอเค
เพราะถ้านั่ง NEX’ ก็ประมาณ 4,000 เยน แล้วค่าเดินทางในโตเกียวก็วันละประมาณ 1,000 เยนอยู่แล้ว

เปรียบเทียบ Keisei Skyliner กับ NEX’
ส่วนตัวชอบ NEX’ มากกว่า รถใหม่แล้วก็มีที่ชาร์จแบตทุกเก้าอี้
แต่ถ้าวัดกันที่เรื่องความเร็ว บอกเลยว่าพอๆกัน

การเดินทางในโตเกียว

หลักก็มี 2 อย่างคือ JR และ Subway
ในส่วนของ Subway เรามี pass 72Hrs. แล้ว ก็วางแผนเที่ยวให้ดีดี ก็แทบจะไม่ต้องเสียที่รถไฟเพิ่มเยอะ
สำหรับ JR เรามี IC Card อยู่แล้วจากทริปก่อนๆ แถมมีเงินค้างอยู่ด้วย
การใช้ IC Card สะดวกกว่าการซื้อตั๋วมาก เวลาที่คนใช้รถไฟเยอะ หรือ ไปสถานีใหญ่ๆที่คนเยอะมากๆ เราเข้าได้ทุกแถวเลย เพราะทุกช่องมีที่ให้แตะ IC Card แต่ถ้าใช้ตั๋วที่กดเที่ยวต่อเที่ยว อาจจะเข้าได้แค่บางช่อง

ส่วนใครที่กลัวว่าจะเติมเงินใส่บัตรแล้วจะใช้ไม่หมด แนะนำงี้...
- สำหรับคนที่จะเก็บ IC Card เป็นที่ระลึก : คำนวณค่ารถไฟแล้ววางแผนเที่ยวให้ดีดี เงินคุณจะเหลือค้างในบัตรน้อยมาก ถ้ายังเหลืออยู่ก็เอาไปซื้อน้ำ-ซื้อขนมกินที่สนามบินให้หมดค่ะ
- สำหรับคนที่ไม่ได้จะเก็บ IC Card ไว้เป็นที่ระลึก : ก็เติมได้ตามสบายเลย (แต่แนะนำว่าทยอยดีกว่า) ขึ้นรถไฟ ซื้อของ พกแค่ IC Card ก็พอละ สุดท้ายก่อนกลับก็ไปคืนบัตรที่ตู้ในสถานี แล้วก็ได้มัดจำบัตร 500 เยน + เงินที่เหลืออยู่

ที่พัก
ด้วยความที่ตอนเลือกเน้นราคาถูกที่สุด นอนรวมก็โอเค เพราะคิดว่าอย่างมากก็กลับไปนอนค่ำๆแล้วเช้าก็ออก เลยไม่เน้นมาก
Package ที่ผูกมากับตั๋วเลยแนะนำที่นี่ ว่าถูกที่สุด

Guesthouse Wasabi
http://guesthousejp.com/nippori/en/

1. ห้องนอนเป็นแบบ Mixed Dorm 18 เตียง มีเตียงบน-เตียงล่าง เรานอนเตียงล่าง-ใกล้ชิดพื้นแบบสัมผัสได้ถึงทุกฝีเท้า แล้ววันที่ไปพักมีคุณเกาหลีคนนึง เดินลงส้นเหมือนกระทืบพื้น คุณพระ!!!!! อยากจะออกไปฟาดให้ขาหลุด
ส่วนเพื่อนเรานอนเตียงบน He บอกว่าได้ยินทุกลมหายใจ (พื้นฐานคือเพื่อนเราเป็นคนนอนเงียบๆแบบตั้งเงียบมาก) เพราะเตียงบนมีช่องที่พนัง เหมือนจะตั้งใจให้เป็นช่องระบายอากาศ
2. ห้องอาบน้ำเป็นห้องอาบน้ำรวมแบบญี่ปุ่น แยกหญิง-ชาย แล้วก็มีช่วงที่เปิด public bath ให้ลงแช่น้ำอุ่นๆกัน โดยแบ่งรอบหญิง-ชาย ใครที่ไม่คุ้นกับการโป๊เปลือยอาบน้ำรวม ทาง guesthouse มีห้องอาบน้ำแบบส่วนตัว 1 ห้องเพคะ (เพราะงั้น อาบรวมๆไปเถอะ ทุกคนโป๊เท่าๆกันหมด)
3. Location คือดีงาม เดินไปสถานี Mikawashima ได้ใน 1 นาที แล้วก็ต่อ JR ไป Nippori เพื่อไปต่อ JR หรือ ไป Minami-senju เพื่อไปต่อ Subway ก็เพียงแค่ 1 สถานี
4. การบริการ พนง กระตือรือร้นดี สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก พอ 5 ทุ่มก็จะมาเดินปิดไฟให้ เป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดทำเสียงดัง
5. ความปลอดภัย ก็ประมาณนึงแหละ ธรรมชาติของห้องรวมคือไม่ควรเก็บของมีค่าเอาไว้เวลาไม่อยู่ ที่นี่ไม่มี locker ให้นะคะ กระเป๋าเดินทางก็ใส่ไว้ในเตียง หรือ แบบเราที่กระเป๋าใหญ่ ก็เอาของออกมาเรียงที่ปลายเตียง แล้วเอากระเป๋าเปล่าไว้นอกเตียง
บรรยากาศที่ Common Area ตรง Lobby

แนะนำ App สำหรับรถใต้ดินในโตเกียว
เพราะครั้งนี้เราใช้ pass Tokyo Subway 72Hrs. เลยต้องหาตัวช่วยเผื่อแผนเดินทางเปลี่ยนหน้างาน จะได้ไปไหนมาไหนสะดวก
App : Tokyo Subway Navigation for Tourists (iOS)

สะดวกมี มีบอกสายแยกเป็นสีสี และคำนวณให้เปลี่ยนสายน้อยที่สุด แถมโชว์แผนที่เส้น subway ทั้งหมด ถ้าเห็นว่าอ้อมมาก อาจจะขยับแผน หรือ ขึ้นไปต่อ JR สักช่วงก่อนลงมา subway ใหม่
ที่เด็ดสุด และชอบมากคือ บอกว่า exit แต่ละหมายเลขออกไปแล้วจะเจออะไร
เพราะส่วนใหญ่เราจะงงทางออก แล้วก็ต้องเดินทาง map ในสถานีซึ่งเสียเวลา แถวต้องเดินวนไปวนมาอยู่แต่ในสถานีนั่นแหละ

ส่วนก่อนเดินทางมา ช่วงวางแพลนเที่ยว ก็ใช้เว็บนี้ฮ่ะ HyperDia >> www.hyperdia.com/en/
ช่วยได้มาก แถมช่วยประมาณการค่าใช้จ่ายได้ด้วย เพราะจะมีบอกราคาของรถไฟ ที่สำคัญเวลาในเว็บนี้ตรงกับตารางเดินรถจริง ทำให้เราแพลนทริปได้ง่ายมาก

เสียดายที่เราไม่สามารถโหลดแอป HyperDia ได้ เพราะจำกัดว่าต้องเป็น AppleIDเฉพาะญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สำหรับ Android ไม่แน่ใจนะ ลองหาโหลดดู

Tips เล็กๆน้อยๆ : เวลาวางแพลนเที่ยว ถ้ารู้อยู่ว่าอาจจะเที่ยวเพลินแล้วเลยเวลาได้ ให้ลองหาเที่ยวรถไฟที่ช้ากว่าแพลนสักเที่ยวนึง หรือ ถ้าเป็นรถไฟสายยาวที่มาทุก 1 ชม. หรือ 30 นาที ก็ลองดูไว้ว่ารถไฟจะมาทุกๆกี่นาที ถ้าเที่ยวเพลินจะได้ไม่ต้องกังวลว่าแพลนจะพังถ้าพลากรถไฟ หรือ ไม่มีรถไฟกลับจ้า

ปูเรื่องพื้นฐานการมีชีวิตรอดใน 6 คืน 5 วัน ไปหมดละ
ตอนนี้ได้เวลาเข้าเรื่อง มาม๊ะเดี๋ยวพาไปดูซากุระ