สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากจะมาระบายสิ่งที่อยู่ในใจเราตอนนี้มากๆๆคะ
ย้อนไปช่วงมัธยมปลาย เราได้เลือกเรียนสายวิทย์-คณิตแล้วเกรดเราก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งเลยล่ะคะ แล้วเรามีความฝันว่าอยากเรียนหมอมาตั้งแต่มอสี่แล้วละค่ะ
ตอนมอต้น ในช่วงนั้นเราถือได้ว่าขยันมากๆๆจึงเป็นตัวท็อปมาตลอด อ่านหนังสือตลอดเวลา แต่มาถึงมอปลาย เราก็เริ่มขี้เกียจ ใช้ชีวิตไปวันๆติดซีรี่ย์ดูยันเช้า เรียนๆเล่นๆอ่านหนังสือไม่กี่วันก่อนสอบ แต่ในตอนนั้นมันยังพอทำได้ไงคะเพราะเนื้อหาก็ไม่ได้มีมากมายอะไร และระดับคะแนนก็ถือว่าออกมาดีทุกครั้ง(เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประมาท) แบ่งเวลาได้ไม่ดี และไม่คิดเรื่อการสอบเข้ามหาลัยเลย
แต่ก็มีไปเรียนกวดวิชาบ้างเข้าใจอารมณ์แบบเรียนแล้วสักแต่ว่าเรียนอย่างเดียวไม่ทบทวน ปล่อยผ่านไป พอเริ่มทำนานวันเข้าก็กลายเป็นนิสัยเราเลยคะในส่วนนี้ยอมรัยเลยว่าเราผิดเอง ช่วงมอปลายเราเรียนห้องพิเศษจึงได้รู้จักอาจารย์หลายๆท่านที่เขาสอนเนื้อหาได้ดีมาก สอนสนุกและทำให้เราอยากเรียนมากขึ้นไปอีก ถือได้ว่าเป็นอาจารย์ที่เรานับถือมากๆเพราะเขาสอนหนังสือด้วยใจ และอยากให้ลูกศิษย์ได้ดี เราสัมผัสได้เลยล่ะคะจากความรู้สึก อยากร้องไห้TT แล้วเราก็ค่อนข้างจะสนิทกับอาจารย์ในระดับนึง ท่านสอนเราถึงมอหกเลยละค่ะ แล้วท่านก็ถามว่าอยากเรียนคณะอะไร เราก็บอกหมอคะ แล้วมีความคิดว่าสักวันจะต้องทำให้ได้ ทำให้อาจารย์กับพ่อแม่ภูมิใจ
แต่ด้วยความที่เราประมาท+คิดว่าตัวเองยังไงก็คงจะฟิตช่วงใกล้สอบเองแหละ พอถึงช่วงใกล้สอบมีความรู้สึกแบบไม่ไหว อ่านหนังสือไม่ทัน (เป็นความคิดที่ผิดมากๆคือเราอยากบอกใครก็ตามไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็ควรมีความพยายามไว้ก่อน และอย่าเพิ่งท้อ) เราเลยอยากจะซิ่วปีหน้า ความที่เราคิดว่าถ้าซิ่วอยู่บ้านมันคงจะกดดดันเอามากๆเลย
เลือกadmission คณะนิติมอดังแห่งหนึ่ง เราก็แค่ยื่นไปปรากฎว่าเราติด หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราถึงเลือกนิติ เพราะในตอนนั้นเราคิดว่าคณะนิติดูเป็นคณะที่น่าจะโอเคที่สุดและคะแนนเราก็พอมีหวังบ้าง เราจึงเลือก ตอนก่อนเข้ามหาลัยก็มีดูๆๆว่าจะสอบใหม่ เลยอ่านหนังสือ แต่พอถึงเวลาเปิดเทอมเราได้เจอสังคมใหม่ๆเจอเพื่อนๆเจอกิจกรรมต่างๆ บวกกับการที่เราไม่มุ่งมั่นที่จะสอบใหม่แบบจริงๆๆจังๆเลยทำให้เรารู้สึกว่าเรียนคณะนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ บวกกับเทอมแรกกๆๆวิชาคณะยังไม่เยอะเท่าไหร่จึงทำให้รู้สึกโอเครอยู่ แต่พอมาเทอมสองได้เจอวิชาที่เกี่ยวกับคณะเรามากขึ้น และ จะมีบางคาบที่มีรุ่นพี่ที่จบแล้วเป็นอัยการบ้าง ผู้พิพากษา พี่ที่ทำงาน lawfirm มาพูดเกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนการทำงาน มันทำให้เรารู้เลยว่าไม่ชอบด้านนี้
เราจึงอยากมาขอคำปรึกษาหน่อยคะว่าเราควรทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้เราเรียนปี1เทอมสอง ถ้าจะซิ่วไปสอบหมอปีหน้าก็ต้องลาออกจากมหาลัย และเราก็อยากเรียนแพทย์มากกว่าอะคะ เพราะรู้สึกเลยว่าเป็นเรามากกว่า ตอนแรกเราก็พยายามคิดนะคะว่าทุกอาชีพก็สามารถช่วยคนได้เหมือนกัน และเราก็พยายามบอกกกับตัวเราเองมาตลอด แต่พอมาถึงจุดนึง เราก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกแล้ว มันทำให้เรารู้สึกไม่มีความสุข มันก็มีบ้างที่เพื่อนเรายอมซิ่วอยู่บ้านปีหนึ่งติดบ้างไม่ติดบ้างปะปนกันไป แต่เรานับถือพวกเขาทุกคนเลยนะคะ เพราะอย่างน้อยไมว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เขาก็ได้ทำตามสิ่งที่ใจปรารถนาจริงๆๆ
ทุกวันนี้เราก็ได้แต่คิดว่าถ้าเราซิ่วแล้วจะติดไหมหนอ ถ้าติดชีวิตเราจะเปนยังไง มันทำให้เรารู้สึกเสียดายและเสียใจทุกครั้งที่นึกถึงมัน เวลาเหนรุ่นน้องที่เรียนแล้วก็อดนึกถึงตัวเองในสมัยนั้นตลอดเลย วัยที่มีความฝันและความหวัง ที่จะสอบเข้ามหาลัย ผิดกับตอนนี้ที่รู้สึกหดหู่ อยากย้อนเวลากลับไปเลยจริงๆแต่คงเป็นไปไม่ได้ เราต้องอยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันที่เป็นอยู่ก็คือตัวกำหนดอนาคตเราจึงอยากจะขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
#เสียดายย
(อยากบอกว่าพ่อแม่ของเราค่อนข้างตามใจเราอะคะไม่ได้บังคับว่าลูกจะต้องเรียนคณะนี้นะ และท่านเองก็สนับสนุนเรามาตลอด เราคิดว่าลึกๆในใจคงอยากให้เราเรียนหมอแต่ในเมื่อสอบไม่ติดหมอท่านก้อไม่ได้ว่าอะไร ตอนเราติดแอดท่านก็ดีใจกับเรา)
ปล.สิ่งหนึ่งที่อยากบอก
อยากบอกว่าอ่านหนังสืออย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
อย่าพูดว่าจะทำๆๆๆ ให้ลงมือทำเลย
อยากคิดว่าตัวเองเก่ง เราอาจจะเก่งแค่ โรงเรียนที่เราอยู่ แต่สังคมข้างนอกยังมีคนเก่งและขยันกว่าเราอีกเยอะ
ความผิดพลาด เราคิดว่าเราเองก็ไม่ถือว่าโง่มากแต่ด้วยความที่เราประมาทบวกกับการสอบในแต่ละเทอมเราได้คะแนนดีมาโดยตลอด(โรงเรียนเราถือว่าก็ไม่ได้ปล่อยเกรดทุกคะแนนก้มาจากความพยายามของเราแต่ที่ได้คะแนนดีเพราะเนื้อหาสอบแต่ละครั้งไม่กี่บทสำหับเราเลยเตรียมตัวไม่นาน) สิ่งนี้ไม่ได้รับประกันว่าจะสอบติดมหาลัยมี่เราฝัน เพราะ การสอบครั้งหนึ่งมันรวมเนื้อหามอปลายทั้งหมด คนที่สอบติดคือมีความพร้อมและคนที่หมั่นทบทวนอย่างสม่ำเสมอ
เครียดคะ เพิ่งรู้ตัวว่าไม่อยากเรียนคณะที่เรียนอยู่ตอนนี้
ย้อนไปช่วงมัธยมปลาย เราได้เลือกเรียนสายวิทย์-คณิตแล้วเกรดเราก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งเลยล่ะคะ แล้วเรามีความฝันว่าอยากเรียนหมอมาตั้งแต่มอสี่แล้วละค่ะ
ตอนมอต้น ในช่วงนั้นเราถือได้ว่าขยันมากๆๆจึงเป็นตัวท็อปมาตลอด อ่านหนังสือตลอดเวลา แต่มาถึงมอปลาย เราก็เริ่มขี้เกียจ ใช้ชีวิตไปวันๆติดซีรี่ย์ดูยันเช้า เรียนๆเล่นๆอ่านหนังสือไม่กี่วันก่อนสอบ แต่ในตอนนั้นมันยังพอทำได้ไงคะเพราะเนื้อหาก็ไม่ได้มีมากมายอะไร และระดับคะแนนก็ถือว่าออกมาดีทุกครั้ง(เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประมาท) แบ่งเวลาได้ไม่ดี และไม่คิดเรื่อการสอบเข้ามหาลัยเลย
แต่ก็มีไปเรียนกวดวิชาบ้างเข้าใจอารมณ์แบบเรียนแล้วสักแต่ว่าเรียนอย่างเดียวไม่ทบทวน ปล่อยผ่านไป พอเริ่มทำนานวันเข้าก็กลายเป็นนิสัยเราเลยคะในส่วนนี้ยอมรัยเลยว่าเราผิดเอง ช่วงมอปลายเราเรียนห้องพิเศษจึงได้รู้จักอาจารย์หลายๆท่านที่เขาสอนเนื้อหาได้ดีมาก สอนสนุกและทำให้เราอยากเรียนมากขึ้นไปอีก ถือได้ว่าเป็นอาจารย์ที่เรานับถือมากๆเพราะเขาสอนหนังสือด้วยใจ และอยากให้ลูกศิษย์ได้ดี เราสัมผัสได้เลยล่ะคะจากความรู้สึก อยากร้องไห้TT แล้วเราก็ค่อนข้างจะสนิทกับอาจารย์ในระดับนึง ท่านสอนเราถึงมอหกเลยละค่ะ แล้วท่านก็ถามว่าอยากเรียนคณะอะไร เราก็บอกหมอคะ แล้วมีความคิดว่าสักวันจะต้องทำให้ได้ ทำให้อาจารย์กับพ่อแม่ภูมิใจ
แต่ด้วยความที่เราประมาท+คิดว่าตัวเองยังไงก็คงจะฟิตช่วงใกล้สอบเองแหละ พอถึงช่วงใกล้สอบมีความรู้สึกแบบไม่ไหว อ่านหนังสือไม่ทัน (เป็นความคิดที่ผิดมากๆคือเราอยากบอกใครก็ตามไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็ควรมีความพยายามไว้ก่อน และอย่าเพิ่งท้อ) เราเลยอยากจะซิ่วปีหน้า ความที่เราคิดว่าถ้าซิ่วอยู่บ้านมันคงจะกดดดันเอามากๆเลย
เลือกadmission คณะนิติมอดังแห่งหนึ่ง เราก็แค่ยื่นไปปรากฎว่าเราติด หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราถึงเลือกนิติ เพราะในตอนนั้นเราคิดว่าคณะนิติดูเป็นคณะที่น่าจะโอเคที่สุดและคะแนนเราก็พอมีหวังบ้าง เราจึงเลือก ตอนก่อนเข้ามหาลัยก็มีดูๆๆว่าจะสอบใหม่ เลยอ่านหนังสือ แต่พอถึงเวลาเปิดเทอมเราได้เจอสังคมใหม่ๆเจอเพื่อนๆเจอกิจกรรมต่างๆ บวกกับการที่เราไม่มุ่งมั่นที่จะสอบใหม่แบบจริงๆๆจังๆเลยทำให้เรารู้สึกว่าเรียนคณะนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ บวกกับเทอมแรกกๆๆวิชาคณะยังไม่เยอะเท่าไหร่จึงทำให้รู้สึกโอเครอยู่ แต่พอมาเทอมสองได้เจอวิชาที่เกี่ยวกับคณะเรามากขึ้น และ จะมีบางคาบที่มีรุ่นพี่ที่จบแล้วเป็นอัยการบ้าง ผู้พิพากษา พี่ที่ทำงาน lawfirm มาพูดเกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนการทำงาน มันทำให้เรารู้เลยว่าไม่ชอบด้านนี้
เราจึงอยากมาขอคำปรึกษาหน่อยคะว่าเราควรทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้เราเรียนปี1เทอมสอง ถ้าจะซิ่วไปสอบหมอปีหน้าก็ต้องลาออกจากมหาลัย และเราก็อยากเรียนแพทย์มากกว่าอะคะ เพราะรู้สึกเลยว่าเป็นเรามากกว่า ตอนแรกเราก็พยายามคิดนะคะว่าทุกอาชีพก็สามารถช่วยคนได้เหมือนกัน และเราก็พยายามบอกกกับตัวเราเองมาตลอด แต่พอมาถึงจุดนึง เราก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกแล้ว มันทำให้เรารู้สึกไม่มีความสุข มันก็มีบ้างที่เพื่อนเรายอมซิ่วอยู่บ้านปีหนึ่งติดบ้างไม่ติดบ้างปะปนกันไป แต่เรานับถือพวกเขาทุกคนเลยนะคะ เพราะอย่างน้อยไมว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เขาก็ได้ทำตามสิ่งที่ใจปรารถนาจริงๆๆ
ทุกวันนี้เราก็ได้แต่คิดว่าถ้าเราซิ่วแล้วจะติดไหมหนอ ถ้าติดชีวิตเราจะเปนยังไง มันทำให้เรารู้สึกเสียดายและเสียใจทุกครั้งที่นึกถึงมัน เวลาเหนรุ่นน้องที่เรียนแล้วก็อดนึกถึงตัวเองในสมัยนั้นตลอดเลย วัยที่มีความฝันและความหวัง ที่จะสอบเข้ามหาลัย ผิดกับตอนนี้ที่รู้สึกหดหู่ อยากย้อนเวลากลับไปเลยจริงๆแต่คงเป็นไปไม่ได้ เราต้องอยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันที่เป็นอยู่ก็คือตัวกำหนดอนาคตเราจึงอยากจะขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
#เสียดายย
(อยากบอกว่าพ่อแม่ของเราค่อนข้างตามใจเราอะคะไม่ได้บังคับว่าลูกจะต้องเรียนคณะนี้นะ และท่านเองก็สนับสนุนเรามาตลอด เราคิดว่าลึกๆในใจคงอยากให้เราเรียนหมอแต่ในเมื่อสอบไม่ติดหมอท่านก้อไม่ได้ว่าอะไร ตอนเราติดแอดท่านก็ดีใจกับเรา)
ปล.สิ่งหนึ่งที่อยากบอก
อยากบอกว่าอ่านหนังสืออย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
อย่าพูดว่าจะทำๆๆๆ ให้ลงมือทำเลย
อยากคิดว่าตัวเองเก่ง เราอาจจะเก่งแค่ โรงเรียนที่เราอยู่ แต่สังคมข้างนอกยังมีคนเก่งและขยันกว่าเราอีกเยอะ
ความผิดพลาด เราคิดว่าเราเองก็ไม่ถือว่าโง่มากแต่ด้วยความที่เราประมาทบวกกับการสอบในแต่ละเทอมเราได้คะแนนดีมาโดยตลอด(โรงเรียนเราถือว่าก็ไม่ได้ปล่อยเกรดทุกคะแนนก้มาจากความพยายามของเราแต่ที่ได้คะแนนดีเพราะเนื้อหาสอบแต่ละครั้งไม่กี่บทสำหับเราเลยเตรียมตัวไม่นาน) สิ่งนี้ไม่ได้รับประกันว่าจะสอบติดมหาลัยมี่เราฝัน เพราะ การสอบครั้งหนึ่งมันรวมเนื้อหามอปลายทั้งหมด คนที่สอบติดคือมีความพร้อมและคนที่หมั่นทบทวนอย่างสม่ำเสมอ