เด็กใคร… เด็กมัน คำนี้อาจได้ยินกันบ่อยในวงการฟุตบอล เมื่อมักใช้เปรียบเปรยการทำงานของหัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่มักใช้นักเตะที่ตนเองคุ้นเคยเข้ามาเป็นกำลังหลัก ดั่งเช่นกับทีมชาติไทยในยุคของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ถือว่ามีขุมกำลังที่ใช้งานอยู่บ่อยครั้ง ในตลอดการคุมทีมเกือบ 5 ปีเต็ม ทว่าวันนี้ “โค้ชคนเดิม” ไม่อยู่แล้ว นักเตะเหล่านี้ก็ส่อหมดอนาคตเช่นกันหากได้โค้ชคนใหม่เข้ามาคุมทัพ..

ชนินทร์ แซ่เอียะ (ชลบุรี เอฟซี)
เด็กหนุ่มจากชุมพร ของทัพฉลามชล เป็นอีกหนึ่งแข้งที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกติดทีมชาติไทยในเอเชี่ยนเกมส์ และเอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ 2014 ครั้งปลุกกระแสฟุตบอลไทยให้กลับมาคึกคัก ก่อนได้รับโอกาสแจ้งเกิดสู่สายตาของแฟนบอลในฐานะนายประตูทีมชาติไทยในเกมที่เอาชนะทีมชาติเมียนมาร์  2-0 และต่อยอดเป็นมือหนึ่งทีมชาติไทยในศึกซีเกมส์ 2015 พาทีมป้องกันแชมป์ซีเกมส์สมัยที่ 2 ติดต่อกัน และเสียเพียงประตูเดียวในทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว แต่เมื่อไม่มีโค้ชทีมชาติไทยคนเดิมแล้ว โอกาสของ ชนินทร์ ต้องมาแข่งขันใหม่ เพราะด้วยรูปร่างความสูงเพียง 175 ซม. อาจไม่โดนใจโค้ชช้างศึกคนใหม่ที่คาดว่าจะเป็นชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับโอกาสลงสนามที่น้อยอยู่แล้ว สำหรับนายทวารมือ 3 ถือว่ามีการเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

ปวีณวัช บุญยง (บางกอกกล๊าส เอฟซี)
“อ้วนบีจี” แนวรับที่ถูกโลกโซเชียลตามด่ากรนอยู่เสมอ เมื่อครั้งที่ “โค้ชซิโก้” เพิ่งต่อสัญญากับสมาคมไปหมาดๆ ภาพแรกของแฟนบอลคงนึกถึง ปวีณวัช บุญยง กองหลังร่างท้วม โดยตลอดเวลาที่ผ่านมากุนซือขวัญใจชาวไทยให้เหตุผลว่าระบบของโค้ชบางคนไม่เหมือนกัน นี้แหละคือสาเหตุที่เรียกปราการหลังรายนี้เข้ามาติดทีมเนื่องจากสามารถเล่นได้เข้าระบบโค้ช เพราะเป็นนักเตะในยุคแรกๆที่ใช่เรียกศรัทธาแฟนบอลกับแชมป์ซีเกมส์ ที่เนปิดอร์ ประเทศเมียนมา “เจ้าบิ๊ก” อาจถูกโฉลกด้วยนิสัยในสนามและนอกสนามที่ไม่เคยมีปัญหากับใคร ทำให้สปิริตภายในทีมไม่เสีย แต่แน่นอนด้วยรูปร่าง ทำให้ช้าและขาดความคล่องตัว จึงไม่ใช่สเป็คของโค้ชโซเชียลและอาจไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไปเมื่อมีโค้ชคนใหม่เข้ามา

ประทุม ชูทอง (เชียงราย ยูไนเต็ด)
ปราการหลังวัย 33 ปี ถือเป็นนักเตะที่ตกรถผ้าป่าไปแล้วเพราะเคยติดทีมชาติไทยครั้งแรกต้องย้อนไปเมื่อปี 2004 อาจถูกมาเรียกติดอยู่บ้างในยุคของ วินฟรีด เชเฟอร์ และ สุรชัย จตุรภัทรพงษ์ แต่เมื่อไร้ความสำเร็จจึงทำให้ไม่โดดเด่น กระทั่งถูก “โค้ชซิโก้” เรียกติดทีมปี 2015 ในรายการต่างๆ จนถึงศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก และติดทีมเรื่อยมาด้วยเหตุผลที่เจ้าตัวไม่เคยปฎิเสธทีมชาติไม่ว่าจะในยุคไหนๆ ก่อนเป็นขุนพลช้างศึกชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งล่าสุด แต่ด้วยอายุที่ปาเข้า 33 ปีแล้ว บวกกับนโยบายของสมาคมฟุตบอลที่ต้องการถ่ายเลือดนักเตะรุ่นใหม่ ทำให้ “เจ้าทุม” เป็นอีกรายที่ส่อหมดอนาคตในทีมชาติแล้ว

ประกิต ดีพร้อม (ชลบุรี เอฟซี)
อดีตจอมทัพ ทีโอที เอสซี กลายเป็นที่ฮือฮาเมื่อสังกัดอยู่สโมสรเล็กแต่ถูก เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกติดทีมชาติไทยในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 จนกระตุ้นนักเตะในลีกขณะนั้นให้สร้างผลงานเพราะมีโอกาสติดทีมชาติไทยได้เช่นกัน โดยดาวเตะวัย 29 ปีกลายเป็นนักเตะคู่บุญของอดีตเฮดโค้ชช้างศึกที่ต้องนำติดทีมไปด้วยเสมอเช่นกัน แต่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปหลังย้ายไปร่วมทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และต้องโยกมา ชลบุรี เอฟซี แต่ฟอร์มเดิมๆก็ยังหายไป แต่กลับได้รับโอกาสในทีมชาติอยู่เสมอ กระทั่งปัจจุบันไม่แน่แล้วเมื่อ “โค้ชซิโก้” ได้ประกาศลาออกจากทัพช้างศึก

มงคล ทศไกร (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
“จ่าเย็น” อดีตเด็กโรงงาน ปีกเก้งก้าง ที่มีสกีลด้านความแข็งแกร่ง ถือเป็นนักเตะที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ให้โอกาสจนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตก เป็นหนึ่งในขุนพลชุดคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2 สมัย และเป็นหัวใจสำคัญพาทีมผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย 12 ทีมสุดท้าย รวมถึงแชมป์คิงส์คัพ แต่ระยะหลัง “จ่าเย็น” ฟอร์มตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับเป็นผู้เล่นสำรองในแคมป์กิเลนผยอง จากฮีโร่เลยกลายเป็นแพะที่แฟนบอลส่ายหน้าเมื่อถูกจับลงสนาม ถือเป็นอีกรายที่มีโอกาสหลุดจากทีมชาติไทยได้เช่นกัน

เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (ชลบุรี เอฟซี)
เป็นอีกรายที่ฟอร์มตกมากๆอีกรายหนึ่งจนแฟนบอลโซเชียลเรียกกันติดหูจากเอฟเฟค เมมฟิส เดปาย ที่โชว์ฟอร์มห่วยในสีเสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แปลงมาเป็น “เมมฟิส ทวีกาญจน์” ก่อนหน้านี้ดาวเตะมาดเข้มเป็นผู้เล่นที่เก่งสุด TEEN จนกลายเป็นกำลังหลักที่ขาดไม่ได้ และเป็นหนึ่งในนักเตะของทุกความสำเร็จในยุคของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แต่ด้วยผลงานกับต้นสังกัดและฟอร์มที่ไม่เหมือนเก่า บวกกับโค้ชคู่บุญที่ประกาศลาออกไปแล้ว ต้องวัดดวงว่าจะถูกจริตโค้ชต่างชาติคนใหม่หรือไม่ในโอกาสรับใช้ทีมชาติไทย

ที่มาจาก  https://sport.mthai.com/football-thai/303522.html