สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
คือ เราเข้าใจคุณ ว่า สภาพ "ตายซะยังจะดีกว่าอยู่" มันคืออะไร
เราเป็นคนดูแลผู้ป่วยตั้งแต่ระยะแรกจนถึงวันสุดท้าย
เห็นทุกอย่างตั้งแต่ความทรมาณของ
การผ่าตัดหน้าท้อง 2 ครั้ง ครั้งละ 7 ชั่วโมง
การให้คีโม
ผลข้างเคียงของคีโมที่มันช่าง.....เฮ้อออออ
ในช่วงเวลา ระยะสุดท้ายมันเป็นอะไรที่ ทรมาณจิตใจทั้งผู้ป่วย ทั้งคนดูแล
เส้นเลือดเริ่มอุดตัน ขาบวม ปวดจนแตะต้องตัวไม่ได้
เราได้ยินป้าเราตะโกนว่า "เมื่อไหร่จะให้ฉันตายสักที" ไม่รู้กี่ครั้ง
จนท้ายที่สุด หมอพยาบาล ที่ศูนย์บริรักษ์ ได้แต่ให้ มอร์ฟีน
และรอเวลา
สุดท้าย ป้าก็จากไป อย่างทรมาณ ตายตาไม่หลับ
เราสนับสนุนการการุณยฆาตนะ
แต่ส่วนมากคนที่ไม่สนับสนุนเรื่องนี้
เขาไม่เคยมีประสบการณ์ตรงหรือคลุกคลีแบบนี้มาก่อน
เขายังเห็นว่าชีวิตสวยงาม แต่ความจริงถึงเวลาแล้ว...
มันไม่เหมือนในละคร ที่หลับคร่อกไปเลย
มันเจ็บปวด จนดิ้นทุรนทุราย กรีดร้อง กระทั่งยาแก้ปวดที่แรงที่สุดยังเอาไม่อยู่
การที่ ใครสักคนกำลังนอนเป็นผัก แต่เรายื้อไว้เพื่อ?
จริงๆ เรายื้อเขาไว้ ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเลย ถามใจตัวเองดูดีๆ
เรายื้อเขาไว้ เพื่อรอปาฏิหารย์ หรือเพียงแต่ ให้ตัวเราไม่รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เขาจากไปง่ายๆ
เป็นความสุขทางใจปนขมขื่น ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เราเข้าใจ ถ้าเป็นตัวเราหมดหนทางแล้ว
คงจะรีบกินมอร์ฟีนให้เกินขนาด แล้วหลับไปเลยดีกว่า 555
สำหรับคนที่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ถ้ารู้ตัวว่าใกล้จะ "ไป" แล้ว
เริ่มต่อมน้ำเหลืองอุดตัน แขนบวม ขาบวม แตะตรงไหนก็เจ็บ
แนะนำให้ไปศูนย์ระงับปวด หรือชื่อ ศูนย์บริรักษ์ (ศิริราช) แต่เนิ่นๆ
ตอนไปจะได้ไม่ทรมาณมาก
ปล. มอร์ฟีนอร่อยนะ หยดผสมน้ำผลไม้แจ่มเบยยยยยยยย งิ้ง งิ้ง
หาเรื่องนี้มาดูด้วยนะ แล้วจะเข้าใจโคตรๆ
เราเป็นคนดูแลผู้ป่วยตั้งแต่ระยะแรกจนถึงวันสุดท้าย
เห็นทุกอย่างตั้งแต่ความทรมาณของ
การผ่าตัดหน้าท้อง 2 ครั้ง ครั้งละ 7 ชั่วโมง
การให้คีโม
ผลข้างเคียงของคีโมที่มันช่าง.....เฮ้อออออ
ในช่วงเวลา ระยะสุดท้ายมันเป็นอะไรที่ ทรมาณจิตใจทั้งผู้ป่วย ทั้งคนดูแล
เส้นเลือดเริ่มอุดตัน ขาบวม ปวดจนแตะต้องตัวไม่ได้
เราได้ยินป้าเราตะโกนว่า "เมื่อไหร่จะให้ฉันตายสักที" ไม่รู้กี่ครั้ง
จนท้ายที่สุด หมอพยาบาล ที่ศูนย์บริรักษ์ ได้แต่ให้ มอร์ฟีน
และรอเวลา
สุดท้าย ป้าก็จากไป อย่างทรมาณ ตายตาไม่หลับ
เราสนับสนุนการการุณยฆาตนะ
แต่ส่วนมากคนที่ไม่สนับสนุนเรื่องนี้
เขาไม่เคยมีประสบการณ์ตรงหรือคลุกคลีแบบนี้มาก่อน
เขายังเห็นว่าชีวิตสวยงาม แต่ความจริงถึงเวลาแล้ว...
มันไม่เหมือนในละคร ที่หลับคร่อกไปเลย
มันเจ็บปวด จนดิ้นทุรนทุราย กรีดร้อง กระทั่งยาแก้ปวดที่แรงที่สุดยังเอาไม่อยู่
การที่ ใครสักคนกำลังนอนเป็นผัก แต่เรายื้อไว้เพื่อ?
จริงๆ เรายื้อเขาไว้ ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเลย ถามใจตัวเองดูดีๆ
เรายื้อเขาไว้ เพื่อรอปาฏิหารย์ หรือเพียงแต่ ให้ตัวเราไม่รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เขาจากไปง่ายๆ
เป็นความสุขทางใจปนขมขื่น ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เราเข้าใจ ถ้าเป็นตัวเราหมดหนทางแล้ว
คงจะรีบกินมอร์ฟีนให้เกินขนาด แล้วหลับไปเลยดีกว่า 555
สำหรับคนที่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ถ้ารู้ตัวว่าใกล้จะ "ไป" แล้ว
เริ่มต่อมน้ำเหลืองอุดตัน แขนบวม ขาบวม แตะตรงไหนก็เจ็บ
แนะนำให้ไปศูนย์ระงับปวด หรือชื่อ ศูนย์บริรักษ์ (ศิริราช) แต่เนิ่นๆ
ตอนไปจะได้ไม่ทรมาณมาก
ปล. มอร์ฟีนอร่อยนะ หยดผสมน้ำผลไม้แจ่มเบยยยยยยยย งิ้ง งิ้ง
หาเรื่องนี้มาดูด้วยนะ แล้วจะเข้าใจโคตรๆ
ความคิดเห็นที่ 1
ผมก็มีอาการของโรคบางอย่าง ที่อาจลุกลามจนทรมานตัวเองมากๆได้เช่นกันครับ
แต่การได้ตายอย่างมีสติสัมปชัญญะ รับรู้อาการของร่างกายจิตใจได้ดีทุกขั้นตอน คือความปรารถนาของผม
แม้จะไม่รู้เวลา ไม่รู้สถานที่ ไม่อาจกำหนดอะไรได้มากนัก
แต่การฝึกตัวเองจนมีสติตื่นตัวตลอด ซึ่งผมเคยฝึกได้ผลดีมากๆถึงขั้น หากตื่นอยู่ก็รู้สติทุกลมหายใจ
ช่วยให้ประเมินสถานการณ์ได้รวดเร็ว
ต่อให้ถูกยิงตัดขั้วหัวใจ ก็ยังคิดต่อได้อีกระยะหนึ่ง อาจนานถึงสองสามนาทีด้วยซ้ำไป ยังกำหนดสติรับรู้อาการของร่างกายและจิตใจได้อยู่
ต่อให้คอขาดไป จนคิดทำอะไรไม่ได้อีก หากฝึกเจริญสติต่อเนื่องจนได้ผล ทั้งร่างกายสองส่วนและจิตใจก็ยังตื่นตัวได้อีกระยะหนึ่งอยู่ดี
เป็นเพราะฝึกตัวเองจนมีสภาพร่างกายและจิตใจที่ตื่นตัวเป็นนิสัยอยู่แล้ว
ดังนั้นไม่มีเรื่องการุณยฆาตในความคิดผมครับ
แนะนำให้ฝึกตัวเองให้มีสติสัมปชัญญะ ด้วยการเจริญสติครับ
เพราะหากสติสัมปชัญญะไม่แจ่มใสพออย่าว่าแต่จะลงมือทำอะไร แม้จะฆ่าตัวเองก็ยังไม่มีปัญญาคิดเลย
ดังนั้น การฝึกเจริญสติสำคัญที่สุดครับ ต้องมีสติแจ่มใสจึงจะกำหนดเลือกทางไปต่อเองได้
และถ้าคุณฝึกได้ผลอย่างที่ผมเคยทำได้และกำลังฝึกอยู่ เรื่องการุณฆาตก็จะจืดจางไปเองครับ
แต่การได้ตายอย่างมีสติสัมปชัญญะ รับรู้อาการของร่างกายจิตใจได้ดีทุกขั้นตอน คือความปรารถนาของผม
แม้จะไม่รู้เวลา ไม่รู้สถานที่ ไม่อาจกำหนดอะไรได้มากนัก
แต่การฝึกตัวเองจนมีสติตื่นตัวตลอด ซึ่งผมเคยฝึกได้ผลดีมากๆถึงขั้น หากตื่นอยู่ก็รู้สติทุกลมหายใจ
ช่วยให้ประเมินสถานการณ์ได้รวดเร็ว
ต่อให้ถูกยิงตัดขั้วหัวใจ ก็ยังคิดต่อได้อีกระยะหนึ่ง อาจนานถึงสองสามนาทีด้วยซ้ำไป ยังกำหนดสติรับรู้อาการของร่างกายและจิตใจได้อยู่
ต่อให้คอขาดไป จนคิดทำอะไรไม่ได้อีก หากฝึกเจริญสติต่อเนื่องจนได้ผล ทั้งร่างกายสองส่วนและจิตใจก็ยังตื่นตัวได้อีกระยะหนึ่งอยู่ดี
เป็นเพราะฝึกตัวเองจนมีสภาพร่างกายและจิตใจที่ตื่นตัวเป็นนิสัยอยู่แล้ว
ดังนั้นไม่มีเรื่องการุณยฆาตในความคิดผมครับ
แนะนำให้ฝึกตัวเองให้มีสติสัมปชัญญะ ด้วยการเจริญสติครับ
เพราะหากสติสัมปชัญญะไม่แจ่มใสพออย่าว่าแต่จะลงมือทำอะไร แม้จะฆ่าตัวเองก็ยังไม่มีปัญญาคิดเลย
ดังนั้น การฝึกเจริญสติสำคัญที่สุดครับ ต้องมีสติแจ่มใสจึงจะกำหนดเลือกทางไปต่อเองได้
และถ้าคุณฝึกได้ผลอย่างที่ผมเคยทำได้และกำลังฝึกอยู่ เรื่องการุณฆาตก็จะจืดจางไปเองครับ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่องการุณยฆาต
ส่วนตัวแล้วคิดว่าถ้าสมมติ มันกลับมาเป็นอีกจนรักษาไม่หาย ก็ไม่อยากทรมานร่างกาย อยากให้หลับสบายไม่ต้องตื่นมาอีกเลย
จึงอยากสอบถามเพื่อนๆพี่ๆที่เคยมีคนรู้จัก เคยทำการุณยฆาต หรือพอมีข้อมูล (ผมลอง Search Google แล้ว แต่ขออภัยอาจหาได้ไม่ดี ยังไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการทั้งหมด) คำถามก็คือ
1.ทำที่ประเทศอะไรได้บ้าง
2.ค่าใช้จ่ายในการทำว่าคิดเป็นเงินไทยประมาณกี่บาท แล้วถ้าทำที่ใดราคาถูกบ้าง
3.สงสัยว่าเป็นแบบไหน คือส่วนตัวเคยได้ยินว่าฉีดยานอนหลับก่อน ค่อยฉีดยาหยุดให้หัวใจเต้น แต่ก็เคยได้ยินมาอีกว่าเป็นการกินยาพิษ ทีเดียวโดยผู้ที่จะเข้ารับการุณยฆาตต้องมีสติสัมปชัญญะ และสามารถยกแก้วดื่มเองได้
ขอบคุณทุกท่านที่ตอบมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้