บทประพันธ์อมตะ วีรบุรษยิงอินทรี (มังกรหยก ภาค 1) ของอาจารย์จินหย๋ง (กิมย้ง) นับมีความลึกซึ้ง หลายมิติ สามารถวิเคราะห์ได้หลายแนวมาก คุณค่าเทียบเท่าได้กับเช็คเสปียร์และวรรณกรรมระดับโลกอื่นๆได้ การวางตัวละคร ซ้อนเร้นสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งปรัชญาชีวิต คติ คำสั่งสอน หลักคิดที่น่าสนใจแทรกอยู่ เปรียบเทียบกับชีวิตจริงได้ราวกับเป็นนิทานอีสบ ผู้อ่านสามารถวิเคราะห์ได้หลายแบบตามแต่ประสบการณ์ของตน แต่ละคนสามารถนำมาประยุกต์ต่อได้มากมายจนไม่สามารถหาข้อยุติได้ เหมาะที่จะนำไปเป็นตัวอย่างบทเรียนให้กับนักเรียนได้ เพื่อให้มีกรอบความคิดที่กว้าง และสร้างสรรค์
เหตุการณ์หลังจบมังกรหยก ภาค 1 ชีวิตหรงเอ๋ออยู่เคียงข้างสามีตลอด ใช้ปัญญาช่วยสามีทำสงครามปกป้องเมืองเซียงหยางจากการบุกรุกของมองโกล เป็นเวลานานมาก (ประมาณ 40-50 ปี) ตอนเมืองเซียงหยางแตก นางตายพร้อมสามี (ตายพร้อมลูกชาย และลูกสาวคนโต เหลือแต่ลูกสาวคนเล็กเป็นเจ้าสำนักง้อไบ้) นับว่าเป็นวีรสตรีคู่กับวีรบุรุษยิงอินทรี (เหตุการณ์ก่อนเข้าสู่ยุคดาบมังกรหยก)
กั๋วจิ้ง (ก๊วยเจ๋ง) ประสบความสำเร็จในชีวิตได้เพราะหรงเอ๋อ (ย้งยี๊) คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าไม่พบกับหรงเอ๋อ เขาคงเป็นแค่คนหนุ่มชาวซ่งธรรมดาคนหนึ่งที่เร่ร่อนไปอยู่มองโกล จนเมื่อรู้จักกับหรงเอ๋อ หรงเอ๋อใช้ความฉลาดระดับข้งเบ้งจัดให้หมด ภายในสองปี สามารถทำให้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจอมยุทธอันดับหนึ่งของประเทศเสมอกับพ่อตาหวงเย้าเสีย (อึ้งเอี่ยซือ) และอาจารย์เฒ่าขอทานหงชีกง (อั้งชิกง)ได้ (แต่ทั้งหมดยังพ่ายแพ้ให้กับคนบ้าวิทยายุทธที่ยอมแลกทุกอย่างรอบตัวอย่างโอวหยางฟง หรืออ้าวเอี้ยงฮง)
หวงหรง (อึ้งหย้ง) ฉลาดสุดล้ำระดับจีเนียส สามารถเลือกทางเดินตนเองได้ทั้งหมด และฉลาดเลือกสามีเป็นคนจิตใจดี มั่นคงในหลักการ รักที่จะมีภรรยาคนเดียว ถึงแม้พี่จิ้งจะไม่ฉลาดเฉลียว แต่มีความพากเพียรและขยันเรียนรู้ ก็เรียนตามทันคนอื่นได้ (เขาว่ากันว่า เก่งไม่กลัว กลัวคนขยัน) หลังแต่งงานแล้ว หรงเอ๋อสามารถเลือกที่จะโน้มน้าวให้พี่จิ้งไปใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ เช่นกลับไปอยู่อย่างสันติสุขในเกาะดอกท้อก็ได้ (ปกติทั่วไปผู้ชายหลังแต่งงานแล้ว ความเป็นเสือจะกลายเป็นแมวอ้วนว่านอนสอนง่ายไปบัดดล และยกย่องให้ภรรยาแม่คนที่สอง) แต่นางกลับเลือกเป็นช้างเท้าหลัง คอยสนับสนุนทุกอย่าง ตามที่สามีต้องการจะเป็น เมื่อสามีมีความรักชาติอย่างมากเป็นอยากเป็นวีรบุรษ(ผู้ยิงอินทรี) นางก็พร้อมที่จะอยู่ข้างๆกับสามีตลอดชีวิตจนตายด้วยกัน กลายเป็นยอดวีรสตรีที่น่ายกย่อง ชีวิตนางจึงเปลี่ยนไปจากเด็กวัยรุ่นที่รักอิสระ ชอบเที่ยว เอาแต่ใจ และไม่แคร์ผู้ใด กลายเป็นคนที่เชื่อฟังในกรอบของสามี นับว่า นางยกย่องและให้เกียรติสามีอย่างมาก
ปรัชญาชีวิตลักษณะนี้ คนที่เกิดระยะเบบี้บูมและ Gen X โดยส่วนใหญ่จะชอบที่จะใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต
ส่วนคู่ชีวิต หยางกั้ว (เ อี้ ย ก้วย) กับ เสี่ยวหลงหนี่ (เซียวเล่งนึ่ง) กลับสะท้อนให้เห็นความรักบริสุทธิ์แบบอิสระ (ไม่สนใจว่า ชายหญิงใครจะแก่กว่ากี่ปีก็ตาม, ไม่สนใจว่ายังบริสุทธิ์หรือไม่ หรือเคยแต่งงานมาแล้ว, ไม่สนใจว่าจะเป็นความรักแบบศิษย์อาจารย์ เป็นต้น) เข้าได้กับปรัชญาดำรงชีวิตปัจจุบัน กับคนส่วนใหญ่ที่เกิดยุค Gen Y, Z
ดังนั้น ความชื่นชอบที่แตกต่างกันใน มังกรหยก ภาค 1 และภาค 2 ส่วนหนึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจกับปรัชญาชีวิตที่กล่าวไปแล้วนี้ก็ได้ครับ
นี่ยังไม่กล่าวถึง ความรักแบบหลายใจแต่ไม่มั่นคง แบบรักพี่ เสียดายน้องของจางอู้จี้ (เตียบ่อกี้) ในดาบมังหยกเลยนะ มีคนชอบแบบนี้มากด้วย อันนี้สัจธรรม มีอยู่ในทุก Gen ครับ
กั๋วจิ้ง ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะหรงเอ๋อจัดให้ หรงเอ๋อเป็นยอดวีรสตรีที่ได้รับการยกย่อง เพราะเป็นช้างเท้าหลัง
เหตุการณ์หลังจบมังกรหยก ภาค 1 ชีวิตหรงเอ๋ออยู่เคียงข้างสามีตลอด ใช้ปัญญาช่วยสามีทำสงครามปกป้องเมืองเซียงหยางจากการบุกรุกของมองโกล เป็นเวลานานมาก (ประมาณ 40-50 ปี) ตอนเมืองเซียงหยางแตก นางตายพร้อมสามี (ตายพร้อมลูกชาย และลูกสาวคนโต เหลือแต่ลูกสาวคนเล็กเป็นเจ้าสำนักง้อไบ้) นับว่าเป็นวีรสตรีคู่กับวีรบุรุษยิงอินทรี (เหตุการณ์ก่อนเข้าสู่ยุคดาบมังกรหยก)
กั๋วจิ้ง (ก๊วยเจ๋ง) ประสบความสำเร็จในชีวิตได้เพราะหรงเอ๋อ (ย้งยี๊) คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าไม่พบกับหรงเอ๋อ เขาคงเป็นแค่คนหนุ่มชาวซ่งธรรมดาคนหนึ่งที่เร่ร่อนไปอยู่มองโกล จนเมื่อรู้จักกับหรงเอ๋อ หรงเอ๋อใช้ความฉลาดระดับข้งเบ้งจัดให้หมด ภายในสองปี สามารถทำให้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจอมยุทธอันดับหนึ่งของประเทศเสมอกับพ่อตาหวงเย้าเสีย (อึ้งเอี่ยซือ) และอาจารย์เฒ่าขอทานหงชีกง (อั้งชิกง)ได้ (แต่ทั้งหมดยังพ่ายแพ้ให้กับคนบ้าวิทยายุทธที่ยอมแลกทุกอย่างรอบตัวอย่างโอวหยางฟง หรืออ้าวเอี้ยงฮง)
หวงหรง (อึ้งหย้ง) ฉลาดสุดล้ำระดับจีเนียส สามารถเลือกทางเดินตนเองได้ทั้งหมด และฉลาดเลือกสามีเป็นคนจิตใจดี มั่นคงในหลักการ รักที่จะมีภรรยาคนเดียว ถึงแม้พี่จิ้งจะไม่ฉลาดเฉลียว แต่มีความพากเพียรและขยันเรียนรู้ ก็เรียนตามทันคนอื่นได้ (เขาว่ากันว่า เก่งไม่กลัว กลัวคนขยัน) หลังแต่งงานแล้ว หรงเอ๋อสามารถเลือกที่จะโน้มน้าวให้พี่จิ้งไปใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ เช่นกลับไปอยู่อย่างสันติสุขในเกาะดอกท้อก็ได้ (ปกติทั่วไปผู้ชายหลังแต่งงานแล้ว ความเป็นเสือจะกลายเป็นแมวอ้วนว่านอนสอนง่ายไปบัดดล และยกย่องให้ภรรยาแม่คนที่สอง) แต่นางกลับเลือกเป็นช้างเท้าหลัง คอยสนับสนุนทุกอย่าง ตามที่สามีต้องการจะเป็น เมื่อสามีมีความรักชาติอย่างมากเป็นอยากเป็นวีรบุรษ(ผู้ยิงอินทรี) นางก็พร้อมที่จะอยู่ข้างๆกับสามีตลอดชีวิตจนตายด้วยกัน กลายเป็นยอดวีรสตรีที่น่ายกย่อง ชีวิตนางจึงเปลี่ยนไปจากเด็กวัยรุ่นที่รักอิสระ ชอบเที่ยว เอาแต่ใจ และไม่แคร์ผู้ใด กลายเป็นคนที่เชื่อฟังในกรอบของสามี นับว่า นางยกย่องและให้เกียรติสามีอย่างมาก
ปรัชญาชีวิตลักษณะนี้ คนที่เกิดระยะเบบี้บูมและ Gen X โดยส่วนใหญ่จะชอบที่จะใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต
ส่วนคู่ชีวิต หยางกั้ว (เ อี้ ย ก้วย) กับ เสี่ยวหลงหนี่ (เซียวเล่งนึ่ง) กลับสะท้อนให้เห็นความรักบริสุทธิ์แบบอิสระ (ไม่สนใจว่า ชายหญิงใครจะแก่กว่ากี่ปีก็ตาม, ไม่สนใจว่ายังบริสุทธิ์หรือไม่ หรือเคยแต่งงานมาแล้ว, ไม่สนใจว่าจะเป็นความรักแบบศิษย์อาจารย์ เป็นต้น) เข้าได้กับปรัชญาดำรงชีวิตปัจจุบัน กับคนส่วนใหญ่ที่เกิดยุค Gen Y, Z
ดังนั้น ความชื่นชอบที่แตกต่างกันใน มังกรหยก ภาค 1 และภาค 2 ส่วนหนึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจกับปรัชญาชีวิตที่กล่าวไปแล้วนี้ก็ได้ครับ
นี่ยังไม่กล่าวถึง ความรักแบบหลายใจแต่ไม่มั่นคง แบบรักพี่ เสียดายน้องของจางอู้จี้ (เตียบ่อกี้) ในดาบมังหยกเลยนะ มีคนชอบแบบนี้มากด้วย อันนี้สัจธรรม มีอยู่ในทุก Gen ครับ