[บทความ] วัยรุ่นไทย ยุค 2010s

บทความนี้คัดออกจากส่วนหนึ่งของรายงานของผู้เขียน เจตนาของผู้เขียนเพื่อสะท้อนสังคม Online ในปัจจุบัน หากกระทู้นี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับใครขึ้นมา ก็ขออภัยด้วย
+
ผู้เขียนอยู่ในประเทศไทยมาประมาณ 4 ปีแล้ว และอยู่ในฐานะที่กำลังจะใกล้จบการศึกษาแล้ว และคาดว่าจะยังหางานทำอยู่ในประเทศไทยไปสักพักก่อน ตลอด 4 ปีที่ผู้เขียนได้อยู่ในประเทศไทยนั้น ได้พบเห็นสิ่งต่างๆของสังคมไทยอยู่เสมอ และได้เปรียบเทียบความแตกต่างของสังคมประเทศไทยและของประเทศผู้เขียนเอง พบว่ามีทั้งดีกว่าและแย่กว่าของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจะไม่ขอพูดถึงให้เป็นปัญหาเปล่าๆ
+
ผู้เขียนได้สังเกต Twitter ของเพื่อนคนไทยของผู้เขียนเองอย่างลับๆ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ผู้เขียนพบว่า สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคม Online ไทย คือวัยรุ่น โดยเฉพาะ วัยมหาลัย  หรือ วัยที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัย ในยุคนี้ เป็นวัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสังคม Online ผู้เขียนเข้าไปดู Twitter ของวัยมหาลัยเหล่านี้ มักจะมีเรื่องราวสารพัดรูปแบบที่มักระบายออกมาแบบหยาบๆเกรียนๆ และปลดปล่อยออกมาเต็มที่อย่างเสรี ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัว เรื่องชีวิต เรื่องการเรียน ไปจนถึงเรื่องการเมือง แต่สิ่งที่ผู้เขียนสะดุดใจมาก คือคำปกป้องตัวเองคำหนึ่งของพวกเขา คือคำว่า "เผือก" (แปลงเพราะพันทิป censor คำนี้) คำนี้สามารถใช้ได้หลายรูปแบบ แต่ความหมายโดยรวมคือการป้องกันความเป็นส่วนตัวของตัวเอง การปกป้องตัวเอง หรือแม้แต่อาจจะเป็นคำพูดที่อาจจะเอ่ยออกมาเมื่อได้อ่านกระทู้นี้และเข้าใจว่ากำลังพูดถึงตัวเองอยู่
+
หลายๆคนที่อ่านกระทู้นี้ คงจะนึกว่าทำไมผู้เขียนถึงได้เจาะลึกลงไป และใช้เจตนาว่า "สะท้อนสังคม Online ในปัจจุบัน" ก็คงเป็นเพราะว่า สังคม Online ไทย หรือแม้แต่สังคมโลกความจริงในยุคปัจจุบัน เป็นสังคมที่เสรีเกินไป บางคนพูดทับถมซ้ำเติมเวลาเกิดอะไรไม่ดี บางคนพูดจาเยาะเย้ยประชดประชันประเทศตนเองเวลามีเรื่องขายหน้า เช่น หากคุณกำลังจะไปซื้อขนมจีนแล้วเกิดวิวาทกับแม่ค้าเขาขึ้นมา คุณก็ถูกถ่าย Clip เอาไว้ Share ลง Facebook ลง Twitter แล้วเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามกันมา บางคนก็ซ้ำเติมทั้งฝ่ายหนึ่งและอีกฝ่าย บางคนก็เสียดสีไปถึงสังคมตัวเอง Thailand Only และมันก็วนเวียนอยู่ตลอดทุกๆปี ทุกๆเดือน และเกือบทุกสัปดาห์  ส่วนเหตุผลอีกอย่างก็เพราะ รุ่นน้องของผู้เขียนคนหนึ่ง เขียนระบายลง Facebook ว่า "ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยวะ เหล้าก็ไม่ได้แด๊ก ต้องตุนไว้เต็มห้องอีก" หากนั้นเป็นช่วงเทศกาลพุทธศาสนา หรือเหตุผลอื่นๆ ผู้เขียนคงไม่คิดจำใส่ใจ แต่เนื่องจากว่าวันนั้นคือวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าเป็นวันอะไร วันที่คนไทยทั้งประเทศต้องตกอยู่ในภาวะทุกข์ แต่บางคนกลับทุกข์เพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง ผู้เขียนเข้าใจว่านั้นคงเป็นเพราะขอบเขตความอดทนที่ไม่มีใครอยากจะเพิ่มมัน และเข้าใจว่าเขา และพวกเขา (คือวัยมหาลัยที่พูดถึงในกระทู้นี้) เป็นโรคกลัวการปรับตัวในสังคม หรือ โรคกลัวการถูกบังคับ
+
ผู้เขียนคิดว่า วัยมหาลัยส่วนหนึ่ง หรือประมาณ 8 ใน 10 ที่เล่น Facebook และ Twitter อยู่ มีนิสัยที่ ศ.ท่านหนึ่ง อธิบายไว้ว่า "โตแต่ตัว ใจไม่โตตาม" กล่าวคือ บางครั้งก็เสียดสีรัฐบาล บางครั้งก็เสียดสีสังคม และบางครั้งก็เสียดสีเรื่องราวในชีวิตของตัวเอง พูดง่ายๆก็คือ พวกเขา เก่งแต่เสียดสี ประชดประชัน ยั่วยุ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ราวกับว่า ทำได้เพียงแค่นั้น ยกตัวอย่างเช่น มีข่าวทางลบใดๆก็ตาม โดยเฉพาะที่มีผลต่อชื่อเสียงหรือสังคม คนเหล่านั้น จะมาทับถมซ้ำเติมว่า แดนคนดีมีศีลธรรม ประเทศดัดจริตแลนด์ กะลาแลนด์ หรือการเสียดสีถึงขั้นวาดรูป ถึงขั้นวาดภาพประชดประชัน บางครั้ง วันดีคืนดี ก็ปรากฎเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับสิ่งที่เราเคารพกันโดยพวกเขาลากลงมาแล้วละเลงได้ตามใจชอบแล้วพูดว่า "This is freedom and democracy" (นี้คือเสรีภาพและประชาธิปไตย)
+
ความ Freedom ของวัยมหาลัยเหล่านี้ แม้บางครั้งอาจจะเหมาะสม และ เฮฮา แต่โดยส่วนใหญ่ มีหลายครั้งที่พาดพิง ล้อเลียน เสียดสี ประชดประชัน หรือยั่วยุ สร้าง Drama กันอย่างไร้เหตุผลกับเรื่องละเอียดอ่อน เหตุผลหนึ่งคือการระบายอารมณ์ อีกเหตุผลคือความอยากดัง แต่เหตุผลหลักก็คงไม่พ้นผู้ใหญ่ผิดทาง ที่ชี้นำวิธีการแก้ปัญหาสังคม แก้วิธีกันอย่างผิดๆ หรือแม้แต่การถูกหลอกโดยทางอ้อมให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือแม้แต่ถูกล้างสมองให้เกลียดชังประเทศตัวเองและคลั่งเชื้อชาติตัวเอง ศาสนาของตนเอง
+
กรณีนี้ขอแยกเป็น 2 ปัญหา คือ 1.ปัญหาชีวิตทั่วๆไป ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับระบบการบ้านการเมือง คือชีวิตทั่วๆไป สังคมทั่วๆไป เช่นการดื่มสุรา บางคนอ้างว่าสามารถดื่มได้ และใช้เหตุผลต่างๆนาๆ แต่บางครั้ง กลับมีปัญหาความเดือดร้อนตามมาโดยไม่คำนึงถึง หรือการสูบบุหรี่ ที่อ้างว่าสูบได้ แต่ควันบุหรี่กลับไปเข้าหน้าผู้อื่น หรือก่อปํญหาอัคคีภัยตามมา และ 2.ปัญหาทางการเมืองและเรื่องทางสังคมที่ดูร้อนแรงมาก รวมถึงเรื่องละเอียดอ่อน เช่นมีกระทู้ที่พูดถึง AV แล้วคนไทยกลุ่มหนึ่งพาดพิงประชดประชันประเทศตัวเองว่า เมืองศีลธรรม เมืองคนดี แล้วผู้เขียนไปพูดค้อน ก็สวนกลับไล่ผู้เขียนกลับไปอยู่บ้านเกิดเสียอย่างนั้น หรือกรณีเรื่องราวทางการเมืองที่มักจะมีคนหลายคนพูดออกมาแบบไม่ได้สนใจเนื้อหาจริงๆกันก่อนเลย
+
โดยสรุป สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนลำบากใจ คือความหยาบคาย,เกรียน และ นิสัยการประชดประชัน ชอบเสียดสี ชอบยั่วยุ ของวัยมหาลัยในสังคม Online ไทย ที่บางครั้งลามไปถึงเรื่องละเอียดอ่อน และก็เกิดเป็น Drama ขึ้นมา โดยที่ผู้ใหญ่บางคน เป็นคนเสี้ยมสอน ให้มีคติ มีแนวคิดและมุมมองที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักสังคมที่ควรเป็น และอาจมุ่งหมายให้เป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยไม่รู้ตัว สำหรับเรื่องความหยาบคาย เกรียน หากเป็นเรื่องทั่วๆไป ที่ไม่ใช่เรื่องละเอียดอ่อน ผู้เขียนจะไม่พูดถึง แต่หากเป็นเรื่องที่ละเอียด ผู้เขียนขอแนะนำว่า ถ้าไม่อยากดัง ไม่อยากระบาย แค่จะพูด อย่าออกตัวแรง อย่าพูดแบบน้ำๆ ให้พูดกันดีๆ วิจารณ์กันด้วยเหตุและผล จะดีกว่า เผื่อว่าสิ่งที่เราด่าประเทศชาติไว้ จะได้ไม่ย้อนกลับตัว ให้ถ่วงประเทศเสียเอง
+
บางสิ่งบางอย่าง เราเห็นว่าควรใช้ ควรนำใช้ ก็ใช้เพื่อประโยชน์ของสังคม เช่นเรื่องเพศศึกษา หรือ เรื่องที่ควรปรับเปลี่ยนอื่นๆ แต่บางเรื่องก็ไม่เห็นจำเป็นว่าต้องเร่งรีบ คนไทยหลายๆคนทุกวันนี้ เข้าหาความเป็น Westernize เกินไป จนคิดว่าสิ่งนั้นดี สิ่งนั้นไม่ดี และกลายเป็นทุกข์ (หรือความสุขเมื่อได้เสียดสีประชดประชัน) เสียเอง อ่านกระทู้นี้จบ ถ้ามีปัญหาสงสัยส่วนตัว ถามได้ หากคุณอยากโต้แย้งในกระทู้นี้ คุณทำได้ ขออย่างเดียว ขอให้คุณเข้าใจสาเหตุ เหตุผลและเจตนารมณ์ของผู้เขียนด้วยก็เพียงพอแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่