เป็นเมธีอยู่ในกระท่อมซอมซ่อ
ยังดีกว่าเป็นนายกฯ อาสัตย์อาธรรม
เป็นปราชญ์ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ
ก็ยังนับว่าประเสริฐกว่าเป็นนักการเมืองฉ้อฉล
คำกล่าวข้างบนเป็นของ จางจื๊อ ปราชญ์ผู้ดำรงชีวิตสันโดดและยากจน
ทั้งๆที่ถ้าเขายอมรับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี หรือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามที่
เจ้านครรัฐ เชื้อเชิญก็สบายไปแล้ว แต่ จางจื๊อ กลับปฏิเสธตำแหน่งอันทรงเกียรติที่ใครๆ
ก็ไขว่คว้าและอยากได้ อย่างที่ใครๆก็คิดไม่ถึง
เนื่องจางจื๊อเห็นว่า เป็นตำแหน่งอันน่ารังเกียจมิได้สูงส่ง เพราะที่ จางจื๊อ เห็นนายกรัฐมนตรี รัฐอื่นๆ
ล้วนใช้กิเลสตัณหา ใช้อำนาจบังคับปกครอง แล้วเสวยสุขกันไป
นักการเมือง นักปกครองได้เสวยสุข เพราะเบียดบังเอาผลประโยชน์จากประชาชน
เอาเปรียบ และแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบด้วยหลักศีลธรรมต่างๆนาๆ
จึงทำให้ จางจื๊อ สุดแสนจะรังเกียจและเอือมระอานักการเมืองยิ่งนัก
นับแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ นักการเมืองของประเทศต่างๆส่วนใหญ่ ก็ไม่มีอันแตกต่างกันนัก
ในเรื่อง อยากได้ อยากใหญ่ อยากมี
เนื่องเพราะตำแหน่งการเมือง อยู่ใกล้ความโลภ ความโกรธ ความหลง ด้วยมีผลประโยชน์ตรงหน้า
มีอำนาจอยู่ในมือ มีลาภ มียศ สุข สรรเสริญ ให้ลุ่มหลงมัวเมาได้ง่าย
เมื่อนักการเมือง ไม่ได้พัฒนาตัวให้มีคุณธรรมมาก่อน ไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน จะกะล่อนได้ง่ายเมื่อ
เข้าสู่วงจรอำนาจ
ครั้นมีอำนาจแต่ขาดศีลธรรม ก็กลายเป็นวงจรอุบาทว์ เป็นอันตรายทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
ตลอดจนประเทศที่ตนเองพึ่งพาอาศัย
เพราะเอารัดเอาเปรียบ เบียดเบียนเก่ง จึงได้ดีมีอำนาจ จะนับเป็นวาสนาตรงไหน
ปล.เครดิต จากหนังสือ จางจื๊อ ปราชญ์ผู้เป็นอยู่ต่ำ แต่ใคร่ครวญสูง
@@@เป็นเมธีอยู่ในกระท่อมซอมซ่อ ยังดีกว่าเป็นนายกฯ อาสัตย์อาธรรม@@@ ---ผลึกหิน---
ยังดีกว่าเป็นนายกฯ อาสัตย์อาธรรม
เป็นปราชญ์ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ
ก็ยังนับว่าประเสริฐกว่าเป็นนักการเมืองฉ้อฉล
คำกล่าวข้างบนเป็นของ จางจื๊อ ปราชญ์ผู้ดำรงชีวิตสันโดดและยากจน
ทั้งๆที่ถ้าเขายอมรับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี หรือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามที่
เจ้านครรัฐ เชื้อเชิญก็สบายไปแล้ว แต่ จางจื๊อ กลับปฏิเสธตำแหน่งอันทรงเกียรติที่ใครๆ
ก็ไขว่คว้าและอยากได้ อย่างที่ใครๆก็คิดไม่ถึง
เนื่องจางจื๊อเห็นว่า เป็นตำแหน่งอันน่ารังเกียจมิได้สูงส่ง เพราะที่ จางจื๊อ เห็นนายกรัฐมนตรี รัฐอื่นๆ
ล้วนใช้กิเลสตัณหา ใช้อำนาจบังคับปกครอง แล้วเสวยสุขกันไป
นักการเมือง นักปกครองได้เสวยสุข เพราะเบียดบังเอาผลประโยชน์จากประชาชน
เอาเปรียบ และแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบด้วยหลักศีลธรรมต่างๆนาๆ
จึงทำให้ จางจื๊อ สุดแสนจะรังเกียจและเอือมระอานักการเมืองยิ่งนัก
นับแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ นักการเมืองของประเทศต่างๆส่วนใหญ่ ก็ไม่มีอันแตกต่างกันนัก
ในเรื่อง อยากได้ อยากใหญ่ อยากมี
เนื่องเพราะตำแหน่งการเมือง อยู่ใกล้ความโลภ ความโกรธ ความหลง ด้วยมีผลประโยชน์ตรงหน้า
มีอำนาจอยู่ในมือ มีลาภ มียศ สุข สรรเสริญ ให้ลุ่มหลงมัวเมาได้ง่าย
เมื่อนักการเมือง ไม่ได้พัฒนาตัวให้มีคุณธรรมมาก่อน ไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน จะกะล่อนได้ง่ายเมื่อ
เข้าสู่วงจรอำนาจ
ครั้นมีอำนาจแต่ขาดศีลธรรม ก็กลายเป็นวงจรอุบาทว์ เป็นอันตรายทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
ตลอดจนประเทศที่ตนเองพึ่งพาอาศัย
เพราะเอารัดเอาเปรียบ เบียดเบียนเก่ง จึงได้ดีมีอำนาจ จะนับเป็นวาสนาตรงไหน
ปล.เครดิต จากหนังสือ จางจื๊อ ปราชญ์ผู้เป็นอยู่ต่ำ แต่ใคร่ครวญสูง