สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป นี่คือรีวิวแรกสำหรับเราเลยค่ะ รีวิวนี้เราตั้งใจจะมาให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ต้องการไปเที่ยวยุโรป และกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าเชงเก้นโดยเฉพาะ เพื่อนๆที่ต้องการขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศเยอรมัน โดยที่มี
“อาชีพอิสระ” หรือว่า
ฟรีแลนซ์นี่แหละค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับตัวเองก่อนนะคะ เราไม่เคยทำงานประจำ ลักษณะงานของเราคือ เราเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยเอกชน 2 แห่ง และเปิดสตูดิโอเล็กๆสอนดนตรีค่ะ ทำให้รายได้ของเราในแต่ละเดือนไม่คงที่ รายได้หลักของเราคือ รายได้จากค่าสอนดนตรีที่เราเก็บค่าเรียนเป็นรายเดือนค่ะ ช่วงแรกก่อนที่มีแพลนจะไปเที่ยวเยอรมันเราไม่ได้นำเงินส่วนนี้เข้าบัญชีเท่าไหร่ค่ะ พอรู้ตัวว่าต้องเตรียมขอวีซ่าเราก็เริ่มเอาเงินส่วนนี้เข้าบัญชีสม่ำเสมอ (ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน)
ในส่วนของรายได้เสริมที่มาจากค่าสอนจากมหาวิทยาลัยจะขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงที่เรามีคลาสสอนค่ะ แต่ละเดือนไม่เท่ากันอยู่แล้ว (เนื่องจากมีวันหยุด มหาวิทยาลัยงดการเรียนการสอนเป็นต้น) และในช่วงปิดเทอมเราก็ไม่ได้ค่าสอน
สถานภาพ สมรส และพาสปอร์ตไม่เคยขอวีซ่าใดๆเลย มีไปต่างประเทศบ้างเช่น สิงคโปร์ 3 ครั้ง เวียดนาม 1 ครั้ง ญี่ปุ่น 2 ครั้ง หนองคาย (ไปลาวแหะๆ) 1ครั้ง ส่วนสามีทำงานประจำไปต่างประเทศบ่อยมาก โดยเฉพาะจีน
เอาหละค่ะ เข้ามาสู่ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร และนัดหมาย เพื่อนๆส่วนใหญ่คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าการนัดหมายสามารถทำได้ออนไลน์เท่านั้น เข้าไปที่เวบของสถานทูตได้เลยค่ะ และเอกสารต่างๆที่ต้องเตรียมก็สามารถตรวจสอบได้จากเวบไซต์เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งเราจะรีวิวในส่วนของเอกสารที่เราเตรียมไปให้เท่านั้นค่ะ
1. สำเนาพาสปอร์ต (เซ็นสำเนาถูกต้อง)
2. VIDEX หรือแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า (กรอกออนไลน์ และปริ้นท์ไปค่ะ)
3. ใบจองโรงแรม ย้ำนะคะทุกคืนตลอดทริป แม้ว่าเราจะไปประเทศอื่นด้วย
4. ใบจองตั๋วเครื่องบิน (เราซื้อตั๋วเพราะเห็นแก่ราคาโปรค่ะ ยอมรับว่าเสี่ยงเล็กๆ)
5. หนังสือรับรองการทำงาน (เราพิมพ์และให้ทางคณะปริ้นท์ด้วยกระดาษมีตรามหาวิทยาลัยค่ะ)
ใบลา ในใบลาเราระบุวันที่ลา และวันที่กลับมาทำงาน เราพิมพ์ไปเช่นเดียวกันค่ะ ให้คณบดีเซ็นอนุมัติมา
จดหมายแนะนำตัว เราว่าอันนี้สำคัญสำหรับคนฟรีแลนซ์นะคะ เราเขียนอธิบายละเอียดมาก ว่าเราเป็นใคร ทำงานอะไร ทำไมถึงอยากไปเยอรมัน ที่มาของรายได้ และเราถ่ายรูปสตูดิโอ ห้องเรียน รูปขณะที่เราสอน รูปคอนเสิร์ตที่เคยจัด เพื่อให้สถานทูตเห็นว่า ถึงแม้รายได้เราไม่คงที่ แต่มีรายได้หมุนเวียนทุกเดือน และมีภาระผูกพันให้กลับมาไทยแน่นอน
หลักฐานการเงิน เรายื่นย้อนหลัง 3 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึง ณ วันขอวีซ่าคือต้นเมษา เรายื่นทั้ง Bank Certificate และ Bank statement ยื่นทุกบัญชีที่มีเงินเข้า (เรายื่นไป 3 บัญชี) จำนวนเงินที่มีรวมกัน ณ วันที่ขอวีซ่าคือ ประมาณ 1xx,xxx บาทค่ะ
ทะเบียนสมรส เราแต่งงานแล้วค่ะ เรายื่นทะเบียนสมรส และหนังสือเปลี่ยนคำนำหน้า และนามสกุล (ใช้สำเนา)
จดหมายแนะนำตัวของเราค่ะ
6. ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ (สำเนา)
7. Travel Plan เราทำละเอียดเลยค่ะ ท้ายแพลนจะมีตารางสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตลอดทริป
ตารางค่าใช้จ่าย (ขอบคุณแบบฟอร์มจากคุณ GANBLADEJOURNEYค่ะ)
แพลนที่เราทำไป
เอกสารของสามีเรียบง่ายปกติเหมือนคนทำงานประจำทั่วไปค่ะ หนังสือรับรองการทำงานพร้อมวันลาและวันกลับมาทำงาน บัญชีออมทรัพย์ที่ยื่นไปมีเงินประมาณ 7หมื่นปลายๆ
ตัดภาพมาถึงวันที่สัมภาษณ์เลยนะคะ เราจองคิวสัมภาษณ์ได้เวลา 10 โมงค่ะ เราและสามีไปถึง 9.30 ไปถ่ายรูป ตรวจเอกสารอีกรอบ มีใบลงนามพำนักที่เราลืมเซ็น พอจัดการเรียบร้อยก็ไปให้จนท.ผู้ชายเช็คชื่อ พอเช็คชื่อเสร็จก็กดบัตรคิวเลยค่ะ เรากดบัตรคิวเดียว สัมภาษณ์พร้อมกันผัวเมีย
พอถึงคิวเราก็หย่อนเอกสารทั้งหมดที่เตรียมมาลงในกล่องด้านหน้าคอกสัมภาษณ์ (ขอเรียกคอก เพราะมันใช่จริงๆ) จนท.สัมภาษณ์ทีละคนค่ะ เราถูกสัมภาษณ์ก่อน เลขที่ออกคือ counter ที่.......................................8
จนท: เป็นอะไรกันคะ
เรา: สามีภรรยาค่ะ
จนท: จดทะเบียนสมรสกันหรือเปล่าคะ มีบุตรไหม
เรา: จดค่ะ แต่ไม่มีบุตร
จนท: Plan ไม่เปลี่ยนจากนี้นะคะ
เรา: ใข่ค่ะ
จนท: ทำงานอะไรคะ
เรา: เป็นอาจารย์พิเศษที่ ........................
จนท: ไม่ได้ประจำหรอคะ
เรา: ใช่ค่ะ (เริ่มกังวลแล้ว ตอนนั้นเบลอมาก ลืมบอกไปว่ามีสตูดิโอด้วย)
จนท: ไปไหนบ้าง บินลงที่ไหน กลับจากที่ไหน อยู่เยอรมันกี่วัน
เรา: ไปเยอรมันกับออสเตรียค่ะ บินลงและกลับมิวนิก อยู่เยอรมัน ………..นับนิ้ว………………11วันค่ะ
จนท: ให้สามียื่นเอกสาร ถามสามีว่า แพลนเดียวกันใช่มั้ย คุณทำงานอะไร
สามี: แพลนเดียวกันครับ ทำงาน…………………………………………
จนท: ลางานเรียบร้อยแล้วนะคะ
สามี: ครับ
สแกนนิ้วทั้งคู่ ไปจ่ายเงินค่าทำวีซ่า 2300 บาทที่ counter 2 และไปเสียเงินค่าจัดส่งไปรษณีย์ด้านนอก คนละ 130 บาท และนำซองกลับมาให้จนท.ด้านใน และกลับบ้านไปรออย่างใจจดจ่อ
เราสัมภาษณ์วันพุธที่ 5 เมษายน วันพฤหัสที่ 6 ติดวันหยุด รอวันศุกร์กริ่งที่บ้านเงียบกริบมาก จนวันเสาร์ช่วงบ่ายกลับบ้านมาพบซองใหญ่สีเหลืองวางอยู่ รีบแกะซองอย่างรวดเร็ว เปิดดูเล่ม พลิกไปพลิกมาพับกบ !!!!!!!!!!! พบกับ
ผ่านแล้วจ้า ได้ Multiple ด้วยค่ะ 23-05-2017 until 22-06-2017
Duration of stay 16 days
TIPS สำหรับฟรีแลนซ์อย่างเราๆ ที่เงินเข้าๆออกๆ ไม่เท่ากัน
1. จดหมายแนะนำตัวเองสำคัญมากๆ เขียนด้วยความจริง ข้อมูลเป็นจริงที่สุด ลักษณะงานที่ทำ ถ้ามีรูปประกอบไปจะดีมาก จนท.จะเห็นภาพมากขึ้น (ให้นึกว่าถ้าเราเป็นคนที่ต้องพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติวีซ่าค่ะ)
2. จำนวนเงินที่มีต้องครอบคลุมระยะเวลาการเดินทางไปเที่ยว ของเราไป 15 วัน คิดง่ายๆคือ วันละ 4000บาท ก็ควรมีขั้นต่ำ 6-7หมื่นบาท
3. แพลนเที่ยวควรชัดเจน โดยเฉพาะใบจองโรงแรมต้องมีครบทุกคืน ถึงแม้ว่าเราไปนอนออสเตรีย เราใช้บริการ booking.com บ่อยมากค่ะ สะดวกดี
4. ตอบคำถามอย่างสั้นๆ ได้ใจความ มั่นใจ ยิ้มแย้ม (ถึงแม้ว่าจนท.จะไม่ยิ้มให้ก็ตาม)
หวังว่าในกรณีฟรีแลนซ์อย่างเราพอจะช่วยให้ข้อมูลเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ เอาใจช่วยให้ใครที่กำลังเตรียมเอกสารขอวีซ่า เอกสารไม่ตกหล่น และวีซ่าผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ
ป.ล.ไปแลกเงินมาตอนนี้เรทถูกมากเลยค่ะ 36.75 เอง รีบๆไปแลกนะคะ
[CR] REVIEW ขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศเยอรมัน ฉบับ FREELANCE
ก่อนอื่นต้องขอให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับตัวเองก่อนนะคะ เราไม่เคยทำงานประจำ ลักษณะงานของเราคือ เราเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยเอกชน 2 แห่ง และเปิดสตูดิโอเล็กๆสอนดนตรีค่ะ ทำให้รายได้ของเราในแต่ละเดือนไม่คงที่ รายได้หลักของเราคือ รายได้จากค่าสอนดนตรีที่เราเก็บค่าเรียนเป็นรายเดือนค่ะ ช่วงแรกก่อนที่มีแพลนจะไปเที่ยวเยอรมันเราไม่ได้นำเงินส่วนนี้เข้าบัญชีเท่าไหร่ค่ะ พอรู้ตัวว่าต้องเตรียมขอวีซ่าเราก็เริ่มเอาเงินส่วนนี้เข้าบัญชีสม่ำเสมอ (ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน)
ในส่วนของรายได้เสริมที่มาจากค่าสอนจากมหาวิทยาลัยจะขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงที่เรามีคลาสสอนค่ะ แต่ละเดือนไม่เท่ากันอยู่แล้ว (เนื่องจากมีวันหยุด มหาวิทยาลัยงดการเรียนการสอนเป็นต้น) และในช่วงปิดเทอมเราก็ไม่ได้ค่าสอน
สถานภาพ สมรส และพาสปอร์ตไม่เคยขอวีซ่าใดๆเลย มีไปต่างประเทศบ้างเช่น สิงคโปร์ 3 ครั้ง เวียดนาม 1 ครั้ง ญี่ปุ่น 2 ครั้ง หนองคาย (ไปลาวแหะๆ) 1ครั้ง ส่วนสามีทำงานประจำไปต่างประเทศบ่อยมาก โดยเฉพาะจีน
เอาหละค่ะ เข้ามาสู่ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร และนัดหมาย เพื่อนๆส่วนใหญ่คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าการนัดหมายสามารถทำได้ออนไลน์เท่านั้น เข้าไปที่เวบของสถานทูตได้เลยค่ะ และเอกสารต่างๆที่ต้องเตรียมก็สามารถตรวจสอบได้จากเวบไซต์เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งเราจะรีวิวในส่วนของเอกสารที่เราเตรียมไปให้เท่านั้นค่ะ
1. สำเนาพาสปอร์ต (เซ็นสำเนาถูกต้อง)
2. VIDEX หรือแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า (กรอกออนไลน์ และปริ้นท์ไปค่ะ)
3. ใบจองโรงแรม ย้ำนะคะทุกคืนตลอดทริป แม้ว่าเราจะไปประเทศอื่นด้วย
4. ใบจองตั๋วเครื่องบิน (เราซื้อตั๋วเพราะเห็นแก่ราคาโปรค่ะ ยอมรับว่าเสี่ยงเล็กๆ)
5. หนังสือรับรองการทำงาน (เราพิมพ์และให้ทางคณะปริ้นท์ด้วยกระดาษมีตรามหาวิทยาลัยค่ะ)
ใบลา ในใบลาเราระบุวันที่ลา และวันที่กลับมาทำงาน เราพิมพ์ไปเช่นเดียวกันค่ะ ให้คณบดีเซ็นอนุมัติมา
จดหมายแนะนำตัว เราว่าอันนี้สำคัญสำหรับคนฟรีแลนซ์นะคะ เราเขียนอธิบายละเอียดมาก ว่าเราเป็นใคร ทำงานอะไร ทำไมถึงอยากไปเยอรมัน ที่มาของรายได้ และเราถ่ายรูปสตูดิโอ ห้องเรียน รูปขณะที่เราสอน รูปคอนเสิร์ตที่เคยจัด เพื่อให้สถานทูตเห็นว่า ถึงแม้รายได้เราไม่คงที่ แต่มีรายได้หมุนเวียนทุกเดือน และมีภาระผูกพันให้กลับมาไทยแน่นอน
หลักฐานการเงิน เรายื่นย้อนหลัง 3 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึง ณ วันขอวีซ่าคือต้นเมษา เรายื่นทั้ง Bank Certificate และ Bank statement ยื่นทุกบัญชีที่มีเงินเข้า (เรายื่นไป 3 บัญชี) จำนวนเงินที่มีรวมกัน ณ วันที่ขอวีซ่าคือ ประมาณ 1xx,xxx บาทค่ะ
ทะเบียนสมรส เราแต่งงานแล้วค่ะ เรายื่นทะเบียนสมรส และหนังสือเปลี่ยนคำนำหน้า และนามสกุล (ใช้สำเนา)
จดหมายแนะนำตัวของเราค่ะ
6. ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ (สำเนา)
7. Travel Plan เราทำละเอียดเลยค่ะ ท้ายแพลนจะมีตารางสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตลอดทริป
ตารางค่าใช้จ่าย (ขอบคุณแบบฟอร์มจากคุณ GANBLADEJOURNEYค่ะ)
แพลนที่เราทำไป
เอกสารของสามีเรียบง่ายปกติเหมือนคนทำงานประจำทั่วไปค่ะ หนังสือรับรองการทำงานพร้อมวันลาและวันกลับมาทำงาน บัญชีออมทรัพย์ที่ยื่นไปมีเงินประมาณ 7หมื่นปลายๆ
ตัดภาพมาถึงวันที่สัมภาษณ์เลยนะคะ เราจองคิวสัมภาษณ์ได้เวลา 10 โมงค่ะ เราและสามีไปถึง 9.30 ไปถ่ายรูป ตรวจเอกสารอีกรอบ มีใบลงนามพำนักที่เราลืมเซ็น พอจัดการเรียบร้อยก็ไปให้จนท.ผู้ชายเช็คชื่อ พอเช็คชื่อเสร็จก็กดบัตรคิวเลยค่ะ เรากดบัตรคิวเดียว สัมภาษณ์พร้อมกันผัวเมีย
พอถึงคิวเราก็หย่อนเอกสารทั้งหมดที่เตรียมมาลงในกล่องด้านหน้าคอกสัมภาษณ์ (ขอเรียกคอก เพราะมันใช่จริงๆ) จนท.สัมภาษณ์ทีละคนค่ะ เราถูกสัมภาษณ์ก่อน เลขที่ออกคือ counter ที่.......................................8
จนท: เป็นอะไรกันคะ
เรา: สามีภรรยาค่ะ
จนท: จดทะเบียนสมรสกันหรือเปล่าคะ มีบุตรไหม
เรา: จดค่ะ แต่ไม่มีบุตร
จนท: Plan ไม่เปลี่ยนจากนี้นะคะ
เรา: ใข่ค่ะ
จนท: ทำงานอะไรคะ
เรา: เป็นอาจารย์พิเศษที่ ........................
จนท: ไม่ได้ประจำหรอคะ
เรา: ใช่ค่ะ (เริ่มกังวลแล้ว ตอนนั้นเบลอมาก ลืมบอกไปว่ามีสตูดิโอด้วย)
จนท: ไปไหนบ้าง บินลงที่ไหน กลับจากที่ไหน อยู่เยอรมันกี่วัน
เรา: ไปเยอรมันกับออสเตรียค่ะ บินลงและกลับมิวนิก อยู่เยอรมัน ………..นับนิ้ว………………11วันค่ะ
จนท: ให้สามียื่นเอกสาร ถามสามีว่า แพลนเดียวกันใช่มั้ย คุณทำงานอะไร
สามี: แพลนเดียวกันครับ ทำงาน…………………………………………
จนท: ลางานเรียบร้อยแล้วนะคะ
สามี: ครับ
สแกนนิ้วทั้งคู่ ไปจ่ายเงินค่าทำวีซ่า 2300 บาทที่ counter 2 และไปเสียเงินค่าจัดส่งไปรษณีย์ด้านนอก คนละ 130 บาท และนำซองกลับมาให้จนท.ด้านใน และกลับบ้านไปรออย่างใจจดจ่อ
เราสัมภาษณ์วันพุธที่ 5 เมษายน วันพฤหัสที่ 6 ติดวันหยุด รอวันศุกร์กริ่งที่บ้านเงียบกริบมาก จนวันเสาร์ช่วงบ่ายกลับบ้านมาพบซองใหญ่สีเหลืองวางอยู่ รีบแกะซองอย่างรวดเร็ว เปิดดูเล่ม พลิกไปพลิกมาพับกบ !!!!!!!!!!! พบกับ
ผ่านแล้วจ้า ได้ Multiple ด้วยค่ะ 23-05-2017 until 22-06-2017
Duration of stay 16 days
TIPS สำหรับฟรีแลนซ์อย่างเราๆ ที่เงินเข้าๆออกๆ ไม่เท่ากัน
1. จดหมายแนะนำตัวเองสำคัญมากๆ เขียนด้วยความจริง ข้อมูลเป็นจริงที่สุด ลักษณะงานที่ทำ ถ้ามีรูปประกอบไปจะดีมาก จนท.จะเห็นภาพมากขึ้น (ให้นึกว่าถ้าเราเป็นคนที่ต้องพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติวีซ่าค่ะ)
2. จำนวนเงินที่มีต้องครอบคลุมระยะเวลาการเดินทางไปเที่ยว ของเราไป 15 วัน คิดง่ายๆคือ วันละ 4000บาท ก็ควรมีขั้นต่ำ 6-7หมื่นบาท
3. แพลนเที่ยวควรชัดเจน โดยเฉพาะใบจองโรงแรมต้องมีครบทุกคืน ถึงแม้ว่าเราไปนอนออสเตรีย เราใช้บริการ booking.com บ่อยมากค่ะ สะดวกดี
4. ตอบคำถามอย่างสั้นๆ ได้ใจความ มั่นใจ ยิ้มแย้ม (ถึงแม้ว่าจนท.จะไม่ยิ้มให้ก็ตาม)
หวังว่าในกรณีฟรีแลนซ์อย่างเราพอจะช่วยให้ข้อมูลเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ เอาใจช่วยให้ใครที่กำลังเตรียมเอกสารขอวีซ่า เอกสารไม่ตกหล่น และวีซ่าผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ
ป.ล.ไปแลกเงินมาตอนนี้เรทถูกมากเลยค่ะ 36.75 เอง รีบๆไปแลกนะคะ