สวัสดีค่ะ รีวิวนี้เราตั้งใจทำมาก แต่อาจจะมีภาพหรือคำบรรยายที่ไม่เข้าใจ หรือใช้ภาษาวัยรุ่นปนอยู่บ้าง รีวิวนี้เป็นรีวิวในรอบปี ตามประสา คนเก็บเงินเที่ยว 2017 สำหรับเราตอนนี้ถือว่าเป็นบัณฑิตป้ายแดง และก่อนจะเข้าสู่วงการมนุษย์เงินเดือน ขอทำหน้าที่ไทยเที่ยวไทยก่อนนะคะ แบกเป้ครั้งนี้จะว่าแบกก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้เน้นหรูอยู่สบายสะทีเดียว เรียกได้ว่า คุ้มค่าทางการเงินและจิตใจมากกว่า
งบ 12,000 นี้ ใช้เวลาเก็บเงิน 1 เดือนกว่าค่ะ หลังจากที่เราพึ่งจบ ก็รับจ้างสอนพิเศษ ซึ่งช่วงซัมเมอร์แบบนี้ รายไดเดีมากค่ะ ภูมิใจมากที่ไม่ต้องใช้เงินพ่อแม่มาผสมเหมือนครั้งก่อนๆ แต่พ่อแอบให้มา 1,000 ค่ะ อิอิ สมทบทุนบัณฑิตยากไร้ สำหรับทริปนี้ขอบอกก่อนเลยว่าเกิดขึ้นที่งานไทยเที่ยวไทยค่ะ ตอนแรกเพื่อนสนิทมาชวนว่าอยากไปกระบี่ ไอ้เราก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไรเพราะเสียดายตังค์ แต่คิดว่าถ้าได้ตั๋วโปร0บาท ถูกจัดก็จะร่วมหอด้วย ใจมาแตกที่งานไทยเที่ยวไืยเมื่อต้นปี โดยการซื้อทัวร์ พีพี 2,500 บาท โอ้แม่เจ้า ทัวร์นี้มีอะไรดี ต้องรอติดตามค่ะ
ขออภัยถ้าพิมพ์ตก เพราะใช้โทรศัพท์อัพโหลดวันต่อวันค่ะ
ทัวร์นี้เริ่มต้นตั้งแต่ 04-09 เมษา 60
04-06 3วันที่เราอยู่กระบี่ บินเดี่ยวค่ะ เพราะเพื่อนลางานไม่ได้ การเที่ยวคนเดียวก็สบายใจดี ไม่ต้องคาดหวังอะไร หลายคนถามไม่กลัวหรอ กลัวค่ะ แต่ต้องมีสติ I have สติ ตลอดเวลา สนุกดีค่ะ ผลลัพธ์จะเป็นยังไง ไม่ต้องคาดหวัง
04 เมษา 🌞
สำหรับวันแรกมีแพลนดังต่อไปนี้ค่ะ
07.30 เครื่องออก ไม่ได้โปร0บาท แต่ได้ Thaismile air คือดีและคุ้มมากในราคา 888-. รวมน้ำฟรี ของว่าง เลือกที่นั่งและโหลดกระเป๋าถึง20กก แถมเบาะกว้าง ยืดขาสบาย เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางด้วยสายการบินนี้และประทับใจมากค่ะ
09.00 ถึงสนามบิน นั่งสองแถวมาตัวเมือง เช็คอินที่ Snoozz hotel
10.00 พิพิธภัณฑ์ลูกปัด และหอศิลป์อันดามัน
12.00 ทานข้าวที่ราชรสติ่มซำ
13.00 เกาะกลาง หมู่บ้านมุสลิม
15.00 กลับที่พัก
17.00 ตลาดโต้รุ่ง
19.00 ทานโรตีหน้าห้าง vouge
21.00 พักผ่อน
สิ่งที่เกิดขึ้น
เครื่องออก 07.30 เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางกับไทยสไมล์ ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ คือดี เครื่องและเบาะใหญ่กว่าแดงเหลืองมาก มีอาหารว่างคือทาโกะยากิที่เปิดจนไม้จิ้มกระเด็นไปไหนไม่รู้ อาจไปเข้าตาใครเข้า หันไปมองหน้าคุณป้าคนข้างๆ นางก็ให้ไม้ใหม่มาขอบคุณหลายๆ มีน้ำส้มให้เลือก อุดมสมบูรณ์สมกับเก็บท้องไว้ไม่ซื้ออาหารที่สนามบิน กัปตันคือมือเบา แต่แอบกลัวตอนแลนดิ้งเบรกแทบไม่อยู่ สนามบินกระบี่เล็กกระมัง
พอมาถึงกระบี่ ทำตามรีวิวพันทิปคือถ้านั่งรถชัทเทิลไปเมือง90 อ่าวนาง150 วันแรกเรามาเมือง พันทิพบอกให้เดินออกมาหน่อยเลี้ยวขวา จะมีศาลาอยู่ เออเดิน แต่ไม่หน่อยนะคะ คือลากกระเป๋ากลางแจ้งไปอีก มุดอุโมง ข้ามแบริเอ้อถนนเพื่อไต่ลงไป เดินข้ามถนนใหญ่ ไปยืนแบบซอลอยู่ศาลา ใจก็นึกว่า พี่มาทำอะไรตรงนี้วะ เสีย90คือจบ แต่ใจก็ไม่ยอมแพ้ ยืนกลางแดดอาบรังสี สักพักสองแถวรู้งาน รอ10นาทีนางก็มา อีเจ๊นี่ก็ขึ้นอย่างไว สรุป เสียค่าสองแถวไป20 บาท
มาถึง snoozz hotel บ้านหลังแรกตอน 10.00 คือขอเช็คอินได้คือชนะ แต่พี่แกไม่ช่วยแบกกระเป๋าน้องเลย แถมยังหันมายิ้มให้อีกว่าชั้น4 ครับ 😁 ข่า ไมไม่บอกว่ามีผ้าเช็ดตัวให้ อุตส่าห์แบกมา เปิดห้องมามี 9เตียง ฝรั่งคนนึงนอนอยู่แล้วลุกขึ้นมาปิดแอร์ ทามไมง่า😹 โรงแรมนี้น่ารัก ดูใหม่ ในราคา290บาท เสียตรงที่วางเตียงเป็นแบบแคปซูล ทำให้ไม่ค่อยโดนแอร์เท่าไร 😘
ออกจากรร สิบเอ็ดโมง เดินตามกูเกิ้ลไปพิพิธภัณฑ์ลูกปัด และหอศิลป์อันดามัน ไม่คิดว่าเมืองกระลี่จะมีหอศิลป์ ถึงจะไม่ใหญ่ แต่มีงานแสดงเยอะมาก โดยเฉพาะประติมากรรมในหลวงของกมล ทัศนาญชลี (ซึ่งพึ่งรู้จักเมื่อตอนเตรียมสอนที่ไตรมิตร) เออเปิดโลกศิลปะดีว่ะ แต่พอชั้น2 ไม่มีคนเลย วังเวงมาก ประตูปิดเองอีก จากนั้นจึงฝากท้องไว้กับติ่มซำ ขึ้นชื่อของเมืองใต้ แต่เป็นร้าน ราชรสติ่มซำ ซึ่งค่อนข้างแพง หอยจ๊อลูกละ 40บาท สูญเสียไป 130บาท สำหรับมื้อแรก
เป้าหมายต่อคือเกาะกลาง ต้องนั่งเรือข้ามไป เลิกเหอะ การที่หลงเชื่อกูเกิลว่าเดินไป500 เมตร คือเหนื่อยหอบและดำมาก แต่ไหนๆก็เดินละคือเดิน กว่าจะไปถึงท่าเรือ ถ้ามข้ามไปคนเดียว 30บาท ต้องรอคนมาหารจะตกคนละ10บาทจ้า (มีทริปล่องเรือส่วนตัวที่เขาขนาบ ภูเขาสองลูกที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ตรงกลางเป็นแม่น้ำให้ลอดไป ถ้ามากรุ๊บใหญ่400เท่านั้นหารได้) พอถึงเกาะกลาง ก็จะไปเช่ามอไซ พี่วินแกก็จะพาไป แต่เป็นเวฟเกียร์ธรรมดา ออโต้ไม่มีครับเปลืองน้ำมัน จัดไปค่ะพี่ เลยได้พบกับพี่วินไกด์ "มัด"
ตอนแรกเซ็งว่า 200 นี้จะคุ้มไหมหว่า เกาะไม่มีไรมาก ซึ่งมันก็ไม่มีจริงๆ พอมีกลุ่มผ้าปาเต๊ะ หัวเรือให้ความรู้จนถามว่า มาทำรายงานหรอหนู แต่พี่มัดแกคือดีมาก พาขี่10โลกว่าย้อนไปมาไปดูนั่นนี่ พี่แกพูดด้วยสำเนียงใต้ซึ่งน่ารักมาก ลงท้ายว่าคับๆ ตลอด ซึ่งเกาะกลางนี้เป็นหมู่บ้านอิสลาม ไม่มีหมูและหมา มีแต่แพะและควายเผือก555 ก่อนกลับพี่มัดพาไปร้านอาหารซึ่งไม่มีคนเลย และเป็นพนักงานเด็กประมาณมอสี่ ตอนแรกก็เกร็ง พอเจอพวกนางเล่นมุกเท่านั้นแหละ จ้า แต่ข้ากินไม่ไหวจริงๆ พึ่งกินข้าวมานั่น อาหารก็ไม่ได้แพงนะ ตั้งอยู่ติดกับร้านมะหญิงซึ่งคนเยอะกว่า ก่อนกลับพี่มัดแทบจะขับมอไซค์ไปส่งบนเรือ ลงรถเสร็จแกก็เดินมาแนะนำนั่นนี่ต่อ พอหันหลังกลับแกกำแบงค์200ไว้ ทำให้เรารู้สึกว่า 200นั้นไม่ได้เสียดายเลย ถึงแม้เกาะจะไม่มีอะไรสวยงาม แต่เสน่ห์ มิตรภาพ ของชาวบ้าน คนที่นี่น่ารักมาก ประทับใจก็ตรงนี้ ทุกคนเล่นมุกเหมือนมาจากเวิร์คพ้อยท์ ขอบคุณทุกคนนะคะ😉
ใช้เวลา2ชม บนเกาะกลางเท่านั้น ผิดแผนจากตอนแรกที่ว่าจะกลับมาเย็นแล้วหาข้าวกิน ทำให้ต้องนั่งวินไปโฮสเพราะเท้าพังจากฮาวาอินาสปลอม เลยไปนอน2ชม ค่อยล้างหน้าไปตลาดโต้รุ่ง ฟ้าฝนเป็นใจตักข้าวใส่ปากคำสุดท้ายซ่าาาา อินี่ก็รีบเก็บและโกยอ้าวทันที กลับมาอาบน้ำ เปิดไดอารี่ดู คือจ่าย290 แต่โดมซึ่งมี 10กว่าเตียงไม่มีคนเลย สักพักก็มีเมทมาฝรั่ง1คนไทย1 อ่า ใจชื้นหน่อย
สุดท้ายต้องไปจัดโรตีชา ที่หน้าห้าง Vouge เยส ชื่อสวยแต่ห้างเก่า แต่คือไม่ได้แย่เท่าไรคล้ายๆ โตคิว โรตีนี้มีความดีมาก เจ๊ต้องฝ่าฟันคนแปดแสนเพื่อได้มา มี 2 แบบคือแบบกรอบซึ่งขึ้นชื่อ กับนิ่ม นม ไข่ แป้ง อ่าห์ 8แสนแคลอรี่ แต่ชาคืออร่อยมาก เขาผสมน้ำชาจริงๆลงไปในชาเย็นอีกครั้ง ทั้งหมด 50บาท ก็โอเคเพิ่มฉนวนกันความหนาวให้กับร่างกาย
จบทริปวันแรก ใช้งบไป 500กว่าบาท คิดว่าเป็นค่าเดินทางเยอะไปหน่อย เพราะที่นี่ไม่ค่อยปล่อยคนไทยเช่ามอไซค์
สุดท้าย กระบี่ไม่ได้มีดีแค่เกาะ แต่คนที่นี่น่ารักโดยเฉพาะหมู่บ้านเล็กๆ ลืมบอกว่าพี่มัดเล่าเรื่องสึนามิให้ฟังด้วย บอกวิธีทางหนีเสร็จสรรพ เขาบอกว่าเจอคลื่น แต่ก็กลับมาใหม่ ก็คงเหมือนคนเวลาเจออะไรร้ายๆ ยังไงก็ต้องมีวันกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม😀
ความละมุนของ Thai smile และจัดเต็มของอาหารว่าง
เป็นครั้งแรกที่เลือกที่นั่ง K ติดริมหน้าต่างฝั่งอันดามัน สวยมากค่ะ ทุกอย่างเป็นสีฟ้า และมองเห็นเกาะ
พักที่ snoozz hotel จองผ่าน agoda ราคา 290 คุ้มมากค่ะ พึ่งเปิดใหม่ มีทั้งห้องเดี่ยวและโดม ซึ่งเราเลือกโดม หญิงชายแยกเฉพาะ ในห้องมีห้องน้ำเลยไม่ต้องเดินออก ใช้ระบบคีย์การ์ด คนไม่เยอะ รู้สึกเหมือนนอนเดี่ยว😜
ลงเรือไป ให้พี่บ่าวถ่ายรูปให้ แอบเห็นเอกสารเยอะแยะ รู้เลยว่าไปสมัครครูมา เพราะหนูก็ไปเหมือนกัน อิอิ
จบทริป วันแรกค่ะ ขออนุญาตสรุปยอดค่าใช้จ่ายวันกลับนะคะ 😎
สำหรับวันแรกนี้สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือมิตรภาพของหมู่บ้านเกาะกลางค่ะ สำหรับใครที่อยากไปเกาะกลาง บนเกาะมีโฮมสเตย์และรีสอร์ทไว้รองรับ ไป slow life ก็น่าจะดีนะคะ อย่าคาดหวังว่าจะเจอสิ่งสวยงามตระการตา เพราะสิ่งที่สวยงามที่สุดบนเกาะก็คือรอยยิ้มของพวกพี่ๆ นั่นแหละค่ะ ไว้มาต่อพรุ่งนี้นะคะ 😛😜🏖
รีวิว กินหรูอยู่อย่างยาจก กระบี่-ภูเก็ต งบ 12,000
04 เมษา 🌞
สำหรับวันแรกมีแพลนดังต่อไปนี้ค่ะ
07.30 เครื่องออก ไม่ได้โปร0บาท แต่ได้ Thaismile air คือดีและคุ้มมากในราคา 888-. รวมน้ำฟรี ของว่าง เลือกที่นั่งและโหลดกระเป๋าถึง20กก แถมเบาะกว้าง ยืดขาสบาย เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางด้วยสายการบินนี้และประทับใจมากค่ะ
09.00 ถึงสนามบิน นั่งสองแถวมาตัวเมือง เช็คอินที่ Snoozz hotel
10.00 พิพิธภัณฑ์ลูกปัด และหอศิลป์อันดามัน
12.00 ทานข้าวที่ราชรสติ่มซำ
13.00 เกาะกลาง หมู่บ้านมุสลิม
15.00 กลับที่พัก
17.00 ตลาดโต้รุ่ง
19.00 ทานโรตีหน้าห้าง vouge
21.00 พักผ่อน
สิ่งที่เกิดขึ้น
พอมาถึงกระบี่ ทำตามรีวิวพันทิปคือถ้านั่งรถชัทเทิลไปเมือง90 อ่าวนาง150 วันแรกเรามาเมือง พันทิพบอกให้เดินออกมาหน่อยเลี้ยวขวา จะมีศาลาอยู่ เออเดิน แต่ไม่หน่อยนะคะ คือลากกระเป๋ากลางแจ้งไปอีก มุดอุโมง ข้ามแบริเอ้อถนนเพื่อไต่ลงไป เดินข้ามถนนใหญ่ ไปยืนแบบซอลอยู่ศาลา ใจก็นึกว่า พี่มาทำอะไรตรงนี้วะ เสีย90คือจบ แต่ใจก็ไม่ยอมแพ้ ยืนกลางแดดอาบรังสี สักพักสองแถวรู้งาน รอ10นาทีนางก็มา อีเจ๊นี่ก็ขึ้นอย่างไว สรุป เสียค่าสองแถวไป20 บาท
มาถึง snoozz hotel บ้านหลังแรกตอน 10.00 คือขอเช็คอินได้คือชนะ แต่พี่แกไม่ช่วยแบกกระเป๋าน้องเลย แถมยังหันมายิ้มให้อีกว่าชั้น4 ครับ 😁 ข่า ไมไม่บอกว่ามีผ้าเช็ดตัวให้ อุตส่าห์แบกมา เปิดห้องมามี 9เตียง ฝรั่งคนนึงนอนอยู่แล้วลุกขึ้นมาปิดแอร์ ทามไมง่า😹 โรงแรมนี้น่ารัก ดูใหม่ ในราคา290บาท เสียตรงที่วางเตียงเป็นแบบแคปซูล ทำให้ไม่ค่อยโดนแอร์เท่าไร 😘
ออกจากรร สิบเอ็ดโมง เดินตามกูเกิ้ลไปพิพิธภัณฑ์ลูกปัด และหอศิลป์อันดามัน ไม่คิดว่าเมืองกระลี่จะมีหอศิลป์ ถึงจะไม่ใหญ่ แต่มีงานแสดงเยอะมาก โดยเฉพาะประติมากรรมในหลวงของกมล ทัศนาญชลี (ซึ่งพึ่งรู้จักเมื่อตอนเตรียมสอนที่ไตรมิตร) เออเปิดโลกศิลปะดีว่ะ แต่พอชั้น2 ไม่มีคนเลย วังเวงมาก ประตูปิดเองอีก จากนั้นจึงฝากท้องไว้กับติ่มซำ ขึ้นชื่อของเมืองใต้ แต่เป็นร้าน ราชรสติ่มซำ ซึ่งค่อนข้างแพง หอยจ๊อลูกละ 40บาท สูญเสียไป 130บาท สำหรับมื้อแรก
เป้าหมายต่อคือเกาะกลาง ต้องนั่งเรือข้ามไป เลิกเหอะ การที่หลงเชื่อกูเกิลว่าเดินไป500 เมตร คือเหนื่อยหอบและดำมาก แต่ไหนๆก็เดินละคือเดิน กว่าจะไปถึงท่าเรือ ถ้ามข้ามไปคนเดียว 30บาท ต้องรอคนมาหารจะตกคนละ10บาทจ้า (มีทริปล่องเรือส่วนตัวที่เขาขนาบ ภูเขาสองลูกที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ตรงกลางเป็นแม่น้ำให้ลอดไป ถ้ามากรุ๊บใหญ่400เท่านั้นหารได้) พอถึงเกาะกลาง ก็จะไปเช่ามอไซ พี่วินแกก็จะพาไป แต่เป็นเวฟเกียร์ธรรมดา ออโต้ไม่มีครับเปลืองน้ำมัน จัดไปค่ะพี่ เลยได้พบกับพี่วินไกด์ "มัด"
ตอนแรกเซ็งว่า 200 นี้จะคุ้มไหมหว่า เกาะไม่มีไรมาก ซึ่งมันก็ไม่มีจริงๆ พอมีกลุ่มผ้าปาเต๊ะ หัวเรือให้ความรู้จนถามว่า มาทำรายงานหรอหนู แต่พี่มัดแกคือดีมาก พาขี่10โลกว่าย้อนไปมาไปดูนั่นนี่ พี่แกพูดด้วยสำเนียงใต้ซึ่งน่ารักมาก ลงท้ายว่าคับๆ ตลอด ซึ่งเกาะกลางนี้เป็นหมู่บ้านอิสลาม ไม่มีหมูและหมา มีแต่แพะและควายเผือก555 ก่อนกลับพี่มัดพาไปร้านอาหารซึ่งไม่มีคนเลย และเป็นพนักงานเด็กประมาณมอสี่ ตอนแรกก็เกร็ง พอเจอพวกนางเล่นมุกเท่านั้นแหละ จ้า แต่ข้ากินไม่ไหวจริงๆ พึ่งกินข้าวมานั่น อาหารก็ไม่ได้แพงนะ ตั้งอยู่ติดกับร้านมะหญิงซึ่งคนเยอะกว่า ก่อนกลับพี่มัดแทบจะขับมอไซค์ไปส่งบนเรือ ลงรถเสร็จแกก็เดินมาแนะนำนั่นนี่ต่อ พอหันหลังกลับแกกำแบงค์200ไว้ ทำให้เรารู้สึกว่า 200นั้นไม่ได้เสียดายเลย ถึงแม้เกาะจะไม่มีอะไรสวยงาม แต่เสน่ห์ มิตรภาพ ของชาวบ้าน คนที่นี่น่ารักมาก ประทับใจก็ตรงนี้ ทุกคนเล่นมุกเหมือนมาจากเวิร์คพ้อยท์ ขอบคุณทุกคนนะคะ😉
ใช้เวลา2ชม บนเกาะกลางเท่านั้น ผิดแผนจากตอนแรกที่ว่าจะกลับมาเย็นแล้วหาข้าวกิน ทำให้ต้องนั่งวินไปโฮสเพราะเท้าพังจากฮาวาอินาสปลอม เลยไปนอน2ชม ค่อยล้างหน้าไปตลาดโต้รุ่ง ฟ้าฝนเป็นใจตักข้าวใส่ปากคำสุดท้ายซ่าาาา อินี่ก็รีบเก็บและโกยอ้าวทันที กลับมาอาบน้ำ เปิดไดอารี่ดู คือจ่าย290 แต่โดมซึ่งมี 10กว่าเตียงไม่มีคนเลย สักพักก็มีเมทมาฝรั่ง1คนไทย1 อ่า ใจชื้นหน่อย
สุดท้ายต้องไปจัดโรตีชา ที่หน้าห้าง Vouge เยส ชื่อสวยแต่ห้างเก่า แต่คือไม่ได้แย่เท่าไรคล้ายๆ โตคิว โรตีนี้มีความดีมาก เจ๊ต้องฝ่าฟันคนแปดแสนเพื่อได้มา มี 2 แบบคือแบบกรอบซึ่งขึ้นชื่อ กับนิ่ม นม ไข่ แป้ง อ่าห์ 8แสนแคลอรี่ แต่ชาคืออร่อยมาก เขาผสมน้ำชาจริงๆลงไปในชาเย็นอีกครั้ง ทั้งหมด 50บาท ก็โอเคเพิ่มฉนวนกันความหนาวให้กับร่างกาย
จบทริปวันแรก ใช้งบไป 500กว่าบาท คิดว่าเป็นค่าเดินทางเยอะไปหน่อย เพราะที่นี่ไม่ค่อยปล่อยคนไทยเช่ามอไซค์
สุดท้าย กระบี่ไม่ได้มีดีแค่เกาะ แต่คนที่นี่น่ารักโดยเฉพาะหมู่บ้านเล็กๆ ลืมบอกว่าพี่มัดเล่าเรื่องสึนามิให้ฟังด้วย บอกวิธีทางหนีเสร็จสรรพ เขาบอกว่าเจอคลื่น แต่ก็กลับมาใหม่ ก็คงเหมือนคนเวลาเจออะไรร้ายๆ ยังไงก็ต้องมีวันกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม😀
จบทริป วันแรกค่ะ ขออนุญาตสรุปยอดค่าใช้จ่ายวันกลับนะคะ 😎
สำหรับวันแรกนี้สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือมิตรภาพของหมู่บ้านเกาะกลางค่ะ สำหรับใครที่อยากไปเกาะกลาง บนเกาะมีโฮมสเตย์และรีสอร์ทไว้รองรับ ไป slow life ก็น่าจะดีนะคะ อย่าคาดหวังว่าจะเจอสิ่งสวยงามตระการตา เพราะสิ่งที่สวยงามที่สุดบนเกาะก็คือรอยยิ้มของพวกพี่ๆ นั่นแหละค่ะ ไว้มาต่อพรุ่งนี้นะคะ 😛😜🏖