สวัสดึค่ะ “พี่หยอดวัดยาง” มาอีกแล้ว...คราวนี้พาไปเที่ยวในเมืองไทยแบบ Day-trip กันบ้าง
ชีวิตมนุษย์เงินเดือน ก้มหน้าก้มตาทำงาน วันลาพักร้อนอันน้อยนิดก็เก็บไว้ใช้กับทริปใหญ่ๆประจำปีบ้างไรบ้าง
จะเหลือก็แค่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี่แหละ ที่พอเป็นช่วงเวลาให้เราได้ออกไปเปิดหูเปิดตาได้เล็กๆน้อยๆ...
เดินห้างเย็นๆ หาไรทานหร่อยๆ บางทีก็ฟินแล้วสำหรับวันพักผ่อนอันน้อยนิด...
แต่ถ้ามีแรง สะบัดความขี้เกียจ การขุดตัวเองลุกจากเตียงในเช้าวันเสาร์ ไปขับรถเล่นเที่ยวแบบ one-day trip บ้างก็ดีไปอีกแบบนะ...
เหมือน จขกท. ครั้งนี้แหละคะ แพลนไว้นานแสนนานว่าอยากจะขับรถเล่นไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบใกล้ๆ เช้าไปเย็นกลับ...
ออกเดินทางเช้าหน่อย ถึงบ้านค่ำหน่อยก็โอเค
พยายามสร้างข้ออ้างให้ตัวเองมากมายก่ายกอง จนทำให้แพลนมีอันต้องพับไปหลายต่อหลายครั้ง...
จนครั้งนี้แหละ ได้ฤกษ์ซักที...ที่หมายของเราคือ
“ระยองฮิ” จังหวัดชายทะเลตะวันออกสุดฮิตของคนกรุง
สองจุดหลักๆสำหรับทริปนี้ก็คือ
“ปากน้ำประแสร์” และ
“เขาแหลมหญ้า” ค่ะ
ตามไปดูกันว่าใน 1 วัน เราได้ไปเก็บความสวยงามจุดไหนกันบ้าง...
ออกเดินทางจากกรุงเทพ 08.30 น. ค่ะ (ตอนแรกแพลนว่าจะออก 07.00 น. นะ แต่ก็ตื่นสายจนได้)
ทานอาหารเช้ารองท้องไปจากบ้านเลย จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาแวะระหว่างทาง
การเดินทางครั้งนี้ เราใช้เส้น motorway รัวรัวค่ะ รถไม่เยอะอย่างที่คิด ขับสบายๆ (ช่วงหยุดสงกรานต์ไม่เก็บค่าผ่านทางด้วย เลิศมาก) ขับไปเรื่อยๆจนถึงแยกซ้ายออกทาง บ้านบึง-แกลง วิ่งยาวๆจนเข้าถนนสุขุมวิท จนถึงสี่แยกประแสร์ ก็เลี้ยวขวาเข้าทางหลวง 3162 ตรงเข้ามายาวๆก็จะเห็นป้ายบอกทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้วค่ะ
ถึงที่หมายแรก ปากน้ำประแสร์ ประมาณ 11.30 น. พอดิบพอดี
บริเวณ ปากน้ำประแสร์ มีจุดให้เราได้แวะไปชมอยู่หลายที่เลยค่ะ ที่เราไปจุดแรกคือ
อนุสรณ์เรือหลวงประแส ตั้งอยู่บริเวณหัวโขด คือริมทางออกปากแม่น้ำ ติดกับชายหาดประแสร์
ตรงนี้ทะเลค่อนข้างสงบและสะอาด มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน ถ้าหิวก็แวะทานได้ มีที่จอดรถสะดวกสบาย
ช่วงที่ไปมานั้น อนุสรณ์เรือหลวงประแส อยู่ในช่วงปิดปรับปรุงค่ะ สภาพโดยรอบเลยอาจจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรก็ยังเห็นถึงความสง่างามของเรือหลวงลำนี้ค่ะ
ไปกันต่อ จุดต่อไปเราจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของปากแม่น้ำประแสร์ค่ะ เอาจริงๆมองจากฝั่ง อนุสรณ์เรือหลวงประแส ก็จะเห็นแล้วล่ะ
โดยเส้นทางที่เราจะไปนั้นคือ
การขับรถข้ามสะพานประแสสิน ระยะทาง 2 กิโลกว่าๆนั่นเองค่ะ
สะพานประแสสิน นี่คืออีกจุดชมวิวที่สวยงามของปากน้ำประแสร์ จะเห็นนักท่องเที่ยวจอดรถชมวิวกันตรงกลางสะพานเต็มไปหมด
ฝั่งหนึ่งจะเห็นวิวปากแม่น้ำ ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็นวิวชุมชมริมแม่น้ำประแสร์
ตลอดทางก็จะเลนจักรยานด้วย ใครชอบแนวปั่นๆก็มาจัดแถวนี้ได้นะคะ สวยมากๆๆๆๆๆ
เมื่อข้ามมาอีกฝั่งแล้ว เราก็มุ่งหน้าต่อไปยัง
จุดชมวิวแหลมสน ค่ะ
โดยจะขับผ่านช่วงหนึ่งของถนนเลียบชายฝั่งตะวันออก หรือ เฉลิมบูรพาชลทิศ
จุดชมวิวนี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในพื้นที่ซะส่วนใหญ่ค่ะ มีชายหาด อาหารขายเยอะแยะมากมาย มีแนวต้นสนคอยให้ความร่มเย็น
มองไปจากจุดชุมวิวนี้จะเห็นทั้ง อนุสรณ์เรือหลวงประแส และ สะพานประแสสิน เลยค่ะ
ใครได้ไปแวะพักผ่อนแถวๆนี้ อยากให้ช่วยกันรักษาความสะอาดกันด้วยนะคะ แหล่งท่องเที่ยวสวยๆ จะได้อยู่กับเราไปนานแสนนาน
ไปต่อค่ะ ที่หมายถัดไปของเราก็คือ Highlight ของทริปวันนี้เลยค่ะ นั่นก็คือ
“ทุ่งโปรงทอง” ตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำประแสร์ อ.แกลง ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ที่เราจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแนวป่าชายเลนแบบสุดๆ
บริเวณปากทางเข้าจะมีที่จอดรถอยู่เยอะแยะมากมายค่ะ ใกล้บ้าง ไกลบ้าง แล้วแต่ช่วงเวลา
โดยจะมีคิวรถสามล้อเล็กรับ-ส่ง เราไปยังทางเดินเข้าทุ่งโปรงทอง หรือ ศาลาท่าเทียบเรือบ้านแสมผู้ ค่าโดยสารคนละ 5 บาท/เที่ยวค่ะ
เมื่อถึงแล้ว ที่นี่เราสามารถเช้าชมได้ฟรีค่ะ แต่มี 2 ตัวเลือกให้กับนักท่องเที่ยวค่ะ
1) เดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ
2) นั่งเรือ+เดินชมธรรมชาติ
แบบแรก เดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ ทางเดินเข้าไปยังทุ่งโปรงทองจะเป็นสะพานไม้ ความกว้างประมาณ 1 เมตร ทอดยาวลัดเลาะไปตามแนวต้นโกงกาง เดินเข้าไปประมาณ 400 เมตรก็จะได้เจอกับทุ่งโปรงทอง สีเขียว-ทองอร่าม ตรงบริเวณนี้จะมีลักษณะคล้ายระเบียงที่ทุกคนจะต้องหยุดถ่ายรูปเพื่อมุมมหาชน ไปช่วงวันหยุดคนค่อนข้างเยอะค่ะ ยังไงก็มีน้ำใจให้กัน แบ่งกันถ่ายหามุมสวยๆ แบ่งกันเดิน และแนะนำว่าอย่าปีนป่ายบนราวสะพานไม้นะคะ (มีคนทำจริงๆ) เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ ชื่นชมธรรมชาติแต่พอดี แฮปปี้รัวรัวค่ะ
แบบที่สอง ลงเรือไปสัมผัสธรรมชาติแนวป่าชายเลน แล้วค่อยไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือกลางป่า และเดินย้อนกลับมายังทุ่งโปรงทอง
สำหรับทางเลือกนี้ จะเสียค่าล่องเรือคนละ 50 บาทค่ะ ใช้เวลาล่องเรือประมาณครึ่งชั่วโมง
ตลอดเส้นทางเราจะได้เห็นธรรมชาติของป่าชายเลนจากสองฝั่งแม่น้ำ
ได้เห็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนแบบใกล้ๆ เช่น ปูก้ามดาบ ปลาตีน และฟาร์มหอยนางรมที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
และที่เด็ดมากๆๆๆสำหรับการล่องเรือในครั้งนี้ก็คือ น้องคนขับเรือพาเราไปยังสุดขอบชายฝั่งทะเลป่าโกงกาง
ซึ่งจะมีแนวไม้ไผ่กันคลื่นปักเป็นกำแพงยาวสวยงามมากๆค่ะ เอาจริงๆตรงนี้ถ้าไม่นั่งเรือมา ไม่มีทางมาถึงแน่ๆ
วิวตรงนี้คือดีงามจริงๆ ช่างคุ้มค่ากับ 50 บาที่เสียไป... แถมยังจอดเรือให้ลงไปถ่ายรูปอีก ช่างรู้ใจจริงๆ
เอาล่ะ เมื่อถ่ายรูปกันจนเต็มอิ่ม น้องคนขับเรือก็พาเราย้อนกลับเข้าไปในป่าโกงกาง
สำหรับใครจะอยากจะเดินไปชมทุ่งโปรงทอง ให้ขึ้นเรือที่ท่าเรือศาลเจ้าพ่อแสมภู่ ค่ะ
จากนั้นเดินไปอีก 330 เมตร ก็จะมาเจอทุ่งโปรงทองแล้ว รวมๆแล้วอยากเชียร์ให้ล่องเรือแล้วค่อยเดินชมธรรมชาตินะคะ ได้บรรยากาศมากๆ
ปล. ที่นี่ร้อนมากๆๆๆๆนะคะ ไม่มีร่มไม้ให้หลบแดดเลย แนะนำให้เตรียมร่มหรือหมวกมาด้วยค่ะ
รูปเยอะมากนะคะ ลองไถดูรัวรัว
ตามอ่านต่อได้ที่คอมเม้นนะคะ...
[CR] เที่ยวรัวรัว : ระยอง 1 วันกำลังดี ณ ปากน้ำประแสร์ - เขาแหลมหญ้า
ชีวิตมนุษย์เงินเดือน ก้มหน้าก้มตาทำงาน วันลาพักร้อนอันน้อยนิดก็เก็บไว้ใช้กับทริปใหญ่ๆประจำปีบ้างไรบ้าง
จะเหลือก็แค่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี่แหละ ที่พอเป็นช่วงเวลาให้เราได้ออกไปเปิดหูเปิดตาได้เล็กๆน้อยๆ...
เดินห้างเย็นๆ หาไรทานหร่อยๆ บางทีก็ฟินแล้วสำหรับวันพักผ่อนอันน้อยนิด...
แต่ถ้ามีแรง สะบัดความขี้เกียจ การขุดตัวเองลุกจากเตียงในเช้าวันเสาร์ ไปขับรถเล่นเที่ยวแบบ one-day trip บ้างก็ดีไปอีกแบบนะ...
เหมือน จขกท. ครั้งนี้แหละคะ แพลนไว้นานแสนนานว่าอยากจะขับรถเล่นไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบใกล้ๆ เช้าไปเย็นกลับ...
ออกเดินทางเช้าหน่อย ถึงบ้านค่ำหน่อยก็โอเค
พยายามสร้างข้ออ้างให้ตัวเองมากมายก่ายกอง จนทำให้แพลนมีอันต้องพับไปหลายต่อหลายครั้ง...
จนครั้งนี้แหละ ได้ฤกษ์ซักที...ที่หมายของเราคือ “ระยองฮิ” จังหวัดชายทะเลตะวันออกสุดฮิตของคนกรุง
สองจุดหลักๆสำหรับทริปนี้ก็คือ “ปากน้ำประแสร์” และ “เขาแหลมหญ้า” ค่ะ
ตามไปดูกันว่าใน 1 วัน เราได้ไปเก็บความสวยงามจุดไหนกันบ้าง...
ออกเดินทางจากกรุงเทพ 08.30 น. ค่ะ (ตอนแรกแพลนว่าจะออก 07.00 น. นะ แต่ก็ตื่นสายจนได้)
ทานอาหารเช้ารองท้องไปจากบ้านเลย จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาแวะระหว่างทาง
การเดินทางครั้งนี้ เราใช้เส้น motorway รัวรัวค่ะ รถไม่เยอะอย่างที่คิด ขับสบายๆ (ช่วงหยุดสงกรานต์ไม่เก็บค่าผ่านทางด้วย เลิศมาก) ขับไปเรื่อยๆจนถึงแยกซ้ายออกทาง บ้านบึง-แกลง วิ่งยาวๆจนเข้าถนนสุขุมวิท จนถึงสี่แยกประแสร์ ก็เลี้ยวขวาเข้าทางหลวง 3162 ตรงเข้ามายาวๆก็จะเห็นป้ายบอกทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้วค่ะ
ถึงที่หมายแรก ปากน้ำประแสร์ ประมาณ 11.30 น. พอดิบพอดี
บริเวณ ปากน้ำประแสร์ มีจุดให้เราได้แวะไปชมอยู่หลายที่เลยค่ะ ที่เราไปจุดแรกคือ
อนุสรณ์เรือหลวงประแส ตั้งอยู่บริเวณหัวโขด คือริมทางออกปากแม่น้ำ ติดกับชายหาดประแสร์
ตรงนี้ทะเลค่อนข้างสงบและสะอาด มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน ถ้าหิวก็แวะทานได้ มีที่จอดรถสะดวกสบาย
ช่วงที่ไปมานั้น อนุสรณ์เรือหลวงประแส อยู่ในช่วงปิดปรับปรุงค่ะ สภาพโดยรอบเลยอาจจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรก็ยังเห็นถึงความสง่างามของเรือหลวงลำนี้ค่ะ
ไปกันต่อ จุดต่อไปเราจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของปากแม่น้ำประแสร์ค่ะ เอาจริงๆมองจากฝั่ง อนุสรณ์เรือหลวงประแส ก็จะเห็นแล้วล่ะ
โดยเส้นทางที่เราจะไปนั้นคือ การขับรถข้ามสะพานประแสสิน ระยะทาง 2 กิโลกว่าๆนั่นเองค่ะ
สะพานประแสสิน นี่คืออีกจุดชมวิวที่สวยงามของปากน้ำประแสร์ จะเห็นนักท่องเที่ยวจอดรถชมวิวกันตรงกลางสะพานเต็มไปหมด
ฝั่งหนึ่งจะเห็นวิวปากแม่น้ำ ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็นวิวชุมชมริมแม่น้ำประแสร์
ตลอดทางก็จะเลนจักรยานด้วย ใครชอบแนวปั่นๆก็มาจัดแถวนี้ได้นะคะ สวยมากๆๆๆๆๆ
เมื่อข้ามมาอีกฝั่งแล้ว เราก็มุ่งหน้าต่อไปยัง จุดชมวิวแหลมสน ค่ะ
โดยจะขับผ่านช่วงหนึ่งของถนนเลียบชายฝั่งตะวันออก หรือ เฉลิมบูรพาชลทิศ
จุดชมวิวนี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในพื้นที่ซะส่วนใหญ่ค่ะ มีชายหาด อาหารขายเยอะแยะมากมาย มีแนวต้นสนคอยให้ความร่มเย็น
มองไปจากจุดชุมวิวนี้จะเห็นทั้ง อนุสรณ์เรือหลวงประแส และ สะพานประแสสิน เลยค่ะ
ใครได้ไปแวะพักผ่อนแถวๆนี้ อยากให้ช่วยกันรักษาความสะอาดกันด้วยนะคะ แหล่งท่องเที่ยวสวยๆ จะได้อยู่กับเราไปนานแสนนาน
ไปต่อค่ะ ที่หมายถัดไปของเราก็คือ Highlight ของทริปวันนี้เลยค่ะ นั่นก็คือ
“ทุ่งโปรงทอง” ตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำประแสร์ อ.แกลง ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ที่เราจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแนวป่าชายเลนแบบสุดๆ
บริเวณปากทางเข้าจะมีที่จอดรถอยู่เยอะแยะมากมายค่ะ ใกล้บ้าง ไกลบ้าง แล้วแต่ช่วงเวลา
โดยจะมีคิวรถสามล้อเล็กรับ-ส่ง เราไปยังทางเดินเข้าทุ่งโปรงทอง หรือ ศาลาท่าเทียบเรือบ้านแสมผู้ ค่าโดยสารคนละ 5 บาท/เที่ยวค่ะ
เมื่อถึงแล้ว ที่นี่เราสามารถเช้าชมได้ฟรีค่ะ แต่มี 2 ตัวเลือกให้กับนักท่องเที่ยวค่ะ
1) เดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ
2) นั่งเรือ+เดินชมธรรมชาติ
แบบแรก เดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ ทางเดินเข้าไปยังทุ่งโปรงทองจะเป็นสะพานไม้ ความกว้างประมาณ 1 เมตร ทอดยาวลัดเลาะไปตามแนวต้นโกงกาง เดินเข้าไปประมาณ 400 เมตรก็จะได้เจอกับทุ่งโปรงทอง สีเขียว-ทองอร่าม ตรงบริเวณนี้จะมีลักษณะคล้ายระเบียงที่ทุกคนจะต้องหยุดถ่ายรูปเพื่อมุมมหาชน ไปช่วงวันหยุดคนค่อนข้างเยอะค่ะ ยังไงก็มีน้ำใจให้กัน แบ่งกันถ่ายหามุมสวยๆ แบ่งกันเดิน และแนะนำว่าอย่าปีนป่ายบนราวสะพานไม้นะคะ (มีคนทำจริงๆ) เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ ชื่นชมธรรมชาติแต่พอดี แฮปปี้รัวรัวค่ะ
แบบที่สอง ลงเรือไปสัมผัสธรรมชาติแนวป่าชายเลน แล้วค่อยไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือกลางป่า และเดินย้อนกลับมายังทุ่งโปรงทอง
สำหรับทางเลือกนี้ จะเสียค่าล่องเรือคนละ 50 บาทค่ะ ใช้เวลาล่องเรือประมาณครึ่งชั่วโมง
ตลอดเส้นทางเราจะได้เห็นธรรมชาติของป่าชายเลนจากสองฝั่งแม่น้ำ
ได้เห็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนแบบใกล้ๆ เช่น ปูก้ามดาบ ปลาตีน และฟาร์มหอยนางรมที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
และที่เด็ดมากๆๆๆสำหรับการล่องเรือในครั้งนี้ก็คือ น้องคนขับเรือพาเราไปยังสุดขอบชายฝั่งทะเลป่าโกงกาง
ซึ่งจะมีแนวไม้ไผ่กันคลื่นปักเป็นกำแพงยาวสวยงามมากๆค่ะ เอาจริงๆตรงนี้ถ้าไม่นั่งเรือมา ไม่มีทางมาถึงแน่ๆ
วิวตรงนี้คือดีงามจริงๆ ช่างคุ้มค่ากับ 50 บาที่เสียไป... แถมยังจอดเรือให้ลงไปถ่ายรูปอีก ช่างรู้ใจจริงๆ
เอาล่ะ เมื่อถ่ายรูปกันจนเต็มอิ่ม น้องคนขับเรือก็พาเราย้อนกลับเข้าไปในป่าโกงกาง
สำหรับใครจะอยากจะเดินไปชมทุ่งโปรงทอง ให้ขึ้นเรือที่ท่าเรือศาลเจ้าพ่อแสมภู่ ค่ะ
จากนั้นเดินไปอีก 330 เมตร ก็จะมาเจอทุ่งโปรงทองแล้ว รวมๆแล้วอยากเชียร์ให้ล่องเรือแล้วค่อยเดินชมธรรมชาตินะคะ ได้บรรยากาศมากๆ
ปล. ที่นี่ร้อนมากๆๆๆๆนะคะ ไม่มีร่มไม้ให้หลบแดดเลย แนะนำให้เตรียมร่มหรือหมวกมาด้วยค่ะ
รูปเยอะมากนะคะ ลองไถดูรัวรัว
ตามอ่านต่อได้ที่คอมเม้นนะคะ...