กระทู้นี้เราตั้งใจแบ่งปันประสบการณ์ที่เราได้ไปมาในช่วงเวลาสั้นๆผ่านรูปถ่าย ปกติเราเขียนบล็อกที่ยาวกว่านี้และรูปค่อนข้างเยอะ อาจจะไม่สามารถยัดทุกอย่างจากบล็อกนั้นมารวมไว้ในนี้ได้ แต่บอกได้คำเดียว เมืองนี้มันแค่เริ่มต้น เราจะกลับไปเยือนเมืองอื่นของอินเดียอย่างแน่นอน DAY 1: Airport --> Hotel --> St. Paul’s Cathedral --> Victoria Memorial Hall --> Park Street --> Indian Museum --> New Market
ถึงอินเดียตีสอง สงบมาก มากถึงขั้นร้างและหลอน ไม่ได้พูดเล่น เพื่อนก็รู้สึกจนถึงขั้นหันมาพูดว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอต้องเป็นคนวิ่งไปหาคนช่วย ส่วนเราจะล็อคคอคนขับTaxiไว้” เพราะนางนั่งตำแหน่งหลังคนขับ
St. Paul’s Cathedral
ที่นี่สร้างเสร็จตั้งแต่ปีค.ศ.1847 มีการรีโนเวทบ้างจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ด้านในเปิดให้เข้าชมฟรี โดยมีข้อห้ามคือห้ามถ่ายรูปและห้ามส่งเสียงดัง
Victoria Memorial Hall
ที่นี่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างปีค.ศ.1906 และ 1921 ใหญ่โตทั้งตัวตึกที่เป็นหินอ่อนและอาณาบริเวณที่เป็นสวนและบ่อน้ำ เปรียบเสมือนสวนสาธารณะสำหรับคนที่นี่ ทั้งคู่รักนั่งจู๋จี๋เป็นคู่เรียงกันไป พาครอบครัวมาเดินเล่น วัยรุ่นเอย นักเรียนเอยมานั่งพักผ่อน อีกเช่นเคยคือด้านในห้ามถ่ายรูป ค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 200 รูปี ถ้าไม่เข้าแล้วเดินเล่นแค่สวนรอบๆเสียแค่ประมาณ 5–10 รูปี
Park Street
ร้านอาหารดังแถวนี้มีอยู่สองสามที่ พอเห็นคิวยาวเราเลยขี้เกียจรอ บางร้านดูเมนูแล้วไม่น่ากิน สุดท้ายเลยแว่บเข้า Au Bon Pain จบจ้ะ อร่อยด้วย Indian Museum
ขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความหลากหลายใหญ่ที่สุดในอินเดียและในแถบเอเชียแปซิฟิก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1814 ฐานะต่างชาติอย่างเราเลยโดนค่าเสียหายไปคนละ 500 รูปี
New Market
เดินมาจาก Indian Museum ไม่นานก็เจอที่นี่ อยากได้อะไรก็ลองมาหาเอา
สำหรับเราแล้วที่นี่เป็นแหล่งรวมของกินชั้นเลิศเพลิดเพลินพุง
Dakshineswar Kali Temple River Ferry to Belur Math
เรานั่งรถกะป๊ออินเดียกลับไปสะพานHowrah ต่อด้วยรถบัสไปPark Street แวะซื้อของนิดหน่อยแล้วนั่งใต้ดินอีกครั้งกลับโรงแรม DAY 3: Kalighat Kali Temple --> Gariahat Market --> New Market --> Bookstore --> Quest Mall --> Birla Temple Kalighat Kali Temple
ด้วยความบังเอิญจากการเดินหนีคนที่พยายามมาชวนคุยด้วยจากประตูทางเข้าอื่น เรามาเจอกลุ่มคนยืนมุงตรงกำแพงวัด
พบว่าเค้ากำลังแล่แพะเพื่อนำไปบูชาเจ้าแม่กาลี เลือดสีแดงสดเชียวล่ะ Gariahat Market
ตลาดนี้ไม่มีอะไร จริงๆไปทำอย่างอื่นดีกว่า New Market Quest Mall Birla Temple
วัดนี้เปิดให้เข้าเป็นบางเวลาเพราะฉะนั้นต้องดูดีๆ
[CR] จ้องมา จ้องกลับ ไม่โกง! Kolkata, India (10–12 February 2017)
เหลือบไปเห็นราคาตั๋วเครื่องบินมิตรภาพไปเมืองโกลกาตาในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า สบตาเพื่อนร่วมงาน ปิ๊ง ปิ๊ง
เป็นอันจองเรียบร้อยตั๋วเครื่องบินสองที่นั่งนางสาวA Foot Journeyสายถึกและนางสาวwhereispimจิตแข็ง พร้อมด้วยการจองวีซ่าออนไลน์อย่างรวดเร็ว(ซึ่งเกือบจะโดนหลอก)
ระหว่างทางไปสนามบินดอนเมืองเราอ่านเจอกระทู้นึงใน pantip เขียนบรรยายถึงความเกลียดแรงที่มีต่อประเทศอินเดีย(ผู้ชายเขียน) ตอนนั้นมีหวั่นพอควรนะ ไม่รู้จะเจออะไรกับการไปอินเดียครั้งแรกบ้าง ในขณะที่มีอีกคนเข้ามาเขียนแสดงความประทับใจอย่างแรงกล้า(ผู้หญิงเขียน) ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ก็คงจะอย่างที่เค้าว่า ประเทศนี้ไม่เกลียดไปเลย ก็รักไปเลย
กระทู้นี้เราตั้งใจแบ่งปันประสบการณ์ที่เราได้ไปมาในช่วงเวลาสั้นๆผ่านรูปถ่าย ปกติเราเขียนบล็อกที่ยาวกว่านี้และรูปค่อนข้างเยอะ อาจจะไม่สามารถยัดทุกอย่างจากบล็อกนั้นมารวมไว้ในนี้ได้ แต่บอกได้คำเดียว เมืองนี้มันแค่เริ่มต้น เราจะกลับไปเยือนเมืองอื่นของอินเดียอย่างแน่นอน
DAY 1: Airport --> Hotel --> St. Paul’s Cathedral --> Victoria Memorial Hall --> Park Street --> Indian Museum --> New Market
ถึงอินเดียตีสอง สงบมาก มากถึงขั้นร้างและหลอน ไม่ได้พูดเล่น เพื่อนก็รู้สึกจนถึงขั้นหันมาพูดว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอต้องเป็นคนวิ่งไปหาคนช่วย ส่วนเราจะล็อคคอคนขับTaxiไว้” เพราะนางนั่งตำแหน่งหลังคนขับ
พวกเรารอดปลอดภัยถึงโรงแรม ไม่เจอซอมบี้และนอนจนเต็มอิ่ม
St. Paul’s Cathedral
ที่นี่สร้างเสร็จตั้งแต่ปีค.ศ.1847 มีการรีโนเวทบ้างจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ด้านในเปิดให้เข้าชมฟรี โดยมีข้อห้ามคือห้ามถ่ายรูปและห้ามส่งเสียงดัง
Victoria Memorial Hall
ที่นี่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างปีค.ศ.1906 และ 1921 ใหญ่โตทั้งตัวตึกที่เป็นหินอ่อนและอาณาบริเวณที่เป็นสวนและบ่อน้ำ เปรียบเสมือนสวนสาธารณะสำหรับคนที่นี่ ทั้งคู่รักนั่งจู๋จี๋เป็นคู่เรียงกันไป พาครอบครัวมาเดินเล่น วัยรุ่นเอย นักเรียนเอยมานั่งพักผ่อน อีกเช่นเคยคือด้านในห้ามถ่ายรูป ค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 200 รูปี ถ้าไม่เข้าแล้วเดินเล่นแค่สวนรอบๆเสียแค่ประมาณ 5–10 รูปี
Park Street
ร้านอาหารดังแถวนี้มีอยู่สองสามที่ พอเห็นคิวยาวเราเลยขี้เกียจรอ บางร้านดูเมนูแล้วไม่น่ากิน สุดท้ายเลยแว่บเข้า Au Bon Pain จบจ้ะ อร่อยด้วย
Indian Museum
ขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความหลากหลายใหญ่ที่สุดในอินเดียและในแถบเอเชียแปซิฟิก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1814 ฐานะต่างชาติอย่างเราเลยโดนค่าเสียหายไปคนละ 500 รูปี
New Market
เดินมาจาก Indian Museum ไม่นานก็เจอที่นี่ อยากได้อะไรก็ลองมาหาเอา
สำหรับเราแล้วที่นี่เป็นแหล่งรวมของกินชั้นเลิศเพลิดเพลินพุง
เราลองขึ้นรถไฟใต้ดินกลับโรงแรมกันด้วยความที่ยืนอยู่ใกล้สถานี นั่งไป 4 สถานี คนละ 5 รูปีเท่านั้น! หรือ 2.50 บาท!! **นี่เป็นการลองให้รู้ ถ้าเอาสะดวกแนะนำโบกแท็กซี่ดีกว่าจ้ะ**
DAY 2: Tiretti Market --> Howrah Bridge --> Mullick Ghat Flower Market --> Dakshineswar Kali Temple --> River Ferry --> ร้านข้างทางไม่ทราบชื่อ --> ร้านอาหารแถวโรงแรม
Tiretti Market (ตลาดเช้า)
Howrah Bridge
สะพานใหญ่โตอันดับต้นๆของโลกที่มีผู้คนและรถสัญจรไปมาวันละเป็นแสนๆ
Mullick Ghat Flower Market
ตลาดดอกไม้ที่แน่นไปด้วยคนขาย คนซื้อ และกองดอกไม้ ความคิดแว้บแรกหลังจากเห็นสภาพตลาดนี้คือ ไม่เอาล่ะ จริงๆนะ กลัวไม่ปลอดภัย ขอยืนดูบนนี้พอ
แต่หลังจากยืนมองบรรยากาศซักพัก ความคิดในหัวมันก็แย้งขึ้นมาแรงมาก เฮ้ย! น่าสนุกจะตาย ดูดิ ได้สัมผัสวิถีชีวิตคนอินเดียไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน เพื่อนเราก็เอาด้วย ไหนๆก็ไม่มีแพลนอะไรทั้งสิ้นอยู่แล้วหนิ ไม่ได้รีบไปไหน
ได้เดินลงมาเท่านั้นแหละ เพลินเลยค่ะทีนี้ ละลานตาไปหมด เพลินจนรู้ตัวอีกทีก็เดินมาไกลพอควร
เราลัดเลาะกลับมาเส้นทางเดินปกติของตลาด ถ่ายรูปคนขายดอกไม้อย่างสนุกสนาน เสมือนเป็นตากล้องมาจากสำนักข่าวบันเทิงเก็บภาพบรรยากาศงานเทศกาลดอกไม้
เราประทับใจตลาดดอกไม้นี้ที่สุดในทริป คนที่นี่ทำให้เราเริ่มมองคนอินเดียในมุมใหม่ เปลี่ยนความคิดความรู้สึกที่เราเคยมี สัมผัสได้ถึงความน่ารัก ความเป็นมิตร ความขยัน ไม่มีใครคิดจะเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอย่างเรา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องขอเงิน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะทำแบบนั้น เค้าอยู่อย่างเรียบง่ายทำมาค้าขายกันไป แถมสู้กล้องทุกคน เราคงเสียดายถ้าตัดสินใจไม่ลงมาเดินที่ตลาดนี้
Dakshineswar Kali Temple
River Ferry to Belur Math
เรานั่งรถกะป๊ออินเดียกลับไปสะพานHowrah ต่อด้วยรถบัสไปPark Street แวะซื้อของนิดหน่อยแล้วนั่งใต้ดินอีกครั้งกลับโรงแรม
DAY 3: Kalighat Kali Temple --> Gariahat Market --> New Market --> Bookstore --> Quest Mall --> Birla Temple
Kalighat Kali Temple
ด้วยความบังเอิญจากการเดินหนีคนที่พยายามมาชวนคุยด้วยจากประตูทางเข้าอื่น เรามาเจอกลุ่มคนยืนมุงตรงกำแพงวัด
พบว่าเค้ากำลังแล่แพะเพื่อนำไปบูชาเจ้าแม่กาลี เลือดสีแดงสดเชียวล่ะ
Gariahat Market
ตลาดนี้ไม่มีอะไร จริงๆไปทำอย่างอื่นดีกว่า
New Market
Quest Mall
Birla Temple
วัดนี้เปิดให้เข้าเป็นบางเวลาเพราะฉะนั้นต้องดูดีๆ
เราพบว่าคนอินเดียมักจะจ้องคนแปลกหน้าอย่างไม่ละสายตาก็เพียงเพื่อจะหาคำตอบว่า “พวกเราเป็นใครมาจากไหน” หลังจับทางได้เราเลยตะโกนใส่กลับทุกคนที่จ้องเราว่า “มองหน้าหาเรื่องหรอ!”
ตลกสิ้นดี ใครจะกล้าไปทำงั้น สิ่งที่เราทำของจริงคือ พอเค้าจ้อง เราก็จะจ้องกลับ พร้อม “ยิ้มสยาม” สวยๆไปหนึ่งที สิ่งที่ได้รับกลับมา 90% คือทุกคนจะเปลี่ยนจากหน้านิ่งเป็นหน้ายิ้มกลับมา ส่วนอีกกลุ่มนึงคือ ตกใจที่จับได้ว่ามองเราอยู่ ก็จะรีบหันหนีหรือเดินหนีไป และนี่คือที่มาว่าทำไมเรานิยามทริปนี้ว่า จ้องมา จ้องกลับ ไม่โกง มันเป็นวิธีผูกมิตรขั้นพื้นฐานที่ใครก็ทำได้
ปกติเราจะเขียนบันทึกบางทริปเก็บไว้เวลาคิดถึงจะกลับมาเปิดอ่าน เราตัดรูปอาหารอินเดียแล้วก็รายละเอียดอื่นๆออกไปเพราะไม่อยากแบ่งเป็นหลายกระทู้ กระทู้นี้คือหั่นมาแล้ว ถ้าสนใจก็ลองอ่านดูตามลิงค์นี้จ้ะ อาจจะพอทำให้คุณรู้สึกดีกับอินเดียเหมือนที่เรารู้สึก
Day 1: https://medium.com/@rapimoments/day-1-จ้องมา-จ้องกลับ-ไม่โกง-a34ba069a94e
Day 2: https://medium.com/@rapimoments/day-2-จ้องมา-จ้องกลับ-ไม่โกง-967610be03cb
Day 3: https://medium.com/@rapimoments/day-3-จ้องมา-จ้องกลับ-ไม่โกง-cb7758b75011
คำเตือน: ประเทศนี้เหมาะกับคนจิตแข็ง รับความสกปรกได้ รับรองสนุก!