สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะครับผมชื่อจิฟโฟ่วนะครับ นี่ก็เป็นการเขียนกระทู้ครั้งที่ 2 ของผมเลยครับ
จากกระทู้แรก
"อ้วน เตี้ย ตัน ตัวดำ ฟันเหยิน" เรียกว่ารวมกันมาหลายๆ Gen ของผม 5555+
แล้วก็ห่างหายไปอย่างยาวนาน
กาลเวลาผ่านไป หุ่นและหน้าก็เริ่มใหญ่ขึ้นๆ (ก็ของอร่อยมันเยอะ โดยเฉพาะปิ้งย่าง) หน้าเริ่มบานขึ้น เหนียงเริ่มมาเพราะ Enjoy กับการกิน บวกกับเป็นพิธีกรรายการอาหารด้วย ยิ่งแล้วใหญ่เลย
จนเพื่อนๆ และ คนใกล้ตัวทักว่า
"เฮ้ยยย Botox หมดเหรอหน้าบานเชียว" คือยังมีคนเข้าใจว่า Botox ช่วยทำให้หน้าไม่บาน ขอบอกเลยว่า มันไม่ใช่น๊า Botox ช่วยลดกรามได้ แต่ไม่ได้ช่วยลดหน้าบานๆ(ไขมันที่แก้ม) ได้เลยน๊า เคยปรึกษาหมอว่าทำไงดี ไม่อยากหน้าบาน ยิ่งเวลาถ่ายรูป ถ่ายงาน หันข้างยิ่งกว่า 45องศา หมอเลยแนะนำให้ฉีดแฟต (ฉีดสลายลดไขมัน) จะดีกว่า เพราะหน้าผมนั้นมันคือไขมัน (สันคอหมูบ้าง สามชั้นบ้าง ฯลฯ แค่พูดก็หิว) 5555555+ จนทำให้หลายๆปีที่ผ่านมา ก็แวบเข้าคลีนิคให้หมอจิ้มแก้มและเหนียง มาโดยตลอด ช่วงไหนไม่ว่าง หน้าก็จะเริ่มใหญ่ขึ้นๆ (ทำไมไม่ออกกำลังกาย : เคยออกแล้วนะ แต่หน้าก็ไม่ได้ลดตาม)
ยิ่งเวลาออกกล้อง โอ้วววโหววว คูณเข้าไป หน้าเดิมใหญ่เท่าไหร่ เวลาออกทีวีก็คูณเข้าไปจ้า
เลยศึกษาข้อมูลมาเรื่อยๆว่า ทำไงให้แก้มและเหนียงหายไป เคยอ่านเจอก็มี ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม เห้ยยคือดีน่าสนใจ ไม่เห็นแผลด้วย ก็เริ่มเก็บข้อมูลมาตลอด จนมีเพื่อนคนนึงไปดูดไขมันที่ท้องมา เราแบบเห้ยยยยมันดีอ่ะ หน้าท้องหายไปเลย ก็เลยถามมันเล่นๆว่า หน้าบานๆนี่ดูดได้มั้ย สรุปคือได้ เพื่อนมันก็แนะนำคลีนิคนี้มา Siam Loft Clinic ก่อนอื่นก็ลองหาข้อมูล ดูรีวิว น่าสนใจจากนั้นเลยเข้าไปหาคุณหมอ หมอแนะนำว่าให้ดูดไขมัน หน้าและเหนียงด้วย
Vaser Smooth เครื่องนี้ดูดได้หลายส่วน ท้อง แขน ขา หน้า เหนียง คลีนิคเคลมมาบอกว่า ไม่เจ็บ ไม่ช้ำ ไม่มีแผลเป็นด้วย เออน่าสนนะ แต่กลัวเจ็บ มันดูน่ากลัว เคยเห็นคลิปในยูทูปและแบบ น่าสยองๆ เลยต้องถอยทัพเพราะความอ่อนของตัวเอง 55555+ หมอครับฉีดแฟตก็พอก่อนครับ (ขอลองมือคุณหมอก่อน) ปรากฎว่าประทับใจในความมือเบาจ้า คือหมอมือเบามากกกกกกก ใจดี ใจเย็น ชวนคุยตลอด ก็เลยบอกคุณหมอว่า หมอครับถ้าดูดไขมัน มันเจ็บมั้ยครับ เป็นรอยมั้ย บวมมากมั้ย แต่คำตอบคือ เจ็บนิดหน่อยตอนฉีดยาชา ไม่มีรอยแผลเป็นนะ แล้วก็ไม่บวมทำเสร็จก็เดินเล่นได้เลยนะ (บ้าจริง....ชิวขนาดนั้นเลยเหรอ) แล้วด้วยความสงสัยว่าระหว่าง
"ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม VS ดูดไขมัน" อันไหนเวิร์คกว่ากัน คุณหมอก็แนะนำว่าดูดไขมัน ขั้นตอนการดูแลจะดีกว่า เพราะแผลอยู่ข้างนอก จะดูแลทำความสะอาดง่ายกว่า แผลที่อยู่ในปาก แล้วอีกอย่างคือ ไม่กระทบกับเส้นประสาทต่างๆด้วย เพราะดูดไขมันจะทำจากชั้นผิวหนังไปยังชั้นไขมัน ถ้าผ่าไขมันที่กระพุ้งแก้มโอกาสเสี่ยงติดเชื้อง่ายกว่าด้วย จากนั้นก็เก็บมาคิดพิจารณา คำนวณค่าฉีดแฟตในแต่ละเดือนรวมๆกันไปมา ถ้าดูดไขมันออกไปเลย ทีเดียวเลยน่าจะคุ้มกว่า (ตอนที่ทำมีโปรลดราคากับแถมฉายแสงลดบวมด้วย) เออคุ้มก็เลยโทรนัดกับทางคลีนิค ได้คิวทำหลังวันเกิดพอดี (ของขวัญวันเกิดกันเลยทีเดียว555+) 11 เมษายน เวลา 19.00น. คิวสุดท้ายของวันพอดี คืนนั้นนอนแทบไม่หลับพูดเลย 55555+
มาเตรียมตัวก่อนทำทางคลีนิคแจ้งว่า ให้งดกินวิตามิน อาหารเสริม แอลกฮอล์ก ก่อนจะมาทำ ด้วยความเป็นคนไม่ดื่มอยู่แล้วสบายมากเลยชิวๆ ถึงคลีนิคก็นั่งรอคิวเรียก นั่งรอไม่นานก็เปลี่ยนชุด จากนั้นคุณหมอก็ถามว่ากังวลตรงไหนบ้าง ตอบคำเดียวเลยว่า หน้าบาน แค่ยิ้มก็ดูหน้าบานละครับ เหนียงก็ออก 55+ จากนั้นคุณหมอก็เริ่มเอาปากกาวาดๆๆๆ ส่วนที่จะเอาไขมันออก
โอโห้!!!! เห็นแล้วอยากหมอว่า ตัดหัวผมเลยมั้ยครับ วาดขนาดนี้หมึกปากกาจะหมดก่อนมั้ยอ่า หมอแอบขำเฉยเลย จากนั้นก็เตรียมเข้าห้องเฉือด (ฟิวมันแบบนี้เลยกลัวโคตรๆ 55+ ) เริ่มนอนลงบนเตียง ห้องเงียบสนิทมากเลยถามพยาบาลว่า เปิดเพลงได้มั้ยครับมันเงียบเกิน พยาบาลถามเอาเพลงแนวไหนดีเอ่ย ตอบกลับไปด้วยความไวแสง พี่เอาเพลงลูกทุ่งครับ และเพลงที่ได้ฟังระหว่างการดูดไขมัน "คำแพง" เพลงนี้ได้ฟังตอนระหว่างคลีนซิ่งหน้า 55555555+ เออได้ฟิวไปอีกแบบ
มาขั้นตอนทำกันเลย เริ่มแรกก็ใส่ที่วัดชีพจรที่ปลายนิ้ว ใส่เครื่องวัดความดันที่แขน คลีนซิ่งหน้า ทายาทั่วหน้า คุณหมอก็เริ่มลงมือ ฉีดยาชาจุดแรกที่ทำก็เหนียงเลย ใต้คางจากนั้นคุณหมอก็จะใส่น้ำเกลือเข้าไป มันจะตึงๆหน่อย จากนั้นก็จะได้ยินเสียงวี๊ดๆๆ ก็ถามคุณหมอตลอดว่า เสียงอะไร คำตอบคือมันคือเสียงคลื่นความถี่ กำลังทำงานตีไขมัน จากนั้นก็เริ่มดูดไขมันที่ตีได้ออกมา (ไม่รู้หมอจะรำคาญมั้ย 555+ เพราะถามตลอดเลย) สักพักหมอบอกเสร็จไป 1 จุด
เราจะไปกันต่อที่แก้มด้านขวา ทำเหมือนเดิมเลยฉีดยาชา ใส่น้ำเกลือ ตีไขมัน แล้วก็ดูด เสร็จข้างขวาต่อด้วยข้างซ้าย คือจะบอกว่ามันชิวมากๆ เพราะคุณหมอชวนคุยตลอด บอกขั้นตอนการทำให้ฟัง ผ่านไปน่าจะเกือบชั่วโมงนึงได้ ก็เสร็จเรียบร้อย ไม่เจ็บเลย แต่หน้าหลังทำเสร็จจะบวมๆน้ำเกลือหน่อย แต่เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วยุบลงเรื่อยๆ หลังจากดูดไขมันเสร็จก็ขอแชะกับคุณหมอ พร้อมกับเจ้าไขมันกันหน่อย 555555+
คุณหมอบอกว่าแก้มกับเหนียงของผมนั้นดูดได้ไป 100ซีซี เลยแอบแซวหมอว่า คนอื่นเค้าเยอะขนาดนี้มั้ยครับ หมอบอกเฉลี่ยก็ 60 ซีซี (555+ ของเราก็เยอะสินะ) ของผมนี่อันดับ2 เพราะอันดับ1นี่คือ ผู้หญิงหุ่นเจ้าเนื้อเลย ดูดได้เยอะมาก ผลสรุปตอนนี้คือ ประทับใจแรกมันไม่เจ็บ และ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังทำเสร็จเห็นกรอบหน้าตัวเองชัดขึ้น แต่จะเห็นชัดขึ้นไปอีก เดี๋ยวครบสัปดาห์จะมาลงรูปให้ดูเพิ่มอีก ฝากกระทู้ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ และ เป็นกำลังใจด้วยน๊าครับ ^^
ปล.สงกรานต์นี้อดเล่นน้ำเลย 55555+ แต่ไม่เป็นไรขอเสริมหล่อก่อนละกัน
[CR] รีวิว ดูดไขมัน แก้ม&เหนียง โอม...หน้ากลมๆจงหายไป เพี้ยงงงง!!!
จากกระทู้แรก "อ้วน เตี้ย ตัน ตัวดำ ฟันเหยิน" เรียกว่ารวมกันมาหลายๆ Gen ของผม 5555+
แล้วก็ห่างหายไปอย่างยาวนาน
กาลเวลาผ่านไป หุ่นและหน้าก็เริ่มใหญ่ขึ้นๆ (ก็ของอร่อยมันเยอะ โดยเฉพาะปิ้งย่าง) หน้าเริ่มบานขึ้น เหนียงเริ่มมาเพราะ Enjoy กับการกิน บวกกับเป็นพิธีกรรายการอาหารด้วย ยิ่งแล้วใหญ่เลย
จนเพื่อนๆ และ คนใกล้ตัวทักว่า "เฮ้ยยย Botox หมดเหรอหน้าบานเชียว" คือยังมีคนเข้าใจว่า Botox ช่วยทำให้หน้าไม่บาน ขอบอกเลยว่า มันไม่ใช่น๊า Botox ช่วยลดกรามได้ แต่ไม่ได้ช่วยลดหน้าบานๆ(ไขมันที่แก้ม) ได้เลยน๊า เคยปรึกษาหมอว่าทำไงดี ไม่อยากหน้าบาน ยิ่งเวลาถ่ายรูป ถ่ายงาน หันข้างยิ่งกว่า 45องศา หมอเลยแนะนำให้ฉีดแฟต (ฉีดสลายลดไขมัน) จะดีกว่า เพราะหน้าผมนั้นมันคือไขมัน (สันคอหมูบ้าง สามชั้นบ้าง ฯลฯ แค่พูดก็หิว) 5555555+ จนทำให้หลายๆปีที่ผ่านมา ก็แวบเข้าคลีนิคให้หมอจิ้มแก้มและเหนียง มาโดยตลอด ช่วงไหนไม่ว่าง หน้าก็จะเริ่มใหญ่ขึ้นๆ (ทำไมไม่ออกกำลังกาย : เคยออกแล้วนะ แต่หน้าก็ไม่ได้ลดตาม)
ยิ่งเวลาออกกล้อง โอ้วววโหววว คูณเข้าไป หน้าเดิมใหญ่เท่าไหร่ เวลาออกทีวีก็คูณเข้าไปจ้า
เลยศึกษาข้อมูลมาเรื่อยๆว่า ทำไงให้แก้มและเหนียงหายไป เคยอ่านเจอก็มี ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม เห้ยยคือดีน่าสนใจ ไม่เห็นแผลด้วย ก็เริ่มเก็บข้อมูลมาตลอด จนมีเพื่อนคนนึงไปดูดไขมันที่ท้องมา เราแบบเห้ยยยยมันดีอ่ะ หน้าท้องหายไปเลย ก็เลยถามมันเล่นๆว่า หน้าบานๆนี่ดูดได้มั้ย สรุปคือได้ เพื่อนมันก็แนะนำคลีนิคนี้มา Siam Loft Clinic ก่อนอื่นก็ลองหาข้อมูล ดูรีวิว น่าสนใจจากนั้นเลยเข้าไปหาคุณหมอ หมอแนะนำว่าให้ดูดไขมัน หน้าและเหนียงด้วย Vaser Smooth เครื่องนี้ดูดได้หลายส่วน ท้อง แขน ขา หน้า เหนียง คลีนิคเคลมมาบอกว่า ไม่เจ็บ ไม่ช้ำ ไม่มีแผลเป็นด้วย เออน่าสนนะ แต่กลัวเจ็บ มันดูน่ากลัว เคยเห็นคลิปในยูทูปและแบบ น่าสยองๆ เลยต้องถอยทัพเพราะความอ่อนของตัวเอง 55555+ หมอครับฉีดแฟตก็พอก่อนครับ (ขอลองมือคุณหมอก่อน) ปรากฎว่าประทับใจในความมือเบาจ้า คือหมอมือเบามากกกกกกก ใจดี ใจเย็น ชวนคุยตลอด ก็เลยบอกคุณหมอว่า หมอครับถ้าดูดไขมัน มันเจ็บมั้ยครับ เป็นรอยมั้ย บวมมากมั้ย แต่คำตอบคือ เจ็บนิดหน่อยตอนฉีดยาชา ไม่มีรอยแผลเป็นนะ แล้วก็ไม่บวมทำเสร็จก็เดินเล่นได้เลยนะ (บ้าจริง....ชิวขนาดนั้นเลยเหรอ) แล้วด้วยความสงสัยว่าระหว่าง "ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม VS ดูดไขมัน" อันไหนเวิร์คกว่ากัน คุณหมอก็แนะนำว่าดูดไขมัน ขั้นตอนการดูแลจะดีกว่า เพราะแผลอยู่ข้างนอก จะดูแลทำความสะอาดง่ายกว่า แผลที่อยู่ในปาก แล้วอีกอย่างคือ ไม่กระทบกับเส้นประสาทต่างๆด้วย เพราะดูดไขมันจะทำจากชั้นผิวหนังไปยังชั้นไขมัน ถ้าผ่าไขมันที่กระพุ้งแก้มโอกาสเสี่ยงติดเชื้อง่ายกว่าด้วย จากนั้นก็เก็บมาคิดพิจารณา คำนวณค่าฉีดแฟตในแต่ละเดือนรวมๆกันไปมา ถ้าดูดไขมันออกไปเลย ทีเดียวเลยน่าจะคุ้มกว่า (ตอนที่ทำมีโปรลดราคากับแถมฉายแสงลดบวมด้วย) เออคุ้มก็เลยโทรนัดกับทางคลีนิค ได้คิวทำหลังวันเกิดพอดี (ของขวัญวันเกิดกันเลยทีเดียว555+) 11 เมษายน เวลา 19.00น. คิวสุดท้ายของวันพอดี คืนนั้นนอนแทบไม่หลับพูดเลย 55555+
มาเตรียมตัวก่อนทำทางคลีนิคแจ้งว่า ให้งดกินวิตามิน อาหารเสริม แอลกฮอล์ก ก่อนจะมาทำ ด้วยความเป็นคนไม่ดื่มอยู่แล้วสบายมากเลยชิวๆ ถึงคลีนิคก็นั่งรอคิวเรียก นั่งรอไม่นานก็เปลี่ยนชุด จากนั้นคุณหมอก็ถามว่ากังวลตรงไหนบ้าง ตอบคำเดียวเลยว่า หน้าบาน แค่ยิ้มก็ดูหน้าบานละครับ เหนียงก็ออก 55+ จากนั้นคุณหมอก็เริ่มเอาปากกาวาดๆๆๆ ส่วนที่จะเอาไขมันออก
โอโห้!!!! เห็นแล้วอยากหมอว่า ตัดหัวผมเลยมั้ยครับ วาดขนาดนี้หมึกปากกาจะหมดก่อนมั้ยอ่า หมอแอบขำเฉยเลย จากนั้นก็เตรียมเข้าห้องเฉือด (ฟิวมันแบบนี้เลยกลัวโคตรๆ 55+ ) เริ่มนอนลงบนเตียง ห้องเงียบสนิทมากเลยถามพยาบาลว่า เปิดเพลงได้มั้ยครับมันเงียบเกิน พยาบาลถามเอาเพลงแนวไหนดีเอ่ย ตอบกลับไปด้วยความไวแสง พี่เอาเพลงลูกทุ่งครับ และเพลงที่ได้ฟังระหว่างการดูดไขมัน "คำแพง" เพลงนี้ได้ฟังตอนระหว่างคลีนซิ่งหน้า 55555555+ เออได้ฟิวไปอีกแบบ
มาขั้นตอนทำกันเลย เริ่มแรกก็ใส่ที่วัดชีพจรที่ปลายนิ้ว ใส่เครื่องวัดความดันที่แขน คลีนซิ่งหน้า ทายาทั่วหน้า คุณหมอก็เริ่มลงมือ ฉีดยาชาจุดแรกที่ทำก็เหนียงเลย ใต้คางจากนั้นคุณหมอก็จะใส่น้ำเกลือเข้าไป มันจะตึงๆหน่อย จากนั้นก็จะได้ยินเสียงวี๊ดๆๆ ก็ถามคุณหมอตลอดว่า เสียงอะไร คำตอบคือมันคือเสียงคลื่นความถี่ กำลังทำงานตีไขมัน จากนั้นก็เริ่มดูดไขมันที่ตีได้ออกมา (ไม่รู้หมอจะรำคาญมั้ย 555+ เพราะถามตลอดเลย) สักพักหมอบอกเสร็จไป 1 จุด
เราจะไปกันต่อที่แก้มด้านขวา ทำเหมือนเดิมเลยฉีดยาชา ใส่น้ำเกลือ ตีไขมัน แล้วก็ดูด เสร็จข้างขวาต่อด้วยข้างซ้าย คือจะบอกว่ามันชิวมากๆ เพราะคุณหมอชวนคุยตลอด บอกขั้นตอนการทำให้ฟัง ผ่านไปน่าจะเกือบชั่วโมงนึงได้ ก็เสร็จเรียบร้อย ไม่เจ็บเลย แต่หน้าหลังทำเสร็จจะบวมๆน้ำเกลือหน่อย แต่เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วยุบลงเรื่อยๆ หลังจากดูดไขมันเสร็จก็ขอแชะกับคุณหมอ พร้อมกับเจ้าไขมันกันหน่อย 555555+
คุณหมอบอกว่าแก้มกับเหนียงของผมนั้นดูดได้ไป 100ซีซี เลยแอบแซวหมอว่า คนอื่นเค้าเยอะขนาดนี้มั้ยครับ หมอบอกเฉลี่ยก็ 60 ซีซี (555+ ของเราก็เยอะสินะ) ของผมนี่อันดับ2 เพราะอันดับ1นี่คือ ผู้หญิงหุ่นเจ้าเนื้อเลย ดูดได้เยอะมาก ผลสรุปตอนนี้คือ ประทับใจแรกมันไม่เจ็บ และ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังทำเสร็จเห็นกรอบหน้าตัวเองชัดขึ้น แต่จะเห็นชัดขึ้นไปอีก เดี๋ยวครบสัปดาห์จะมาลงรูปให้ดูเพิ่มอีก ฝากกระทู้ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ และ เป็นกำลังใจด้วยน๊าครับ ^^
ปล.สงกรานต์นี้อดเล่นน้ำเลย 55555+ แต่ไม่เป็นไรขอเสริมหล่อก่อนละกัน