สวัสดีครับ ผู้หลงผ่านเข้ามาอ่านกระทู้ผม ฉบับนี้ ไม่ค่อยได้เขียนเท่าไหร่เนื่องจาก ไม่ว่าง// พอว่างก็ขี้เกียจ 555+
แต่ไหนๆ ก็ เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นมาหมาด ๆ กับการเที่ยวประเทศ คาวาอี๊ แบบ ญี่ปุ่น แบบแบคแพคครั้งแรก เลยคิดว่าจะมาเขียน Q&A  เพื่อเป็นแพลนสำหรับคนที่สนใจครับ ขออนุญาต ใส่คำตอบในสปอยนะครับ เผื่อข้อไหน ใครไม่สนใจจะได้ข้ามไปหาง่ายๆ

Q1 : ควรมีเก็บเงินเท่าไหร่?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A1 : ตอบง่ายๆ เลยครับ ขึ้นกับว่า คุณมีเวลาเที่ยวเท่าไหร่ ถ้า 3-5 วัน เอาแบบชิวๆ เที่ยวเฉาพภูมิภาคพอครับ เชน โตเกียว และจังหวัดใกล้ๆ จะประหยัดค่าตั๋ว JR ได้พอสมควร (ของผมสายโหด เกียวโต โอซาก้า โตเกียว 5 วัน เหนื่อยไป ค่าตั๋ว JR ก็แพง)
      ปัจจัยที่ 2 ที่พักครับ ว่านอนแบบไหน โฮสเทลได้ไหม หรือขอโรงแรมหน่อยละกัน ของผมไปช่วง ซากุระบาน โรงแรมในโตเกียว ติดสถานี อากิฮาบาระ ตกคืน ละ 4000 กว่าบาท แต่ตอนไปโอซาก้า เป็นโฮสเทล ก็คืนละ 1000 บาทได้ ครับ


Q2 : Money pocket  เท่าไหร่ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A2 :  สมมติว่า ถ้าชอปปิ้ง จะรูดบัตรเอาไม่เอามารวมในเงินติดตัวนะครับ ข้าวตกราคา มื้อละ ราวๆ 400-1000 เยน ครับ แล้วแต่กินอะไร เว่อวังขนาดไหน  ยกตัวอย่าง ราเมง ชามละ ราวๆ 500-600 เยน ข้าวกล่องในร้านสะดวกซื้อ ก็ราวๆ 500 เยนครับ ของกินตามถนน ผมเจอทาโกะยากิ ตั้งแต่ 300-500 เยน ว่ากันไปครับ สวนซูชิสายพาน ผมไปทาน จานละ 108 เยน รวมภาษี 8-9 จานก็ไม่ไหวแล้วครับ 555+ ส่วนค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ บางที่ ก็ 300-500 เยนครับ บางที่ก็ฟรี ลองเชคดูตามแหล่งอื่นๆได้ครับ ค่ารถไฟ ผมใช้ JR เลยไม่ร็เท่าไหร่ แต่ว่า ตกราวๆ เที่ยวละ 200 กว่าเยน ถ้านั่งในเมืองนะครับ (ราคาดูมาจาก google map )

Q3 : ไปช่วงไหนดี ถึงจะฟินสุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A3 : อยากดูอะไรครับ? ถ้าอยากดู ซากุระต้นเมษานี่ฟินสุดแล้วครับ ใบไม้เปลี่ยนสี ก็ ราวๆ พ.ย. ส่วนหิมะ ก็ ธ.ค. ม.ก. ลองเชคอีกทีคร่าวๆ ส่วนหน้าร้อนของญี่ปุ่นมีคนคอมเม้นต์มาว่าร้อนมาก ไม่มีอะไรตื่นเต้นเท่าไหร่ 555+ อันนี้ ไม่ทราบเช่นกันครับ

Q4: วางแผนการเดินทางอย่างไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A4 : เอาสไตล์ผลละกันเนาะ ผมเลือกก่อนว่า เมืองนั้นมีอะไรเที่ยวบ้าง ก็ ดาว ดาวๆ ในกูเกิ้ลแมพ  แล้วค่อยมาดูว่า เราจะไปไหนได้บ้าง เริ่มจากที่พัก แล้วดูว่าเส้นทางไหนดีที่สุด ผมพยายามวางเส้นทางเดินเป็นวงกลม เพื่อกันการอ้อมครับ แต่อย่าลืมเชคว่าที่ไหน ปิดกี่โมง หรืออย่างไรด้วยนะครับ แต่สายแบคแพคอย่างเรา แผนยืดหยุ่นได้อยู่แล้วเนาะ อยากไปไหนไป 5555+ วางแผนมา สุดท้ายก็เปลี่ยนหน้างานอยู่ดี แต่ทำการบ้านไปก็ดีกว่าไม่ทำนะครับ

Q5 : pocket wifi จำเป็นไหม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A5: ขอตอบว่า อินเตอร์เนต จำเป็น มากมากมาก ถึงมากที่สุดครับ โอเคร ยอมรับว่า ป้ายบอกทางในญี่ปุ่น ไม่friendly  กับ นทท. ที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นสักเท่าไหร่นัก ดังนั้น google map จำเป็นในการระบุว่า เราอยู๋ส่วนไหนของโลกใบนี้ได้ดีที่สุดครับ ที่สำคัญ การเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นจำเป็นต้องอาศัยเว็บไซต์ hyperdia อย่างมากที่สุดว่ารถไฟมากี่โมง ชานชลา ไหน (ในกรณีสถานีใหญ่) ดังนั้น ถ้ามาเป็นกรุ๊ปคณะ pocket wifi  ก็คุ้มนะครับ แต่ถ้าคนเดียวหรือสองคน แนะนำ Sim 2 fly ของ AIS ครับ (ไม่ได้โฆษณาแต่อย่างใด) ผมใช้ โดยซื้อแพคเกจเนตไป 4 GB  ทำไมหมดไวมากมายก็ไม่รู้ เติมเงินตอน อยู่ตปท ก็ไม่เป็น ต้องวานคนที่ไทย เติมเงินให้ แถม ! การเติมแพคเกจ ก็ลำบากยากเย็นเสียเหลือเกิน ราคาในเว็บไซต์ ตอนแรก ขีดฆ่าลดราคา เหลือ 299 ดูอีกที 349 กดโค๊ด เติมเนต ก็หายรอบจนกว่าจะติด ข้ามคืนนู้นนนนนนน สรุปก็คือ ที่บ่นๆมาจะบอกว่า ถ้าใช้เนตเยอะ ท๊อปอัพ เนตไปเลยครับ 555+

Q6 : เดินทางด้วยรถไฟของญี่ปุ่นยากไหม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ไม่ยากไม่ง่ายครับ (คำตอบกวนทีนมะ) 555+ สิ่งที่ต้องคือ! ถ้าขึ้นรถไฟในเมือง (อารมณ์ รถไฟฟ้าในกทมน่ะ) สิ่งที่ต้องทำคือ
1.ดูให้แน่ใจครับว่าเราขึ้นรถไฟสายไหน (กรุณาจำชื่อสายรถไฟจะดีมาก)
2. ดูทิศที่รถไฟจะไปครับ เช่นๆๆๆ รถไฟสาย yamanote ของ บ. JR ในโตเกียว จะมี ชานชลา ที่ 3 และ 4 (ถ้าจำไม่ผิด) ป้ายก่อนขึ้นชานชลา จะบอกว่า yamanote line to ueno หรือ yamanote line to tokyo เป็นต้น จะได้ไม่ขึ้นผิดฝั่งครับ  (ในกรณีที่ขึ้นแค่ JR ใช้ พาส ก็ง่ายหน่อย ของ บ.อื่นๆไม่ต้องจำ แต่ถ้าไม่ใช้พาส จะขึ้นรถไฟของ บ.อื่นๆด้วย ใช้ กูเกิ้ลแมพ get direction เลยครับ จะบอกว่าต้องเปลี่ยนที่สถานีไหนไปต่อสายอะไร)
3. ในกรณีที่ชานชลา มีรถไฟหลายสายผ่าน บนป้ายบอกเวลาบนชานชลาครับ และดูที่เวลารถไฟเรามาถึงครับ ก่อนตัวเลขเวลา จะมีสัญลักษณ์ เช่น สามเหลี่ยม หรือ ลูกศร ก็คือให้เรายืนรอคิวในช่องของสัญลักษณืนั้นๆ ครับ  เช่นๆๆๆๆๆ บนชานชลา มีช่อให้เข้าประตู สองสีคือ เหลืองและฟ้า ช่องเหลืองมีสามเหลี่ยม ฟ้ามีลูกศร  บนป้ายบอกเวลาของเรา มีสํญลักษณ์ลูกศร เราก็ต่อคิวที่ชองสีฟ้าครับ (บานสถานี จะให้ต่อคิวสองแถว บางสถานี ให้ต่อแถวเดียว ลองเชคดูอีกทีครับ)  

Q7 : ลงสถานีไหน กลัวลงผิดมากๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A7: แนะนำให้เชคเวลาที่ hyperdia ครับ แล้วหลังจากนั้น ดูเวลาที่จะถึงสถานีปลายทาง พอขึ้นรถไฟก็ชิวๆ เลยครับ ใกล้ถึงเวลาค่อยตั้งใจฟังเอาได้ หรือจะสายสมาธินั่งนับสถานีก็ได้นะครับ

Q8 : อยากดูภูเขาไฟฟูจิต้องทำไง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A8: ทำบุญเยอะๆครับ 5555+ พูดจริงไม่ได้โม้ ภูเขาไฟลูกนี้ขี้อาย ต้องภาวนาต่อสภาพอากาศดีๆ ใครอยากดูฟูจิ ต้องมีแพลนที่ยืดหยุ่น สลับวันได้พอควร เพราะพอถึงหน้างาน เชคสภาพอากาศ วันต่อวัน ถ้าแดดออกถึงไปครับ เมฆครึ้ม ฝนตกไปอาจเสียเที่ยวได้ครับ

Q9: หลงทางทำยังไง?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A9: จำจุดรวมพล เป้าหมาย หรือ สถานีที่พักเราให้ดีครับ !แล้วถามคนแถวนั้นเอาเลย คนญี่ปุ่นส่วนมาก น่ารักมากครับ ถึงพูดอิ้งมากไม่ได้ แต่ พยายามช่วยสุดฤทธิ์ครับ คงเคยได้ยินหลายคนเล่าว่าเขาเดินมาส่งเลย  ผมเคยหลงเพราะหาป้ายรถเมล์ไม่เจอ เขาก็เดินมาส่งตั้งไกลจริงๆ

Q10 : เอาอะไรไปบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A10 : สิ่งที่จำเป็นครับ ปลั๊กuniversal ครับ กับปลั๊กพ่วงกันไฟกระชากก็ดี กระเป๋าใส่เหรียญครับ เหรียญเยอะมาก กระเป๋าตุงมากถ้าเชคสภาพอากาศแล้วฝนตก พกร่มมาก็ดีครับ เพราะฝนที่นี่ตกเปาะแปะๆๆๆๆทั้งวันจริงๆ ไม่หนัก

Q11 : สั่งอาหารอย่างไร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A11 : จิ้มเอาตามเมนูที่มีภาพเลยครับ ง่ายที่สุด 5555+ บางร้านเป็นตู้อัตโนมัติ ก็เลือกดูว่าเราจะเอาเมนูอะไร(หมายเลขอะไร) ใส่แบ้งค์ในตู้ กดเลือกๆๆ ตกลง แล้วเอาตั๋วไปยื่นในร้านรอทานได้เลยครับ ใครกดไม่ได้ ขอความช่วยเหลือคนญี่ปุ่นแถวนั้นก็ได้

Q12 : ขอคืนภาษีอย่างไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้A12: ช๊อปปิ้งในญี่ปุ่น มี 2 หมวด ครับ แบบของใช้ กับใช้แล้วหมดไป ส่วนใหญ่ก็จะ 5000 เยนขึ้นไป ถึงจะ ได้ราคาแบบไม่รวมภาษี ทางร้านจะขอพาสปอร์ตไป ติดกระดาษนุ่นนี่นั่น แค่เอาไปยื่นให้ในสนามบิน หลังจากผ่านเกทเข้าไปตรง custom ก็พอครับ เขาจะเก็บออกไปจากพาสปอร์ตเรา อ้อ สังเกตุป้าย tax free ก่อนนะ

นึกไม่ออกแล้วว่ามีคำถามอะไรอีกดี 555+ ใครนึกออกมาช่วยกันเติมเต็มได้นะครับ
ต่อไปเป็นเกร็ดเล็กน้อยนะครับ
** ราคาส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น จะมีสองราคานะครับ บางร้านจะโชว์ราคา 2 แบบให้ยึดที่แพงที่สุดครับ นั่นคือราคาที่รวมภาษีแล้ว บางร้านก็โชว์ค่ราคาเดียว นั่นคือ ยังไม่รวมภาษีนะครับ(ส่วนใหญ่) เชคตามร้านคาอีกทีครับ

**การขึ้นบันไดเลื่อน ถ้าไม่เดินให้ยืนชิดซ็ายครับ ยกเว้นที่โอซาก้าให้ชิดขวา นี่งงมากเลย แค่โอซาก้าที่เดียวที่ชิดขวา ใครทราบบอกบุญทีครับ เพราะเกียวโตใกล้ๆโอซาก้า ก็ชิดซ้าย (ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะภูมิภาค ก็ไม่ใช่แหะ)

**ห้างที่ ญี่ปุนปิดไวมาก บางที่ สองทุ่มครึ่งปิดแล้ว เช็คดีๆนะครับ นกมาแว้วถึงหน้าห้าง พนง. ห้ามทันที

** ทานอาหาร อย่าเหลือนะครับ คนญี่ปุ่นถือเรื่องนี้มากเลย เพราะบ้านเขาเคยอดอยากจากสงครามมาก่อน

**ถ้าจองที่นั่งชินคันเซนได้ จากโตเกียวไปโอซาก้า แนะนำให้จองฝั่งขวานะครับ (บางทีพนง. จะบอกว่าฟูจิอยู่ฝั่งไหนถ้าคนไม่เยอะ)

*ชั่วโมงเร่งรีบ รถไฟ รถเมล์ แบบ ปลากระป๋อง บีบอัดด้วยความดันสูง อาจสัมผัสได้ ถ้ามีกระเป๋าใบใหญ่ วางแผนหลบหลีกๆนะครับ อาจไม่ได้ขึ้นรถไฟ หลายขบวนเลย ในบางสถานี

นึกออกเท่านี้แหละครับ ใครมีอะไรเพิ่มเติม สอบถาม ก็ เชิญเลยครับ   ขอให้เที่ยวให้สนุกครับ