"ถามตอบบอลไทย" โดย แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์ ผู้ประกาศข่าวกีฬา Mono29 และ TNN24
เมื่อสักครู่ผมโทรไปคุยกับ "คุณโจ" พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฯ และโฆษกสมาคมฟุตบอล เรื่องบอลทีมชาติไทย หลายๆ ประเด็นที่หลายคนอยากทราบ เลยนำบทสนทนาบางส่วนมาเล่าต่อแบบถาม-ตอบให้ได้อ่านกัน
ผม : ทำไมโค้ชชื่อดังระดับโลกหลายๆ คนถึงอยากคุมทีมชาติไทย จริงหรือไม่ข่าวที่ รานิเอรี่, ซิโก้(บราซิล) ฯลฯ ยื่นโปรไฟล์เข้ามา
คุณโจ : จริงครับ ตอนนี้ก็ยังมีเข้ามาเรื่อยๆ ประมาณ 20 กว่าคนแล้ว ผมว่าเป็นเพราะเอเยนต์ของโค้ชเหล่านี้เขาก็อยู่ในตลาดฟุตบอล เมื่อทราบข่าวว่าทีมไหนมีตำแหน่งว่างก็ยื่นเสนอเข้าไป
ผม : แล้วมันเกี่ยวกับที่ว่าเขาเล็งเห็นศักยภาพของเรา หรือฟุตบอลลีกและการทำงานของสมาคมชุดนี้ด้วยมั้ย
คุณโจ : ก็น่าจะมีส่วนสำหรับบางคนครับ บางคนเขาทำการบ้านมาอย่างดี รู้จักรายละเอียดข้อมูลของฟุตบอลไทยดีมาก แสดงว่าเขาก็มีความสนใจอย่างจริงจังที่จะนำความรู้มาพัฒนาฟุตบอลไทย
ผม : ค่าเหนื่อยของโค้ชพวกนี้ไม่สูงไปหรอ
คุณโจ : สมาคมเราก็มีงบประมาณอยู่ครับ แต่ต้องมาดูข้อเสนอกันก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ จริงๆเราอยากได้โค้ชที่มีประสบการณ์คุมทีมชาติ เพราะงานสโมสรกับทีมชาติมันต่างกัน สโมสรใช้เงินซื้อนักเตะดีๆมารวมทีมกันได้ แต่ทีมชาติต้องใช้ทรัพยากรนักเตะเท่าที่มี วิธีการทำงานก็ต่างกันด้วย
ผม : หมายความว่าต้องเป็นโค้ชที่คุมทีมชาติเท่านั้น? แล้วเขาจะต้องมาทำงานกับเอคโคโน่ด้วยมั้ย ต้องมีโค้ชไทยไปเป็นผู้ช่วยด้วยหรือเปล่าครับ
คุณโจ : เราก็ไม่ได้ตั้งสเป็คไว้ขนาดนั้น ต้องมาดูก่อนว่าวิสัยทัศน์ของเขาเป็นอย่างไร ถ้ามีโอกาสเชิญมาคุยได้ก็คงดีกว่าคุยกันทางโทรศัพท์ เพื่อจะได้รู้ถึงนิสัยใจคอด้วย ว่าสามารถร่วมงานกับคนอื่นได้หรือไม่ ผู้ช่วยที่เป็นโค้ชไทยตามหลักสากลก็ต้องเป็นโค้ชของชุดยู23 เพราะเป็นชุดที่ทำงานต่อเนื่องกับชุดใหญ่อยู่แล้ว
ผม : ประเด็นที่ว่าโค้ชเฮงจะถูกลดบทบาทเมื่อเราได้เอคโคโน่มาวางโครงสร้างระดับเยาวชน จริงๆแล้วมันเป็นยังไงแน่ครับ
คุณโจ : พี่เฮงเนี่ยจริงๆแล้วแกเป็นเจ้าของโปรเจ็คท์นี้นะครับ มันมาจากไอเดียของแก แล้วพี่เฮงก็จะต้องเป็นเฮดของทีมงานจากเอคโคโน่ทั้งหมดด้วย ตัวแกเองเป็นที่ยอมรับนับถือจากคนของเอคโคโน่มากๆ บางคนที่พูดภาษาเยอรมันคุยกับแกได้ก็ยกย่องว่าแกเป็นคนที่มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถเรื่องฟุตบอลทั้งการเป็นนักเตะที่เคยเล่นระดับบุนเดสลีกามาแล้ว
ผม : คือเรียกง่ายๆว่าคุยกันรู้เรื่อง ความรู้ทันกันว่าอย่างนั้น กลับมาถามเรื่องโค้ชใหม่อีกที มีการวางกรอบไว้มั้ยว่าจะแต่งตั้งเมื่อไหร่ และเกมอุ่นเครื่องกับ อุซเบกิสถาน 7 มิ.ย. เราจะมีโค้ชใหม่หรือยัง
คุณโจ : จริงๆเราไม่ได้อยากวางกรอบเวลาขนาดนั้น แต่เราก็อยากให้เขามาทำงานก่อนนั้นนะ ปีนี้เรายังมีแมตช์ให้เล่นอีก 8 เกม ทั้งอุ่นเครื่อง, ฟุตบอลโลก และ คิงส์คัพ ซึ่ง 8 นัดเนี่ยก็พอจะรู้ทิศทางและผลลัพธ์แล้วว่าโอเคหรือไม่
ผม : เห็นมีคนตั้งคำถามกันเยอะเรื่องอคาเดมี่ทีมชาติ จะคัดเด็กยังไงแล้วพวกอคาเดมี่ของสโมสรต่างๆ จะมีโอกาสต่างจากของสมาคมหรือเปล่า
คุณโจ : ระบบที่เราใช้ก็จะเหมือนกับที่ระดับสากลเขาใช้กันครับ คือแต่ละประเทศอาจจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว ก็ต้องมาดูว่าแบบไหนที่เหมาะสมกับเรา ในตอนแรกเราจะเปิดให้เยาวชนทั่วไปเข้ามาคัดในแต่ละรุ่น และในแต่ละสัปดาห์ก็จะเชิญนักเตะของสโมสรต่างๆเข้ามาร่วมฝึกซ้อมในหลักสูตรของเรา จะมีทั้งการซ้อมและลงทีมอุ่นเครื่องกับสโมสรต่างๆ ซึ่งทีมงานของเอคโคโน่ก็จะคอยติดตามผลงานไปเรื่อยๆ ในเริ่มแรกผู้เล่นที่เชิญมาซ้อมอาจจะยังไม่ใช่ตัวหลักของสโมสรก็ได้
ผม : คือจะคล้ายๆกับระบบของญี่ปุ่นใช่มั้ยครับ ที่มีเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ซึ่งจะเชิญเด็กจากไฮสกูลที่เก่งๆ หรือผลงานโดดเด่นจากทัวร์นาเม้นต์ในประเทศมารวมตัวกัน แล้วค่อยให้โค้ชทีมชาติรุ่นนั้นๆเลือกผู้เล่นอีกที
คุณโจ : ก็จะประมาณนั้นครับ คือพอผ่านไประยะนึงเราก็จะได้กลุ่มนักเตะที่ตรงตามคอนเซ็ปต์ของทีมงานเอคโคโน่มากขึ้น และเราก็จะพาเขาไปดูการแข่งขันรายการต่างๆ ที่รวมหัวกะทิในระดับเยาวชนตลอดทั้งปีด้วย หากคนไหนที่เขาสนใจก็จะเชิญเข้ามาร่วมฝึกซ้อม
ผม : ด้วยระยะเวลาที่ไม่มากนัก เอคโคโน่เขาจะเห็นนักเตะได้ทั่วถึงหรือครับ เดี๋ยวทีมชาติเยาวชนรุ่นต่างๆ ของเราก็ต้องมีแมตช์แข่งขัน เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าได้ผู้เล่นที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ
คุณโจ : ทางเราเองก็มีข้อมูลอยู่พอสมควรแล้ว ว่าโรงเรียนหรืออคาเดมี่ไหน รวมถึงทัวร์นาเม้นท์ไหนบ้างที่มีคุณภาพของผู้เล่นสูง ซึ่งเราก็จะต้องพาเขาไปดูนักเตะเหล่านี้อยู่แล้วครับ เมื่อเวลาผ่านไปตัวเลือกที่ดีและตรงใจก็จะมีมากขึ้นด้วย
ผม : สมาคมเซ็นกับเอคโคโน่ไว้ 3 ปี ซึ่งจะครบสัญญาเมื่อสมาคมหมดวาระพอดี เป็นห่วงหรือไม่ว่าหากการเลือกตั้งครั้งหน้าเกิดสมาคมชุดนี้ไม่ได้ทำงานต่อ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นไม่ต่อสัญญากับเอคโคโน่ หรือรื้อแผนการพัฒนาใหม่อีก
คุณโจ : นั่นก็คงเป็นสิทธิ์ของสมาคมในอนาคตว่าเขาจะดำเนินแผนการอย่างไร เราไม่อาจไปบังคับเขาได้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องทำในปัจจุบัน ทั้งการอบรมโค้ชและผู้ตัดสินในระดับต่างๆ การวางรากฐานระบบโครงสร้างเยาวชน ฯลฯ ตอนนี้เราอาจยังไม่เห็นผลลัพธ์ แต่โดยวิธีการนี้ในประเทศอื่นๆ ที่เขามีการพัฒนาไปสู่ระดับโลกก็ทำกันมาหมดแล้ว ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าจะเกิดการพัฒนาได้ไม่มากก็น้อย ยังไงก็ต้องดียิ่งขึ้นแน่นอนเพราะเป็นการทำงานที่มีระบบขั้นตอนที่ได้มาตรฐาน
สรุปบทสนทนาแบบกระชับ
-ทีมชาติไทยจะได้โค้ชใหม่เป็นชาวต่างชาติ ก่อนถึงเดือนมิ.ย. ซึ่งจะพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับ โค้ชที่เคยคุมทีมชาติ รวมถึงสามารถเดินทางมาแลกเปลี่ยนทรรศนะกับสมาคมก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญาได้
-เบื้องต้นสมาคมอยากจะเซ็นสัญญากับโค้ชใหม่ 1 ปีก่อน โดยจะดูผลงานในการคุมทีมชาติที่มีทั้งสิ้น 8 นัดในปี2017
-ผู้ช่วยโค้ชจะเป็นคนไทย โดยมีโอกาสสูงที่จะเป็นโค้ชโย่ง เพราะตามหลักสากลโค้ชยู23จะทำหน้าที่ผู้ช่วยของโค้ชชุดใหญ่ และหากตำแหน่งเฮดโค้ชว่างลง โค้ชยู23ก็จะทำหน้าที่ขัดตาทัพชั่วคราว
-โค้ชประตูและตำแหน่งต่างๆ สมาคมจะจัดหาให้ แต่เฮดโค้ชต่างชาติอาจจะขอให้จ้างทีมงานบันทึกวิดีโอการแข่งขันของเขาเอง เพื่อแปลงข้อมูลและภาษามาใช้ในทางสถิติเพื่อศึกษา
-การดึงเอคโคโน่เข้ามาเป็นไอเดียของโค้ชเฮง และโปรเจ็กท์นี้ โค้ชเฮงจะเป็นผู้ควบคุมการทำงานเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของเอคโคโน่
-อคาเดมี่ทีมชาติรุ่นเยาวชนของสมาคม จะคัดนักเตะแบบโอเพ่น และเชิญนักเตะอคาเดมี่ของสโมสรต่างๆที่ตรงสเป็คของทีมงานเข้ามาร่วมฝึกซ้อมและอุ่นเครื่องกับสโมสรต่างๆ ประมาณสัปดาห์ละ1ครั้ง
-โค้ชทีมชาติชุดต่างๆ ที่มาจากเอคโคโน่ จะสามารถเลือกใช้นักเตะผสมอคาเดมี่ของสมาคมรวมถึงของสโมสรและโรงเรียนต่างๆที่ผลงานโดดเด่นและเข้าตา เพื่อส่งแข่งขันในนามเยาวชนทีมชาติไทย
-สมาคมไม่ได้กังวลว่าหากการเลือกตั้งครั้งหน้าสอบตก สมาคมใหม่จะสานต่องานหรือไม่ เพราะสิ่งที่กำลังทำเป็นสิ่งที่สมควรและต้องทำอยู่แล้ว และเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์จะทำให้โครงสร้างฟุตบอลไทยดีขึ้นอย่างแน่นอน
ปล.ผมไม่ใช่กระบอกเสียงของสมาคมนะครับ แต่พอได้คุยกับคุณโจ แล้วคิดว่าน่าสนใจก็เลยอยากเผยแพร่ต่อให้เพื่อนๆได้ลองคิดตามดูว่าเป็นอย่างไรบ้างเท่านั้นเอง
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10154552159497951&id=657517950
http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=381803.msg7267891;topicseen#new
สัมภาษณ์คุณโจ พาทิศ "ถามตอบบอลไทย" โดย แมน โกสินทร์
เมื่อสักครู่ผมโทรไปคุยกับ "คุณโจ" พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฯ และโฆษกสมาคมฟุตบอล เรื่องบอลทีมชาติไทย หลายๆ ประเด็นที่หลายคนอยากทราบ เลยนำบทสนทนาบางส่วนมาเล่าต่อแบบถาม-ตอบให้ได้อ่านกัน
ผม : ทำไมโค้ชชื่อดังระดับโลกหลายๆ คนถึงอยากคุมทีมชาติไทย จริงหรือไม่ข่าวที่ รานิเอรี่, ซิโก้(บราซิล) ฯลฯ ยื่นโปรไฟล์เข้ามา
คุณโจ : จริงครับ ตอนนี้ก็ยังมีเข้ามาเรื่อยๆ ประมาณ 20 กว่าคนแล้ว ผมว่าเป็นเพราะเอเยนต์ของโค้ชเหล่านี้เขาก็อยู่ในตลาดฟุตบอล เมื่อทราบข่าวว่าทีมไหนมีตำแหน่งว่างก็ยื่นเสนอเข้าไป
ผม : แล้วมันเกี่ยวกับที่ว่าเขาเล็งเห็นศักยภาพของเรา หรือฟุตบอลลีกและการทำงานของสมาคมชุดนี้ด้วยมั้ย
คุณโจ : ก็น่าจะมีส่วนสำหรับบางคนครับ บางคนเขาทำการบ้านมาอย่างดี รู้จักรายละเอียดข้อมูลของฟุตบอลไทยดีมาก แสดงว่าเขาก็มีความสนใจอย่างจริงจังที่จะนำความรู้มาพัฒนาฟุตบอลไทย
ผม : ค่าเหนื่อยของโค้ชพวกนี้ไม่สูงไปหรอ
คุณโจ : สมาคมเราก็มีงบประมาณอยู่ครับ แต่ต้องมาดูข้อเสนอกันก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ จริงๆเราอยากได้โค้ชที่มีประสบการณ์คุมทีมชาติ เพราะงานสโมสรกับทีมชาติมันต่างกัน สโมสรใช้เงินซื้อนักเตะดีๆมารวมทีมกันได้ แต่ทีมชาติต้องใช้ทรัพยากรนักเตะเท่าที่มี วิธีการทำงานก็ต่างกันด้วย
ผม : หมายความว่าต้องเป็นโค้ชที่คุมทีมชาติเท่านั้น? แล้วเขาจะต้องมาทำงานกับเอคโคโน่ด้วยมั้ย ต้องมีโค้ชไทยไปเป็นผู้ช่วยด้วยหรือเปล่าครับ
คุณโจ : เราก็ไม่ได้ตั้งสเป็คไว้ขนาดนั้น ต้องมาดูก่อนว่าวิสัยทัศน์ของเขาเป็นอย่างไร ถ้ามีโอกาสเชิญมาคุยได้ก็คงดีกว่าคุยกันทางโทรศัพท์ เพื่อจะได้รู้ถึงนิสัยใจคอด้วย ว่าสามารถร่วมงานกับคนอื่นได้หรือไม่ ผู้ช่วยที่เป็นโค้ชไทยตามหลักสากลก็ต้องเป็นโค้ชของชุดยู23 เพราะเป็นชุดที่ทำงานต่อเนื่องกับชุดใหญ่อยู่แล้ว
ผม : ประเด็นที่ว่าโค้ชเฮงจะถูกลดบทบาทเมื่อเราได้เอคโคโน่มาวางโครงสร้างระดับเยาวชน จริงๆแล้วมันเป็นยังไงแน่ครับ
คุณโจ : พี่เฮงเนี่ยจริงๆแล้วแกเป็นเจ้าของโปรเจ็คท์นี้นะครับ มันมาจากไอเดียของแก แล้วพี่เฮงก็จะต้องเป็นเฮดของทีมงานจากเอคโคโน่ทั้งหมดด้วย ตัวแกเองเป็นที่ยอมรับนับถือจากคนของเอคโคโน่มากๆ บางคนที่พูดภาษาเยอรมันคุยกับแกได้ก็ยกย่องว่าแกเป็นคนที่มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถเรื่องฟุตบอลทั้งการเป็นนักเตะที่เคยเล่นระดับบุนเดสลีกามาแล้ว
ผม : คือเรียกง่ายๆว่าคุยกันรู้เรื่อง ความรู้ทันกันว่าอย่างนั้น กลับมาถามเรื่องโค้ชใหม่อีกที มีการวางกรอบไว้มั้ยว่าจะแต่งตั้งเมื่อไหร่ และเกมอุ่นเครื่องกับ อุซเบกิสถาน 7 มิ.ย. เราจะมีโค้ชใหม่หรือยัง
คุณโจ : จริงๆเราไม่ได้อยากวางกรอบเวลาขนาดนั้น แต่เราก็อยากให้เขามาทำงานก่อนนั้นนะ ปีนี้เรายังมีแมตช์ให้เล่นอีก 8 เกม ทั้งอุ่นเครื่อง, ฟุตบอลโลก และ คิงส์คัพ ซึ่ง 8 นัดเนี่ยก็พอจะรู้ทิศทางและผลลัพธ์แล้วว่าโอเคหรือไม่
ผม : เห็นมีคนตั้งคำถามกันเยอะเรื่องอคาเดมี่ทีมชาติ จะคัดเด็กยังไงแล้วพวกอคาเดมี่ของสโมสรต่างๆ จะมีโอกาสต่างจากของสมาคมหรือเปล่า
คุณโจ : ระบบที่เราใช้ก็จะเหมือนกับที่ระดับสากลเขาใช้กันครับ คือแต่ละประเทศอาจจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว ก็ต้องมาดูว่าแบบไหนที่เหมาะสมกับเรา ในตอนแรกเราจะเปิดให้เยาวชนทั่วไปเข้ามาคัดในแต่ละรุ่น และในแต่ละสัปดาห์ก็จะเชิญนักเตะของสโมสรต่างๆเข้ามาร่วมฝึกซ้อมในหลักสูตรของเรา จะมีทั้งการซ้อมและลงทีมอุ่นเครื่องกับสโมสรต่างๆ ซึ่งทีมงานของเอคโคโน่ก็จะคอยติดตามผลงานไปเรื่อยๆ ในเริ่มแรกผู้เล่นที่เชิญมาซ้อมอาจจะยังไม่ใช่ตัวหลักของสโมสรก็ได้
ผม : คือจะคล้ายๆกับระบบของญี่ปุ่นใช่มั้ยครับ ที่มีเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ซึ่งจะเชิญเด็กจากไฮสกูลที่เก่งๆ หรือผลงานโดดเด่นจากทัวร์นาเม้นต์ในประเทศมารวมตัวกัน แล้วค่อยให้โค้ชทีมชาติรุ่นนั้นๆเลือกผู้เล่นอีกที
คุณโจ : ก็จะประมาณนั้นครับ คือพอผ่านไประยะนึงเราก็จะได้กลุ่มนักเตะที่ตรงตามคอนเซ็ปต์ของทีมงานเอคโคโน่มากขึ้น และเราก็จะพาเขาไปดูการแข่งขันรายการต่างๆ ที่รวมหัวกะทิในระดับเยาวชนตลอดทั้งปีด้วย หากคนไหนที่เขาสนใจก็จะเชิญเข้ามาร่วมฝึกซ้อม
ผม : ด้วยระยะเวลาที่ไม่มากนัก เอคโคโน่เขาจะเห็นนักเตะได้ทั่วถึงหรือครับ เดี๋ยวทีมชาติเยาวชนรุ่นต่างๆ ของเราก็ต้องมีแมตช์แข่งขัน เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าได้ผู้เล่นที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ
คุณโจ : ทางเราเองก็มีข้อมูลอยู่พอสมควรแล้ว ว่าโรงเรียนหรืออคาเดมี่ไหน รวมถึงทัวร์นาเม้นท์ไหนบ้างที่มีคุณภาพของผู้เล่นสูง ซึ่งเราก็จะต้องพาเขาไปดูนักเตะเหล่านี้อยู่แล้วครับ เมื่อเวลาผ่านไปตัวเลือกที่ดีและตรงใจก็จะมีมากขึ้นด้วย
ผม : สมาคมเซ็นกับเอคโคโน่ไว้ 3 ปี ซึ่งจะครบสัญญาเมื่อสมาคมหมดวาระพอดี เป็นห่วงหรือไม่ว่าหากการเลือกตั้งครั้งหน้าเกิดสมาคมชุดนี้ไม่ได้ทำงานต่อ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นไม่ต่อสัญญากับเอคโคโน่ หรือรื้อแผนการพัฒนาใหม่อีก
คุณโจ : นั่นก็คงเป็นสิทธิ์ของสมาคมในอนาคตว่าเขาจะดำเนินแผนการอย่างไร เราไม่อาจไปบังคับเขาได้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องทำในปัจจุบัน ทั้งการอบรมโค้ชและผู้ตัดสินในระดับต่างๆ การวางรากฐานระบบโครงสร้างเยาวชน ฯลฯ ตอนนี้เราอาจยังไม่เห็นผลลัพธ์ แต่โดยวิธีการนี้ในประเทศอื่นๆ ที่เขามีการพัฒนาไปสู่ระดับโลกก็ทำกันมาหมดแล้ว ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าจะเกิดการพัฒนาได้ไม่มากก็น้อย ยังไงก็ต้องดียิ่งขึ้นแน่นอนเพราะเป็นการทำงานที่มีระบบขั้นตอนที่ได้มาตรฐาน
สรุปบทสนทนาแบบกระชับ
-ทีมชาติไทยจะได้โค้ชใหม่เป็นชาวต่างชาติ ก่อนถึงเดือนมิ.ย. ซึ่งจะพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับ โค้ชที่เคยคุมทีมชาติ รวมถึงสามารถเดินทางมาแลกเปลี่ยนทรรศนะกับสมาคมก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญาได้
-เบื้องต้นสมาคมอยากจะเซ็นสัญญากับโค้ชใหม่ 1 ปีก่อน โดยจะดูผลงานในการคุมทีมชาติที่มีทั้งสิ้น 8 นัดในปี2017
-ผู้ช่วยโค้ชจะเป็นคนไทย โดยมีโอกาสสูงที่จะเป็นโค้ชโย่ง เพราะตามหลักสากลโค้ชยู23จะทำหน้าที่ผู้ช่วยของโค้ชชุดใหญ่ และหากตำแหน่งเฮดโค้ชว่างลง โค้ชยู23ก็จะทำหน้าที่ขัดตาทัพชั่วคราว
-โค้ชประตูและตำแหน่งต่างๆ สมาคมจะจัดหาให้ แต่เฮดโค้ชต่างชาติอาจจะขอให้จ้างทีมงานบันทึกวิดีโอการแข่งขันของเขาเอง เพื่อแปลงข้อมูลและภาษามาใช้ในทางสถิติเพื่อศึกษา
-การดึงเอคโคโน่เข้ามาเป็นไอเดียของโค้ชเฮง และโปรเจ็กท์นี้ โค้ชเฮงจะเป็นผู้ควบคุมการทำงานเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของเอคโคโน่
-อคาเดมี่ทีมชาติรุ่นเยาวชนของสมาคม จะคัดนักเตะแบบโอเพ่น และเชิญนักเตะอคาเดมี่ของสโมสรต่างๆที่ตรงสเป็คของทีมงานเข้ามาร่วมฝึกซ้อมและอุ่นเครื่องกับสโมสรต่างๆ ประมาณสัปดาห์ละ1ครั้ง
-โค้ชทีมชาติชุดต่างๆ ที่มาจากเอคโคโน่ จะสามารถเลือกใช้นักเตะผสมอคาเดมี่ของสมาคมรวมถึงของสโมสรและโรงเรียนต่างๆที่ผลงานโดดเด่นและเข้าตา เพื่อส่งแข่งขันในนามเยาวชนทีมชาติไทย
-สมาคมไม่ได้กังวลว่าหากการเลือกตั้งครั้งหน้าสอบตก สมาคมใหม่จะสานต่องานหรือไม่ เพราะสิ่งที่กำลังทำเป็นสิ่งที่สมควรและต้องทำอยู่แล้ว และเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์จะทำให้โครงสร้างฟุตบอลไทยดีขึ้นอย่างแน่นอน
ปล.ผมไม่ใช่กระบอกเสียงของสมาคมนะครับ แต่พอได้คุยกับคุณโจ แล้วคิดว่าน่าสนใจก็เลยอยากเผยแพร่ต่อให้เพื่อนๆได้ลองคิดตามดูว่าเป็นอย่างไรบ้างเท่านั้นเอง
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10154552159497951&id=657517950
http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=381803.msg7267891;topicseen#new