ทะเบียนบ้านถูกแจ้งยกเลิก 3 ครั้ง โดยผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ไม่ใช่เจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน อยากร้องเรียนแต่....

สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่ได้รับประสบการณ์แบบ งง มาก ถึงมากที่สุดมาจากที่ว่าการอำเภอแห่งหนึ่ง

เหตุการณ์ครั้งที่ 1
เริ่มจากจุดเริ่มต้นนะคะ เราซื้อบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านทาวเฮาส์ ชั้นเดียว หนึ่งหลัง เป็นบ้านมือสองนะคะ ซื้อต่อมาจากเจ้าบ้านโดยตรง
เจ้าบ้านเดิมซื้อบ้านไว้ แต่ไม่ได้อยู่ เจ้าบ้านถือครองโฉนดบ้านพร้อมที่ดินแปลงนี้
พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านฉบับดั้งเดิมตั้งแต่ยังเป็นแผ่นสีขาวแผ่นใหญ่อยู่เลยค่ะ
เจ้าบ้านนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาครบ เราก็ไปจัดการซื้อขายกันที่ที่ดิน จ่ายภาษีเรียบร้อย
แต่พอถึงขั้นตอนการไปขอเล่มทะเบียนบ้าน เจ้าของบ้านซึ่งเป็นคนเดียวกันกับเจ้าของในใบโฉนดที่ดิน และเป็นเจ้าบ้านในใบทะเบียนบ้าน
แจ้งเราว่าไม่เคยมาทำทะเบียนบ้านเล่มใหม่มาก่อน ให้เรามาขอทะเบียนบ้านที่เป็นเล่มที่อำเภอ
เราก็มาขอ แต่ปรากฏว่า มีผู้อื่นมาแจ้งทะเบียนบ้านหาย ยกเลิกทะเบียนบ้านฉบับที่เจ้าบ้านที่ขายบ้านให้เราถือครองอยู่
แล้วขอทะเบียนบ้านแบบใหม่ไปแล้ว
เจ้าบ้านเดิมก็มายืนยันว่าไม่เคยขอ ไม่เคยมาเอาไปทำอะไร พอดูในคำร้องผู้ขอก็ไม่ใช่เจ้าบ้าน เจ้าบ้านก็ไม่รู้จักด้วยว่าเป็นชื่อของใคร
อำเภอก็ไม่ยอมออกทะเบียนบ้านให้เรา คุยกันนานพอสมควร เราเอาสัญญาซื้อขายมายืนยัน เอาโฉนดที่ดินมายืนยัน เอาทะเบียนบ้านฉบับที่เจ้าบ้านถือครองอยู่มายืนยัน ครั้งนี้ ทางอำเภอแจ้งยกเลิกฉบับที่ใครก็ไม่รู้ถือครองอยู่ ให้เรา แล้วออกฉบับใหม่ให้เราถือไว้ บ้านหลังนี้เป็นบ้านติดกับบ้านที่เราอาศัยอยู่ ณ ตอนนั้น เราซื้อบ้านหลังนี้เพราะอยากจะทุบผนังให้เป็นบ้านหลังเดียวกันในอนาคต เราจึงไม่ได้ใส่ชื่อเจ้าบ้านไว้ในรอบนี้ คือมีแค่ทะเบียนบ้านแต่ไม่มีเจ้าบ้านไม่มีผู้อาศัย

เหตุการณ์ที่ 2
แม่ของเราย้ายมาอยู่กับเรา เราเห็นว่าบ้านอีกหลังว่างไม่มีเจ้าบ้าน เราเลยจะเอาชื่อแม่ไปใส่ไว้ในทะเบียนบ้านให้แม่เป็นเจ้าบ้านหลังนี้
เราก็ไปอำเภอเพื่อทำเรื่องเพิ่มชื่อเจ้าบ้าน แต่.....เมื่อไปถึงอำเภอปรากฏว่า สำเนาทะเบียนบ้านฉบับที่เราถือครองอยู่นั้นถูกแจ้งยกเลิกไปแล้ว
เปิดดูในคำร้อง มีผู้อื่นมาแจ้งยกเลิกแล้วคัดเอาทะเบียนบ้านเล่มใหม่ไปจากอำเภอ เราขอให้อำเภอยกเลิกฉบับนั้นเพราะเราเป็นเจ้าของที่บ้านหลังนั้นถูกต้องตามกฎหมาย อำเภอบอกว่า ไม่ได้ จะต้องแจ้งให้เจ้าบ้านหลังนั้นมาลงชื่อย้ายออกไป เราก็งง ว่าเขาเป็นใคร บ้านนี้ของเรา ทำไมเราถึงทำอะไรไม่ได้เลย แต่ทะเบียนบ้านฉบับของเรากลับถูกยกเลิก ทางอำเภอบอกยังไงก็ไม่ได้ ให้เรากลับบ้าน แล้วจะดำเนินการเรียกผู้ที่ถือครองสำเนาทะเบียนบ้านอีกฉบับมาเซ็นชื่อคำร้องขอย้ายก่อน ถึงจำทำเล่มใหม่ให้เราได้ (ถึงตรงนี้เราก็ งง หนักมาก เพราะตอนเราทำมีปัญหาต้องรอคนมาคัดทะเบียนบ้านของเราไปมาเซ็น แต่พอเราซึ่งถือครองโฉนดที่ดินถูกต้องมีหลักฐานมาพร้อมขอทะเบียนบ้านตัวเองคืนกลับทำไม่ได้)
ทางอำเภอบอกให้เรากลับบ้านไปก่อน เมื่ออีกคนมาเซ็นชื่อเรียบร้อยจะโทรแจ้งให้มาทำทะเบียนบ้านเล่มใหม่
เราก็กลับบ้าน ไม่ถึงชั่วโมง ทางอำเภอโทรมาแจ้งว่าอีกคนมาเซ็นชื่อแล้ว และกลับบ้านไปแล้ว เราก็อึ้งเลย เพราะเมื่อสักครู่ตอนอยู่อำเภอ
เจ้าหน้าที่บอกเราว่า ไม่รู้เป็นใคร ที่ไหน ต้องใช้เวลาตามหลายวัน แต่ผ่านไปแป้บเดียวเรียกเรากลับไปใหม่บอกได้แล้ว
เราก็กลับไป ทางอำเภอถือทะเบียนบ้านอีกเล่มที่มีคนขอคัดไปอยู่ในมือเรียบร้อย เราขอดู (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปทะเบียนบ้านเล่มนั้นไว้)
ปรากฏว่า ........นอกจากมีเจ้าบ้านคนใหม่ ยังมีสมาชิกในบ้านที่ย้ายเข้า ย้ายออก เยอะแยะ ยาวเป็นหางว่าวตามมาอีก
ทางอำเภอจัดการย้ายทุกคนในทะเบียนบ้านนั้นออกหมด แล้วเอาแม่เราเข้าไปเป็นเจ้าบ้าน ย้ายเสร็จทางอำเภอจัดการยกเลิกเล่มนั้นแล้วออกเล่มใหม่ให้แม่เราถือไว้ เป็นเล่มที่ขาวสะอาด มีแค่รายละเอียดบ้านและชื่อแม่ของเรา เราพยายามจะถามว่าทำไมเวลายกเลิกของเราถึงทำกันได้ง่ายๆ แต่พอเรามาทำถึงยุ่งยาก ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนแบบนี้ ทีให้แม่เราเข้าเป็นเจ้าบ้าน สามีเรายังต้องเขียนระบุในสัญญาซื้อขายว่า
ยินยอมให้ นาง......... เป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน
แต่พอคนอื่นมาแจ้งยกเลิกไปทำไมทำง่ายจัง เราก็โดนปลัดอำเภอ ณ ตอนนั้น ย้อนกลับเหมือนเราเรื่องมากถามจุกจิก สร้างปัญหา ทั้งที่เราถามเพราะมันเป็นสิทธิที่เราควรได้รับคำชี้แจงด้วยเหตุผลที่ชัดเจน สรุปเราก็ไม่ได้คำตอบอะไร เลิกแล้วกันไป ทีแรกสามีเราคิดจะไปแจ้งความแต่ทางปลัดอำเภอบอกจะจัดการให้เรียบร้อยเอง ให้ใจเย็นๆ แล้วมาพูดดีกับเรา เราก็อืมนะ เราได้ทะเบียนบ้านแล้ว ใส่ชื่อเจ้าบ้านแล้วคงไม่มีปัญหาแล้วดีกว่าปล่อยบ้านให้ว่างไม่มีเจ้าของ แต่...............

เหตุการณ์ที่ 3
วันนี้ เราได้รับโทรศัพท์มาจากผู้ซื้อบ้านหลังถัดจากเราสองหลัง ว่า.....เลขที่บ้านซ้อนกัน บ้านเขากับบ้านเราที่คนละแปลง บ้านคนละหลังโฉนดคนละใบ อยู่ไม่ไกลกัน เราขอ สมมติเลขที่บ้าน ว่าเป็นเลขที่ 20/19 นะคะ
น้องคนนี้บอกว่า แม่ของเขาซื้อบ้านหลังนี้มาเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์
วันนี้แม่ของน้องจะไปเปลี่ยนชื่อที่ไฟฟ้าจากเจ้าของบ้านเดิมเป็นชื่อตนเอง
แต่ เมื่อการไฟฟ้าตรวจสอบปรากฏว่า บ้านเลขที่ที่แจ้งนั้น เป็นบ้านของเรา หม้อแปลงไฟฟ้า ของบ้านเลขที่ 20/19 เป็นหม้อที่อยู่หน้าบ้านของเรา
น้องเขาเลยโทรศัพท์ไปหาเราแจ้งเราว่า บ้านเลขที่มันเหมือนกัน เราก็รีบทิ้งงานมาทันที ต่างฝ่ายต่างถือเอกสารในมือมาด้วย
มาเจอกันที่อำเภอ เป็นเวลาพักกลางวันพอดี เราเลยขอดูเอกสารของกันและกัน
ปรากฏว่า สำเนาทะเบียนบ้านของน้องเขา เหมือนของเราทั้งเลขที่บ้าน ทั้งบ้านเลขที่ มีชื่อแม่ของเราด้วย แต่ปั๊มสีน้ำเงินว่า ย้าย
ส่วนเล่มของเราก็คงกลายเป็นเล่มที่ถูกยกเลิกไปตามระเบียบ (อีกแล้ว)
เราดูในเอกสารสัญญาซื้อขายของน้องที่ถืออยู่ ระบุว่า ขายที่ดินพร้อมบ้าน ไม่มีเลขที่ .....
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงเราก็เข้าไปพร้อมกัน เจ้าหน้าที่ก็มาช่วยกันดูเอกสาร อธิบายกันไปพักใหญ่กว่าจะเข้าใจตรงกันได้ ว่าบ้านเลขที่มันซ้ำกันอยู่
เจ้าหน้าที่ก็เห็นพ้องต้องกันว่า บ้านของเราถูกต้อง แต่อีกหลังไม่น่าจะใช่บ้านเลขที่ 20/19
เราโทรไปสอบถามคนขายบ้านหลังของน้องเขา ว่าตอนมาแจ้งมีเอกสารมั้ยว่า บ้านของคุณเป็นบ้านเลขที่นั้นๆ
เขาบอกว่า เขาซื้อมาจากกองบังคับคดี ตอนนั้นจำได้ว่า บ้านเลขที่ 20/19 ถูกแล้ว เราก็ถามว่าแล้วมีทะเบียนบ้านฉบับเดิมมั้ย
เขาก็บอกว่าไม่มี ไม่มีเอกสารใดที่จะระบุได้เลยว่า หลังของเขาคือบ้านเลขที่เท่าไหร่กันแน่
เราบอกว่า ตอนเราซื้อเรามีสำเนาทะเบียนบ้านตั้งแต่มันยังเป็นทะเบียนบ้านใบใหญ่สีขาวอยู่เลยนะคะ แล้วเราก็ถือมาที่ดินวันนั้นด้วย ทำการซื้อขายเสร็จเรียบร้อย มีข้อความระบุในสัญญาซื้อขายชัดเจนว่าซื้อที่ดินพร้อมบ้านเลขที่ 20/19
เจ้าของบ้านหลังนั้นเลยนับบ้านว่า บ้านน้องเลขที่ 20/19 หลังถัดมา 20/20 งั้น ของพี่ก็ 20/21 สิ
เราก็บอกว่าไม่ใช่เพราะบ้านอีกหลังที่เราอยู่ตอนนั้น คือ 20/21 แล้ว บ้านในทาวเฮาส์นั้นไม่ได้เรียงลำดับบ้านเลขที่ จะกระโดดข้ามไปมาอยู่
ถึงตรงนี้เราก็เข้าใจแล้วว่า เจ้าของบ้านนึกคิดเอาว่าบ้านของเขาคือบ้านเลขที่ 20/19 โดยที่ไม่มีเอกสารใดยืนยันเลย
แต่ประเด็นที่เรานึกสงสัยอยู่ตรงที่ ...... เจ้าของบ้านเดิมที่ขายบ้านให้แม่ของน้องคนนั้น จำได้เลือนลาง และไม่มีเอกสารยืนยันใดๆ
แม้ตอนซื้อขายทางที่ดินยังไม่ระบุให้ในสัญญาซื้อขาย เนื่องจากไม่มีเอกสารอ้างอิง
แต่ทางปลัดอำเภอกลับเซ็นเอกสารให้ แจ้งหายทะเบียนบ้าน ยกเลิกทะเบียนบ้านของเรา แล้วทำเล่มใหม่ให้ แล้วแจ้งย้ายชื่อแม่ของเราเข้าทะเบียนบ้านกลาง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยที่แม่ของเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าหากห้วงเวลานั้นมีการเลือกตั้ง แม่ของเราก็ไม่สามารถไปเลือกตั้งได้ ถ้าหากแม่ของเราเกิดต้องไปทำธุรกรรมใดๆ แม่ของเราไม่ถือว่าใช้เอกสารหลักฐานปลอมหรืออย่างไร เพราะคนที่ถูกย้ายเข้าทะเบียนกลางไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ ได้เลย

เราถามว่า ณ ตอนนั้น ท่านปลัดอำเภอใช้หลักฐานอะไรมายืนยันว่า บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเลขที่ 20/19 ทั้งที่ไม่มีเอกสารอื่นใด
ท่านก็ให้เหตุผลว่า เราได้ให้เจ้าของบ้านคนใหม่ลงชื่อรับรองแล้วว่าได้แจ้งความจริงแก่ทางอำเภอ เพราะหากแจ้งความอันเป็นเท็จผู้แจ้งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เราแสดงท่าทีว่าจะไปร้องเรียน จะไปแจ้งความ ปลัดอำเภอท่านนั้นบอกเราว่า จะแจ้งความก็ได้นะ เอามั้ยหละ แต่แม่ของน้องเขาต้องติดคุก 3 ปี ข้อหาแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่เอามั้ย จะทำมั้ยหละ อำเภอไม่ได้ทำผิดอะไร เพียงแต่ทำไปตามที่ประชาชนร้องขอ
ในเมื่อประชาชนยื่นคำร้องทะเบียนบ้านหายเราก็ทำใหม่ให้ แต่คนมาแจ้งบอกบ้านเลขที่ผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีไป น้องคนที่มาแจ้งเขาก็บอกว่าวันนั้นมากับเจ้าของบ้านเดิม แล้วเขาเป็นคนบอกเองว่า บ้านเลขที่ ของบ้านหลังนั้นคือ 20/19 เขายืนยันแบบนั้น คนซื้อก็ไม่รู้ว่าบ้านเลขที่จริงๆ คืออะไร ก็เลยตามนั้นและเซ็นชื่อแจ้งหาย และขอเล่มทะเบียนบ้านใหม่ไป ถึงตรงนี้เราก็ไม่อยากให้น้องเขาเดือดร้อนไปติดคุกติดตะรางตามคำบอกกล่าวของปลัดอำเภอ เพราะหากน้องเขาไม่แจ้งเราไปเราก็ไม่มีวันรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเลขที่ของเรา เจตนาตรงนี้ของน้องเขาสำหรับเราคือบริสุทธิ์ใจ เมื่อรู้ก็รีบแจ้งแก้ไข แต่ปลัดอำเภอกลับมาบอกให้ไปดำเนินคดีกันเอาเอง เราหรือจะทำได้ลงคอ
......ต่อจากนั้นเราก็ถามว่า..งั้น วันหนึ่ง มีคนมาแจ้ง ทำทะเบียนบ้านหาย บ้านเลขที่ 20/19 อีก อำเภอก็ยกเลิกของเรา แล้วทำใหม่ให้เขาอีกเรามิต้องมากันอีกหรือ ปลัดอำเภอก็บอกว่ามันต้องพิสูจน์ว่าบ้านเลขที่นี้จริงหรือไม่ ต้องมีผู้ใหญ่มีกำนันมารับรอง มาค้นข้อมูลกันว่าตอนแจ้งบ้านเลขที่แจ้งกันอย่างไร บ้านเลขที่เท่าไหร่ เราก็ถามว่าแล้วทำไมถึงไม่ทำกับเล่มนี้หละ ปลัดก็บอกว่า ตอนนั้นทำเพราะ อนุโลมให้ (5555 เรานึกหัวในใจกับคำว่าอนุโลมให้นี่แหละ)
ปลัดบอกว่า อนุโลมให้เพราะถ้ามาแล้วขาดเอกสารนั่นนี่โน่น ต้องกลับไปเอากลับไปหาเสียเวลากัน เลยเพียงแต่ให้ลงชื่อในคำร้องแล้ว ลงลายมือชื่อรับรองแล้ว ว่าเป็นจริงก็อนุโลมให้กันได้ เพราะถือว่าถ้าแจ้งผิดผู้แจ้งจะยอมรับในโทษนั้น เลยไม่ได้สอบหาหลักฐานกันต่อว่า บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเลขที่นั้นจริงหรือไม่ เราก็คิดย้อนกลับไปในทุกเหตุการณ์ที่เรามาทำเอกสารเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ตั้งแต่แรก ทางอำเภอตรวจเอกสารเราเยอะมาก และเคยถูกปฏิเสธให้กลับบ้านไปด้วยซ้ำ ไม่ยอมทำให้ทั้งที่เอกสารเราชัดเจนว่าเป็นบ้านของเรา บ้านเลขที่นั้นของเรา แต่พอกรณีนี้ กลับบอกเราว่า "ทำโดยอนุโลมให้"
แล้วมาตัดพ้อต่อว่าห้อยท้ายมา ว่าพออำเภอไม่ทำให้ ต้องให้ไปเอาเอกสารหลักฐานมากมายก็หาว่าใจร้ายใจดำ แต่พออนุโลมให้ก็มาโทษเป็นความผิดของอำเภอ อะไรก็โทษเจ้าหน้าที่ .............. ประโยคนี้เราฟังแล้วจี๊ดมากกกกกกก ควรจะบอกว่าอนุโลมเฉพาะบางคนดีกว่ามั้ย เราผู้เสียหายกลับมาโดนด่า
แล้วให้เราซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ไปไล่เบี้ยฟ้องร้องกันเอาเอง โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ กับกรณีนี้เลยอย่างนั้นหรือ

เรื่องนี้เราอยากจะให้เป็นเรื่องที่เราจะสามารถร้องเรียนได้ ........ แต่เราก็ลังเลเพราะติดอยู่ตรงที่ น้องคนที่ซื้อใหม่ เขาไม่ทราบบ้านเลขที่ก็ถามคนขายแล้ว คนขายยืนยันเขาจึงลงลายมือชื่อยื่นคำร้องไป หากร้องเรียน น้องเขาจะต้องถูกดำเนินคดีจริงหรือเปล่า ถ้าต้องถูกดำเนินคดีจริง เราก็ต้องถอย เพราะเราเห็นใจน้องเขาเช่นกัน เพราะน้องไม่ได้มีเจตนาทุจริตใดๆ ต่อเจ้าหน้าที่เลย แต่เจ้าหน้าที่ผู้รู้กฎระเบียบอธิบายได้ทุกอย่าง กลับกระทำผิดเพราะคำว่าทำเพราะอนุโลมให้นั้น แล้วยกคำนั้นมาเป็นบุญคุณที่เราๆ ท่านๆ ต้องขอบคุณเขาอีก กับคำว่า อนุโลมให้แล้วเราต้องมาวุ่นวายทำเรื่องกันรอบที่สามเข้าไปแล้ว

หากท่านใดอ่านจนจบ อยากจะขอคำตอบว่า เหตุการณ์เช่นนี้ถ้าเราร้องเรียน ผู้ซื้อใหม่จะถูกดำเนินคดีจริงหรือคะ
ถ้าไม่จริงเราจะร้องเรียนที่ใดได้บ้างคะ ต้องแจ้งความหรือไม่คะ ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่