เรามีประสบการณ์เข้าโรงพยาบาลเอกชนมาฝาก...
อย่างที่ใครๆก้ทราบดีว่าโรงพยาบาลเอกชนมีราคาค่าใช้จ่ายค่อนข้างที่จะสูงมากกกก
เรื่องมีอยู่ว่า...
เราไม่สบาย ปวดท้อง ท้องเสียเป็นเลือด เลยไปตรวจที่รพ. ซึ่งตอนนั้นเองเราก้ปวดท้องแบบลุกเดินไม่ไหว ถึงตัดสินใจไปรพ.
รพ.นี้เป็นรพที่ไปหาเป็นประจำเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย พูดง่ายๆคือ มี record ของตัวเองไว้เลยคิดว่าถ้าไปหารพเดิมจะไม่วุ่นวาย.
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ
เราไปรพ.ตอนประมาณ 8 โมงเช้าของวันที่ 11 เมษา. โดยที่เข้าไปตรวจเป็นผู้ป่วยนอก หลังจากที่เช็คอาการเบื้องต้นเสด พยาบาลก้เข็นรถเข้าไปห้องฉุกเฉิน ให้เราได้รับการรักษาเลย
ตรวจเลือดเสด ก้ให้น้ำเกลือ ฉีดยา หลังจากนั้นก้เก็บ ปัสสาวะ อุจจาระ ไปตรวจ.
หลังจากรอการตรวจเสร็จ หมอก้บอกว่า เรามีเลือดออกทางอุจจาระเยอะ ลำไว้อาจจะมีแผล ต้องทำการส่องกล้อง
เราก้เลยบอกหมอว่า ขอปรึกษาพ่อแม่ก่อน
หลังจากที่คุยเรื่องส่องกล้องกันเสด ก้ตัดสินใจว่าไม่ส่อง. ขอรักษาอาการท้องเสียและปวดท้องให้หายก้พอ.
โดยที่หมอบอกให้เรา แอดมิดเข้ารพ และรอให้ยาและน้ำเกลือ. เราก้โอเค ไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากที่นอนพักอยู่รพไป 1 วันเต็มๆ ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงประมาณทุ่มนึง น้ำเกลือก้ใกล้จะหมด เลยตามพยาบาลมาว่า พอน้ำเกลือหมดจะให้เคลียค่ารักษาเลย พยาบาลก้นำเรื่องไปแจ้งธุระกรรม หลังจากนั้น ก้ให้พยาบาลมาเอาสายน้ำเกลือออก. พยาบาลบอกว่าเดี๋ยวจะเอาค่ารักษามาให้ที่ห้อง
เราก้เลยนั่งรอ. รอไปรอมา ผ่านไป 1 ชม ก้ยังเงียบ เราเลยสงสัยว่าทำไมเงียบไป คุณแม่ได้ออกไปตามพยาบาลที่ทำเรื่อง ปรากฏว่าแม่เดินกลับมาบอกว่า เค้าบอกให้ลงไปจ่ายเงินด้านล่างได้เลย ไม่ต้องรอ (อ้าวววว แล้วปล่อยให้เรารอเก้อในห้องเป็นชม.)
เราเลยรีบลงไปด้านล่างซึ่งตอนนั้นก้เวลา 2 ทุ่มกว่าเกือบ 3 ทุ่ม พอลงไปถึงจุดชำระเงิน ทางการเงินกลับบอกว่า การเงินของทางผู้ป่วยในปิดไปแล้วตั้งแต่ 2 ทุ่ม เราก้เลยอธิบายให้พนักงานฟังว่าเรารออยู่ข้างบนกันตั้งนาน ไม่งั้นก้คงลงมาทันเวลา
โดยที่พนักงานบอกว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดยังระบุไม่ได้ ต้องให้เราวางเงินมัดจำกับทางรพไว้ 2 หมื่น.
(พ่อแม่ ถึงกับงงว่าทำไมต้อง 2 หมื่น)
ใบแจ้งรายการค่ารักษาพยาบาลก้ยังไม่เห็น แต่จะให้จ่ายเลย 2 หมื่น แล้วก้บอกว่า ถ้าหากค่ารักษาเกินจะแจ้งเราอีกที แต่ถ้าหากค่ารักษาไม่ถึง 2 หมื่น ทางรพจะทำการคืนเงินส่วนที่เหลือโดยหักคืนทางบัตรเครดิตให้หลังจากทำการ 10 วัน. (คุณพ่อเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรค้างๆคาๆ คือถ้าจ่ายก้จ่ายเลย) ทางรพเลยบอกว่า ไม่อย่างงั้น รบกวนทางเราให้เข้ามาจ่ายพรุ่งนี้เช้า เค้าเตอร์จ่ายเงินจะเปิดทำการเวลา 7 โมงเช้า ให้เราเข้าไปชำระเงิน. ซึ่งเราก้ไม่มีปัญหาอะไรหากเห็นใบแจ้งรายการค่ารักษาว่าถูกต้องก้จะจ่าย.
ทางเราไม่รู้สึกดีกับการต้องมาจ่ายเงินก่อน 2 หมื่นโดยที่ไม่รู้ว่าค่ารักษาเท่าไหร่ ก้เลยบอกทางรพว่า ยังไม่จ่ายจนกว่าจะรู้ยอดค่ารักษาที่แน่ชัด.
เราก้เลยกลับบ้านไปแล้วค่อยมาจ่ายอีกวันรุ่งขึ้น.
ในส่วนของค่ารักษานั้น... เราเองก้รู้ว่า โรงพยาบาลเอกชนมันมีราคาค่อนข้างสูง แต่สูงขนาดนี้ เห็นแล้วถอนหายใจแรงๆ.
ส่วนอันนี้คือค่าห้อง เราอยู่ห้อง platinum ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นห้องเดี่ยวที่ราคาถูกสุดแล้ว.
ไม่ได้อยากจะร้องเรียนอะไร แค่อยากให้เพื่อนๆได้อ่านไว้เป็นการเตือนเฉยๆ
บทเรียนของเราคือ ถ้าไม่จำเป็นจิงๆ อย่าแอดมิด T T
ต่อไปนี้คงเปลี่ยนรพไป. ไม่เอาแล้วที่นี่อะ
ป.ล. พยาบาลที่มีอายุส่วนใหญ่ทำไมพูดจาไม่ดีเลยแหะ (สงสัยเฉยๆ) มองสายตาก้ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย...
อยากให้ปรับปรุงตรงจุดๆนี้มากกว่า.
ประสบการณ์เข้าโรงพยาบาลเอกชน
อย่างที่ใครๆก้ทราบดีว่าโรงพยาบาลเอกชนมีราคาค่าใช้จ่ายค่อนข้างที่จะสูงมากกกก
เรื่องมีอยู่ว่า...
เราไม่สบาย ปวดท้อง ท้องเสียเป็นเลือด เลยไปตรวจที่รพ. ซึ่งตอนนั้นเองเราก้ปวดท้องแบบลุกเดินไม่ไหว ถึงตัดสินใจไปรพ.
รพ.นี้เป็นรพที่ไปหาเป็นประจำเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย พูดง่ายๆคือ มี record ของตัวเองไว้เลยคิดว่าถ้าไปหารพเดิมจะไม่วุ่นวาย.
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ
เราไปรพ.ตอนประมาณ 8 โมงเช้าของวันที่ 11 เมษา. โดยที่เข้าไปตรวจเป็นผู้ป่วยนอก หลังจากที่เช็คอาการเบื้องต้นเสด พยาบาลก้เข็นรถเข้าไปห้องฉุกเฉิน ให้เราได้รับการรักษาเลย
ตรวจเลือดเสด ก้ให้น้ำเกลือ ฉีดยา หลังจากนั้นก้เก็บ ปัสสาวะ อุจจาระ ไปตรวจ.
หลังจากรอการตรวจเสร็จ หมอก้บอกว่า เรามีเลือดออกทางอุจจาระเยอะ ลำไว้อาจจะมีแผล ต้องทำการส่องกล้อง
เราก้เลยบอกหมอว่า ขอปรึกษาพ่อแม่ก่อน
หลังจากที่คุยเรื่องส่องกล้องกันเสด ก้ตัดสินใจว่าไม่ส่อง. ขอรักษาอาการท้องเสียและปวดท้องให้หายก้พอ.
โดยที่หมอบอกให้เรา แอดมิดเข้ารพ และรอให้ยาและน้ำเกลือ. เราก้โอเค ไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากที่นอนพักอยู่รพไป 1 วันเต็มๆ ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงประมาณทุ่มนึง น้ำเกลือก้ใกล้จะหมด เลยตามพยาบาลมาว่า พอน้ำเกลือหมดจะให้เคลียค่ารักษาเลย พยาบาลก้นำเรื่องไปแจ้งธุระกรรม หลังจากนั้น ก้ให้พยาบาลมาเอาสายน้ำเกลือออก. พยาบาลบอกว่าเดี๋ยวจะเอาค่ารักษามาให้ที่ห้อง
เราก้เลยนั่งรอ. รอไปรอมา ผ่านไป 1 ชม ก้ยังเงียบ เราเลยสงสัยว่าทำไมเงียบไป คุณแม่ได้ออกไปตามพยาบาลที่ทำเรื่อง ปรากฏว่าแม่เดินกลับมาบอกว่า เค้าบอกให้ลงไปจ่ายเงินด้านล่างได้เลย ไม่ต้องรอ (อ้าวววว แล้วปล่อยให้เรารอเก้อในห้องเป็นชม.)
เราเลยรีบลงไปด้านล่างซึ่งตอนนั้นก้เวลา 2 ทุ่มกว่าเกือบ 3 ทุ่ม พอลงไปถึงจุดชำระเงิน ทางการเงินกลับบอกว่า การเงินของทางผู้ป่วยในปิดไปแล้วตั้งแต่ 2 ทุ่ม เราก้เลยอธิบายให้พนักงานฟังว่าเรารออยู่ข้างบนกันตั้งนาน ไม่งั้นก้คงลงมาทันเวลา
โดยที่พนักงานบอกว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดยังระบุไม่ได้ ต้องให้เราวางเงินมัดจำกับทางรพไว้ 2 หมื่น.
(พ่อแม่ ถึงกับงงว่าทำไมต้อง 2 หมื่น)
ใบแจ้งรายการค่ารักษาพยาบาลก้ยังไม่เห็น แต่จะให้จ่ายเลย 2 หมื่น แล้วก้บอกว่า ถ้าหากค่ารักษาเกินจะแจ้งเราอีกที แต่ถ้าหากค่ารักษาไม่ถึง 2 หมื่น ทางรพจะทำการคืนเงินส่วนที่เหลือโดยหักคืนทางบัตรเครดิตให้หลังจากทำการ 10 วัน. (คุณพ่อเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรค้างๆคาๆ คือถ้าจ่ายก้จ่ายเลย) ทางรพเลยบอกว่า ไม่อย่างงั้น รบกวนทางเราให้เข้ามาจ่ายพรุ่งนี้เช้า เค้าเตอร์จ่ายเงินจะเปิดทำการเวลา 7 โมงเช้า ให้เราเข้าไปชำระเงิน. ซึ่งเราก้ไม่มีปัญหาอะไรหากเห็นใบแจ้งรายการค่ารักษาว่าถูกต้องก้จะจ่าย.
ทางเราไม่รู้สึกดีกับการต้องมาจ่ายเงินก่อน 2 หมื่นโดยที่ไม่รู้ว่าค่ารักษาเท่าไหร่ ก้เลยบอกทางรพว่า ยังไม่จ่ายจนกว่าจะรู้ยอดค่ารักษาที่แน่ชัด.
เราก้เลยกลับบ้านไปแล้วค่อยมาจ่ายอีกวันรุ่งขึ้น.
ในส่วนของค่ารักษานั้น... เราเองก้รู้ว่า โรงพยาบาลเอกชนมันมีราคาค่อนข้างสูง แต่สูงขนาดนี้ เห็นแล้วถอนหายใจแรงๆ.
ส่วนอันนี้คือค่าห้อง เราอยู่ห้อง platinum ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นห้องเดี่ยวที่ราคาถูกสุดแล้ว.
ไม่ได้อยากจะร้องเรียนอะไร แค่อยากให้เพื่อนๆได้อ่านไว้เป็นการเตือนเฉยๆ
บทเรียนของเราคือ ถ้าไม่จำเป็นจิงๆ อย่าแอดมิด T T
ต่อไปนี้คงเปลี่ยนรพไป. ไม่เอาแล้วที่นี่อะ
ป.ล. พยาบาลที่มีอายุส่วนใหญ่ทำไมพูดจาไม่ดีเลยแหะ (สงสัยเฉยๆ) มองสายตาก้ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย...
อยากให้ปรับปรุงตรงจุดๆนี้มากกว่า.