อีกด้านของโรงเรียนอมาตยกุล ที่อยากแบ่งปัน

กระทู้คำถาม
ก่อนอื่นต้องขอโทษชาวพันทิปทุกท่านก่อนนะคะที่เราต้องตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพราะไม่สามารถตั้งเป็นกระทู้สนทนาได้เนื่องจากยังไม่ได้ทำการยืนยันตัวตนค่ะ


    สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน กระทู้นี้เราอยากแบ่งปันประสบการณ์(หรืออาจจะเรียกว่าบ่นก็ได้)ที่ได้พบเจอและสัมผัสมากับตัวของ โรงเรียนอมาตยกุล โดยส่วนตัวเป็นนักเรียนที่ได้จบการศึกษาจากที่นี่มาแล้ว อยากให้ทุกท่านได้ลองอ่านและพิจารณาดูค่ะ

     ถึง ทางโรงเรียน,นักเรียน,คุณครู หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้ ทางนี้ไม่ได้มีเจตนาทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือถูกมองไม่ดีแต่อย่างใด ทั้งหมดเป็น "ความเห็นส่วนตัว" และจะดีใจมากหากทางโรงเรียนรับรู้และสามารถนำไปต่อยอด พัฒนาในด้านต่างๆของโรงเรียนให้ดียิ่งๆขึ้นไปค่ะ

     โรงเรียนอมาตยกุล เป็นโรงเรียนทางเลือกที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและได้รับความสนใจมากในระดับหนึ่ง ด้วยแนวคิดแบบนีโอฮิวแมนนิสต์ หรือการคิดบวก พัฒนา IQ คู่กับ EQ เน้นกิจกรรม ความสามัคคี พอเพียง ไม่เร่งเรียน ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่าเป็นแนวคิดที่ดี "สำหรับการเรียนในชั้นอนุบาล-ประถม" เราเองก็แฮปปี้มากกับการเรียนในช่วงนั้น แต่เมื่อขึ้นมัธยมมา ทางโรงเรียนก็ยังใช้การเรียนการสอนแบบไม่เร่งเรียนเช่นเดิม พร้อมกับพูดบอกเด็กๆว่า "รุ่นพี่คนนั้นคนนี้ สอบติดโรงเรียนม.ปลายดีๆดังๆ แบบไม่ต้องเรียนพิเศษเลย" ซึ่งตรงนี้เราไม่ค่อยโอเคค่ะ เพราะเมื่อตอนนั้นแทบทุกคนก็เชื่อคำพูดของครู ตามมาด้วยการอยากสอบติดโรงเรียนม.ปลายดีๆ ดังๆ แต่ไม่เรียนพิเศษ ไม่อ่านหนังสือเพราะคิดว่า "พี่เขาไม่ต้องเรียนข้างนอกยังติดได้เลย เราก็ต้องทำได้สิ อยู่ที่นี่เราก็เรียนดี" (เราไม่ได้หมายความว่าถ้าอยากเก่งต้องเรียนพิเศษนะคะ แต่การพูดแบบนี้อาจทำให้เด็กไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควร และความจริงอีกอย่างก็คือ กว่าพี่ๆเขาจะติดม.ปลายชื่อดังกันได้ เขาเตรียมตัวมาเป็นปีๆ อ่านหนังสือกันเป็นตั้งๆ แล้วก็เรียนพิเศษหนักด้วย) เราก็เป็นหนึ่งในเด็กที่เชื่อคำพูดของครูนะคะ แล้วก็ไม่ขยัน สอบไม่ติดไปตามระเบียบ ซึ่งก็ถือว่าสมควรแล้วกับความขี้เกียจของเรา
    
     พอขึ้นมาม.ปลาย ตอนนั้นที่นี่มีแค่แผนเดียวคือ วิทย์-คณิต ค่ะ (แต่ตอนนี้รู้สึกจะมีศิลป์คำนวณเพิ่มมาแล้ว) ซึ่งเราไม่มีปัญหาเพราะตั้งใจจะเรียนสายวิทย์อยู่แล้ว แต่ที่เราไม่โอเคก็คือ "ห้องแลปของโรงเรียน" แลปของอมาตเป็นห้องขนาดกลางค่อนไปทางเล็กค่ะ ในห้องมีโต๊ะใหญ่อยู่ 5-6 ตัวได้ สารเคมีต่างๆถูกเก็บไว้ในตู้ซึ่งไม่มีการล็อคหรือควบคุมอุณหภูมิใดๆ เรียกได้ว่าหยิบได้ง่ายมาก หุ่นกายวิภาคมีสภาพพังยับเยินไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป(แต่ก็ยังอยู่นะคะ ไม่ได้ทิ้ง) กล้องจุลทรรศน์รู้สึกจะใช้ได้อยู่ 2 ตัว และไม่ค่อยได้ทำการทดลองเลยทั้งๆที่เรียนสายวิทย์ ส่วนใหญ่ก็ดูวีดีโอเอา เข้าห้องแลปแบบนับครั้งได้ บางครั้งเข้าไปก็ไม่ได้ทดลองค่ะ ไปดูวีดีโอเฉยๆ ตรงนี้อยากให้ทางโรงเรียนมีการทดลองเยอะขึ้นมากๆเลยค่ะ เพราะบางเรื่องที่เราเรียนกัน อธิบายปากเปล่ามันก็ไม่เข้าใจเท่าลงมือทดลองเองนะคะ โดยเฉพาะวิชาเคมี และเรื่องของคุณครูบางคนที่ได้สอนไม่ตรงสายกับที่จบมาก็เช่นกัน เช่น บางคนจบชีวะแต่ได้มาสอนเคมี บางคนจบเลขแล้วได้มาสอนฟิสิกส์ เป็นต้น คือบางคนสอนดีมากค่ะอันนี้ไม่มีปัญหา แต่บางคนอธิบายได้ไม่ค่อยเคลียร์ อาจด้วยความที่ไม่ได้จบสายนั้นๆมาโดยตรงหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ก็อยากให้โรงเรียนทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้น่ะค่ะ อยากให้ครูเขาได้สอนตรงกับสายที่เขาจบมา เพราะเราเคยเรียนกับครูคนหนึ่งที่จบชีวะมา ตอนครูเขาสอนเคมีนี่บอกตรงๆว่าไม่เข้าใจค่ะ แต่ตอนสอนชีวะนี่เขาสอนดีมากๆ ทำให้เราชอบบทที่เราเคยเกลียดมากได้เลยค่ะ
    
     อีกเรื่องที่เราเชื่อว่านักเรียนกว่า 90% เห็นตรงกันและอยากให้โรงเรียนปรับปรุงก็คือเรื่อง "ข้าวโรงเรียน" ค่ะ ไม่ว่ายังไงก็อยากให้มันอร่อยกว่านี้สักนิดก็ยังดี มีนักเรียนจำนวนมากกล่าวขานว่า "ถ้ากินข้าวโรงเรียนอมาตได้ -ูก็กินได้ทุกอย่าง" และ "ข้าวอมาตรสชาติโหดร้ายกว่าข้าวที่เขาชนไก่ตอนไปค่ายรด." ส่วนตัวเราว่าบางอย่างก็พอทานได้ แต่บางอย่างก็ควรลดเค็ม ลดหวาน ลดมัน และลดการใส่ผักแปลกๆลงบ้างค่ะถ้าไม่อยากให้ข้าวเหลือเยอะมากแบบตอนนี้ โดยเฉพาะอาหารเด็กตึกอนุบาล เราเข้าใจนะคะว่าเด็กๆก็ต้องทานอาหารรสชาติแบบเด็กๆ ไม่จืดก็หวาน แต่ก๊วยเตี๋ยวก็ไม่ควรหวานขนาดนั้นจริงๆนะคะ มันอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพน้องเขาเท่าไรค่ะ เป็นห่วง

     ต่อมา เป็นช่วงของม.6ที่เตรียมตัวสอบเข้ามหาฯลัยค่ะ เราไม่แน่ใจว่าโรงเรียนอื่นเขาเป็นแบบเดียวกันมั๊ย แต่ที่นี่คุณครูดูไม่ค่อยสนใจจะติว gat pat และ 9วิชาสามัญ ให้นักเรียน แต่ไปทุ่มเทกับ o-net สุดๆ (ไม่ค่อยอยากคิดไม่ดีนะคะ แต่ก็เห็นเป็นแบบนี้จริงๆ) คุณครูบางคนก็ดีมากค่ะ หาโจทย์ทั้งเอนท์เก่า gat pat 9วิชา เก่าๆมาให้ทำ พร้อมบอกว่าถ้าไม่เข้าใจก็มาถามได้เลย แต่บางคนก็ดูจะทุ่มแต่กับ o-net อย่างมากก็เอา gat pat ข้อง่ายปี52 มาให้ทำแล้วบอกว่า "มันก็ออกประมาณนี้แหละ" ซึ่งมันไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่เลย และช่วงม.6นี่ก็น่าแปลกใจที่ "โรงเรียนยังไม่เร่งเรียนเลย" ยังให้เรียนๆเล่นๆชิวๆ เบาสมอง ค่อนข้างปล่อยเกรด บางบทนี่แตะแค่พื้นฐาน ขอโทษนะคะ แต่เรารู้สึกจริงๆว่า "เฮ้ย...นี่สายวิทย์จริงๆเหรอ" และแล้วคำพูดทำนองนี้ก็กลับมาอีกครั้งค่ะ คำพูดที่ว่า "รุ่นพี่คนนั้นคนนี้ สอบเข้ามหาลัยดีๆแบบไม่ต้องเรียนพิเศษ เรียนในห้องก็ไม่เห็นมันจะเรียนเลย" แต่คราวนี้เราไม่เชื่อค่ะ เชื่อไม่ลงแล้วจริงๆ ประกอบกับคะแนน gat pat รอบแรกที่เรี่ยดินเหลือเกิน(แล้วก็มีครูบางคนบอกว่า เขาก็ได้คะแนนแบบนี้กันทั้งประเทศนั่นแหละ) จึงขยันอ่านหนังสือมากขึ้นและสอบติดรับตรงจนได้ค่ะ และที่พีคคือพอเราติดปุ๊บ ครูก็เอาไปเล่าให้รุ่นน้องกับเพื่อนฟังต่อปั๊บเลยค่ะ ด้วยประโยคทำนองว่า "เครียดทำไม ดูซิเนี่ย (ชื่อเรา)ไม่เห็นมันจะเรียนเลย เอาแต่หลับ ยังติดที่ดีๆได้" ขอโทษนะคะ คือที่ชอบแอบหลับเนี่ยเพราะอ่านหนังสือถึงดึก(มาก)ค่ะ ทำไมครูถึงพูดไม่หมดก็ไม่ทราบ และเราก็ไม่อยากให้ครูพูดให้นักเรียนชะล่าใจแบบนี้ค่ะ เพราะกว่าเราจะรู้สึกตัวว่าความรู้เรายังไม่พอที่จะสอบเข้าเลยนะ เราก็ไม่ติดสอบตรงไปหลายสนามแล้วค่ะ เสียใจมาก ไม่อยากให้รุ่นน้องเป็นแบบเราจริงๆค่ะ

     สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้นะคะ เราอยากให้คุณคิดดีๆก่อนค่ะ คือข้อดีของโรงเรียนนี้ก็มีเยอะ สังคมดี(ในที่นี้คือไม่มีเรื่องประเภท ยกพวกตีกัน ท้องก่อนวัยอันควร อะไรพวกนี้ค่ะ) คุณครูสนิทกับเด็ก รุ่นพี่รุ่นน้องสนิทกัน เด็กจะเป็นคนที่ค่อนข้างติดดิน ไม่ติดหรู ไม่เรื่องมาก แล้วก็เด็กอมาตส่วนมากจะกล้าแสดงออกแล้วก็อารมณ์ดีค่ะ แต่กลับกัน เด็กอมาตส่วนมากจะเป็นพวกเฉื่อย(เรากับน้องก็เป็นค่ะ) ชอบผัดวันประกันพรุ่ง ขี้เกียจค่ะ และด้วยความที่โรงเรียนอมาตไม่ได้มีพื้นที่ที่ติดกัน แต่แยกพื้นที่เป็นส่วนๆจึงอาจทำให้ไม่สะดวกในหลายๆเรื่องเช่น มีพื้นที่ทำกิจกรรมน้อย โรงยิมเป็นตึกอเนกประสงค์ที่ใช้ทำแทบทุกอย่างตั้งแต่เล่นกีฬายันจัดคอนเสิร์ต แล้วก็ ถ้าคุณหรือบุตรหลานของคุณหวังสูง เช่น อยากติดม.ปลายดังๆ อยากเข้าคณะที่เข้ายากมากๆในมหาลัยชั้นนำอะไรแบบนี้ แต่ก็อยากเรียนที่นี่ เราคิดว่าเรียนถึงแค่ป.6ก็พอค่ะ แล้วออกไปเรียนมัธยมที่อื่น คือจะเรียนที่นี่แล้วสอบให้ติดก็เป็นไปได้นะคะ แต่ตัวนักเรียนจะเหนื่อยมาก ต้องขวนขวายอะไรๆเองเยอะมากๆค่ะ แล้วมันท้อจริงๆนะคะตอนที่ต้องเหนื่อยขนาดนั้น

     ก็คงจะมีเพียงเท่านี้ที่อยากเล่าให้ฟังค่ะ ความจริงก็มีอะไรๆเยอะกว่านี้ แต่พูดเพียงเท่านี้ก็คิดว่าคงจะพอแล้วเพราะเรื่องอื่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนักและกระทู้ก็ยาวมากแล้ว ขอย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของศิษย์เก่าคนหนึ่งที่อยากมาเล่าสู่กันฟัง เรื่องบางเรื่องอาจไม่ได้ผิดที่โรงเรียนหรือครู แต่ผิดที่ตัวเราเองก็ได้ คุณครูบางคนก็น่ารักมาก และเราก็รักและเคารพเขามากจริงๆค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ พวกคุณสุดยอดมากประหลาดใจ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่