เหตุเกิดที่หมอชิตค่ะ คืออาจารย์ให้โจทย์มาถ่ายรูปแนววิถีชีวิตผู้คน ประจวบเหมาะกับเราไปหมอชิตพอดี แล้วเป็ที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาเราพกกล้องด้วยพอดีเราก็เลยถ่ายภาพผู้คน การซื้อตั๋ว ความเป็นไป เราเห็นตำรวจพอดีเราเลยเขาไปขอถ่ายรูป แล้วตำรวจเรียกเราไปคุยบอกว่า ซี้ซั๊วถ่ายรูปคนอื่นไปทั่วมันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เขาบอกว่าถ่ายได้แต่ต้องขออนุญาตก่อน
แต่ปกติถ้าถ่ายเป็นคนๆ เราก็ขอเขาอยู่แล้วเพราะมันเป็นมารยาท แต่อันนี้คนเป็นร้อยเราก็ไม่รู้จะขอยังไง เราอยากได้การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ
เขาบอกว่าเป็นสถานที่ราชการ (อันนี้พึ่งรู้จริงๆ ) เขาตัดเตือนด้วยเสียงท่าทางดุมาก จนเรารู้สึกกลัว เขาทำท่าดุเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเราเลย
เราเข้าใจแล้วว่าเราผิด เขาดุขนาดนี้เราก็ไม่ได้ถ่ายรูปเขา

จากนั้นลุงตำรวจเขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจ่อหน้าเรา แล้วถ่ายภาพ เราตกใจมากๆ เราก็ถามว่าถ่ายภาพหนูทำไม (เรางงมากเมื่อกี้ยังบอกว่าเราละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่เลย แล้วมาทำเองเฉย)
เขาบอกว่า "ถ้ามีอะไรตามถึงเฟซบุ๊คแน่" ประโยดนี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนขู่ ถูกคุกคามไม่เป็นส่วนตัว
แบบนี้เท่ากับว่าเขาคิดว่าเราเป็นมิจฉาชีพหรอ?
เราเลยถามไปด้วยความสงสัยว่ามันเคยมีคดีอะไรหรอคะ? เเขาก็ยิ่งดุขึ้น
เราไม่เข้าใจ เราแค่เก็บบรรยากาศ แค่มาถ่ายภาพ มันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอคะ? เราไม่ได้จะลงโซเชียลอยู่แล้ว แค่จะถ่ายส่งอาจารย์เฉยๆ

เรายอมรับว่าการที่สุ่มสี่สุ่มห้าไปถ่ายรูปนี่เราผิดเอง บางอย่างเราก็ไม่รู้มาก่อน

- ปกติตำรวจเขาตัดเตือนแบบนี้รึเปล่าคะ?
ทำไมต้องดุขนาดนี้ไม่บอกกันดีๆ แล้วถ่ายรูปแบบนี้ด้วยรึเปล่า? หรือเราคิดไปเองว่ามันรุนแรงไป

- ถ้าจะถ่ายภาพวิถีชีวิตผู้คนในที่คนเยอะๆ ร่วมร้อยต้องทำยังไงคะ แล้วสถานที่ราชการไม่ควรถ่ายรูปใช่ไหมคะ?

ถ้าเกิดเขาเอารูปเราไปโพสในเฟสส่วนตัวหรือกลุ่มไลน์ของเขาว่าเราเป็นมิจฉาชีพ ต้องเฝ้าระวัง เราต้องทำยังไง หรือเราวิตกจริตเกินไป

เราเคยมองว่าตำรวจควรเป็นมิตรกับประชาชนและให้ความช่วยเหลือ แต่มันเป็นแค่มายาคติที่เราเคยเชื่อเท่านั้นเอง ลุงเขาทำให้เรามองตำรวจเปลี่ยนไปว่าไม่ใช่แบบนั้นทุกคน

อย่าพึ่งด่าเรานะเรามาขอคำปรึกษาตอนนี้เราเครียด รู้สึกไม่ดีมากๆ ที่มาเจออะไรแบบนี้