ในปีพุทธศักราช 2552 ล่วงถึงปี 2554 ช้างศึกอโยธยาพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงในการออกศึกต่างๆระหว่างเมืองอุษาคเนย์ ร่างกายเต็มที่ไปด้วยบาดแผล แผลแล้วแผลเล่า ไม่สามารถต่อกรกับช้างศึกต่างเมืองได้เลย ฤๅแม้กระทั่งการปะทะกับทัพน้อยของเมืองที่เคยปราบพยศ ก็กลับพ่ายแพ้อย่างบอบช้ำ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประวัติศาสตร์ของแต่ด้าวแดนเมืองอุษาคเนย์ได้บันทึกการศึกไว้ในจดหมายเหตุของแต่ละด้าวแดนเมืองว่า "ช้างศึกแห่งอโยธยาศรีรามเทพนคร" คือช้างศึกที่มีคุณสมบัติของช้างที่ยากจะหาเหล่าบรรดาคชศึกใดใดมาเทียมได้...แต่อนิจจา...หลังจากที่ประกาศศักดาความเกรียงไกรตั้งแต่อดีตมาจนล่วงถึงพุทธศักราช 2552...!!! ศึกใหญ่เกิดขึ้นที่เวียงจันทร์ ช้างศึกแห่งอโยธยาพ่ายแพ้อย่างบอบช้ำต้องกลับมาสมานแผลอย่างเงียบเงียบและเดียวดาย โดยที่แม่ทัพนายกองต่างก็โทษกันไปมา บ้างก็ก่นด่าช้างศึกเสียไม่มีดี เหมือนผีซ้ำดั้มพลอย ศึกใหญ่แห่งอุษาคเนย์เกิดขึ้นอีกครั้งที่เมืองจาการ์ต้าในพุทธศักราช 2554คชศึกจากอโยธยาฯผู้เกรียงไกรในอดีตพบกับความพ่ายแพ้อีกครั้งท่ามกลางเสียงสาปแช่งก่นด่าและศรัทธาของชาวเมืองที่เริ่มจะไม่มั่นใจในตัวของช้างศึกแห่งอโยธยาฯ ช้างศึกที่เต็มไปด้วยรอยแผล บอบช้ำ ไร้สิ้นซึ่งความหวัง นอนรอวันตาย ไม่เกรียงไกรเฉกเช่นในอดีตกาล....กลายเป็นช้างพิการแห่งอุษาคเนย์
...จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2555 แรมสี่ค่ำ เดือนสาม ปีมะโรง ทางแม่ทัพ ขุนพล ผู้กุมชะตาช้างศึกได้แต่งตั้งควาญช้างให้เข้ามาดูแล รักษา ฝึกฝนช้างศึกพิการเพื่อให้กลับมาเป็นช้างศึกที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จนล่วงเพลาขวบปีการดูแลและเคี่ยวเข็ญของควาญช้างผู้ที่เคยกรำศึกมามากมายก็ได้หล่อหลอมความแข็งแกร่ง ความกล้า ความกระหายในการทำศึกให้กับคชศึกแห่งอโยธยาอีกครั้ง...ในที่สุดพุทธศักราช 2556 ศึกใหญ่ที่เมืองเนปีดอ ช้างศึกอโยธยาก็ประกาศศักดาแห่งชัยชนะต่อเมืองต่างๆจากอุษาคเนย์เฉกเช่นในอดีตอีกครั้ง ช้างศึกแห่งอโยธยาลุกขึ้นสู้อย่างเงียบเงียบท่ามศรัทธาของหมู่คนที่ยังคงรัก และท่ามหลากหลายหมู่คนที่ทิ้งเขาไปแล้ว...
ในปีพุทธศักราช 2557 ศึกใหญ่แห่งแว่นแคว้นอาเซียปะทุขึ้นที่เมืองอินชอน ด้าวแดนต่างๆร่วมทำศึกครั้งนี้มากมาย ซึ่งช้างศึกของแต่ละเมืองก็ใช่ว่าจะล้มได้ง่ายดาย แต่ช้างศึกแห่งอโยธยาฯก็ประกาศศักดา ณ เมืองอินชอนให้เป็นที่ประจักษ์...หลังจากนั้นมาศรัทธาต่อช้างศึกที่เคยเงียบหายไปก็กลับกึกก้องเมืองอโยธยาอีกครั้งพร้อมกับการยกย่องเชิดชูควาญช้างผู้ปลุกช้างศึกแห่งอโยธยาให้เกรียงไกรและกลับมากำราบศึกแห่งอุษาคเนย์แบบไร้คู่ต่อกรอีกครั้ง...ช้างศึกแห่งอโยธยาและควาญช้างเล่นศึกจนถึงขวบปีที่ห้าก็ประกาศศักดาเข้าทำศึกใหญ่ที่เมืองในอุษาคเนย์และเมืองในอาเชียบางเมืองยังไม่สามารถเข้าถึงการศึกนี้ ช้าง 12 เชือกที่ผ่านศึกหนักศึกใหญ่มาแล้วจะเพียง 5 เชือกที่ได้ไปศึกใหญ่แห่งโลก..!!! ช้างศึกแห่งอโยธยาสู้เต็มที่แล้วแม้ว่าจะไม่ได้เป็น 1 ใน 5 ช้างศึกที่ได้ไปทำศึกต่อ แต่ก็ขอให้ไปย้อนดูบันทึกในประวัติศาตร์การศึกของอโยธยาฯว่าผ่านมากี่ขวบปีแล้วที่เราได้มาทำศึกแบบนี้ ณ เพลานี้แม่ทัพนายกองบางคนรับไม่ได้กับการพ่ายแพ้ของช้างศึกแห่งอโยธยา รับไม่ได้กับการสู้ศึกพ่ายแพ้...ทั้งที่สู้เต็มที่ รับไม่ได้ักับ..@#%&@%##&&@.....ฯลฯ
...ควาญช้างแห่งอโยธยา ผู้ปลุกช้างศึกให้ตื่นขึ้นสู้กับโลกของศึกจริงมาเป็นเวลา 1396 ทิวา จำต้องวางตะขอสับช้างลง เพื่อรอให้แม่ทัพนายกองสืบเสาะหาควาญช้างคนใหม่ที่จะเคี่ยวฝึกช้างศึกเพื่อทำศึกและประกาศศักดาแห่งอโยธยาศรีรามเทพนคร อีกครั้ง....
...ข้าพเจ้ารักและศรัทธาในความเป็นผู้เล่นและผู้ฝึกสอนของ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองผู้วางตะขอสับช้างลงในวันนี้ เพื่อวันข้างหน้าตะขอจะแปรเปลี่ยนเป็นหอก ง้าว ให้จับเพื่อนำช้างศึกเล่นศึกอีกครั้ง
ข้าพเจ้าเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อควาญช้างแห่งอโยธยา เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
#บินเดี่ยวหมื่นลี้กวีซีอิ้ว ๔/๔/๒๕๖๐ ณ ปลายโค้งรุ้งแห่งคิมหันตฤดู
..ปล..ฟุตบอล ไม่ใช่เทพนิยายที่จะเสกได้ดั่งใจปรารถนา
ควาญช้างแห่งอโยธยา
...จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2555 แรมสี่ค่ำ เดือนสาม ปีมะโรง ทางแม่ทัพ ขุนพล ผู้กุมชะตาช้างศึกได้แต่งตั้งควาญช้างให้เข้ามาดูแล รักษา ฝึกฝนช้างศึกพิการเพื่อให้กลับมาเป็นช้างศึกที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จนล่วงเพลาขวบปีการดูแลและเคี่ยวเข็ญของควาญช้างผู้ที่เคยกรำศึกมามากมายก็ได้หล่อหลอมความแข็งแกร่ง ความกล้า ความกระหายในการทำศึกให้กับคชศึกแห่งอโยธยาอีกครั้ง...ในที่สุดพุทธศักราช 2556 ศึกใหญ่ที่เมืองเนปีดอ ช้างศึกอโยธยาก็ประกาศศักดาแห่งชัยชนะต่อเมืองต่างๆจากอุษาคเนย์เฉกเช่นในอดีตอีกครั้ง ช้างศึกแห่งอโยธยาลุกขึ้นสู้อย่างเงียบเงียบท่ามศรัทธาของหมู่คนที่ยังคงรัก และท่ามหลากหลายหมู่คนที่ทิ้งเขาไปแล้ว...
ในปีพุทธศักราช 2557 ศึกใหญ่แห่งแว่นแคว้นอาเซียปะทุขึ้นที่เมืองอินชอน ด้าวแดนต่างๆร่วมทำศึกครั้งนี้มากมาย ซึ่งช้างศึกของแต่ละเมืองก็ใช่ว่าจะล้มได้ง่ายดาย แต่ช้างศึกแห่งอโยธยาฯก็ประกาศศักดา ณ เมืองอินชอนให้เป็นที่ประจักษ์...หลังจากนั้นมาศรัทธาต่อช้างศึกที่เคยเงียบหายไปก็กลับกึกก้องเมืองอโยธยาอีกครั้งพร้อมกับการยกย่องเชิดชูควาญช้างผู้ปลุกช้างศึกแห่งอโยธยาให้เกรียงไกรและกลับมากำราบศึกแห่งอุษาคเนย์แบบไร้คู่ต่อกรอีกครั้ง...ช้างศึกแห่งอโยธยาและควาญช้างเล่นศึกจนถึงขวบปีที่ห้าก็ประกาศศักดาเข้าทำศึกใหญ่ที่เมืองในอุษาคเนย์และเมืองในอาเชียบางเมืองยังไม่สามารถเข้าถึงการศึกนี้ ช้าง 12 เชือกที่ผ่านศึกหนักศึกใหญ่มาแล้วจะเพียง 5 เชือกที่ได้ไปศึกใหญ่แห่งโลก..!!! ช้างศึกแห่งอโยธยาสู้เต็มที่แล้วแม้ว่าจะไม่ได้เป็น 1 ใน 5 ช้างศึกที่ได้ไปทำศึกต่อ แต่ก็ขอให้ไปย้อนดูบันทึกในประวัติศาตร์การศึกของอโยธยาฯว่าผ่านมากี่ขวบปีแล้วที่เราได้มาทำศึกแบบนี้ ณ เพลานี้แม่ทัพนายกองบางคนรับไม่ได้กับการพ่ายแพ้ของช้างศึกแห่งอโยธยา รับไม่ได้กับการสู้ศึกพ่ายแพ้...ทั้งที่สู้เต็มที่ รับไม่ได้ักับ..@#%&@%##&&@.....ฯลฯ
...ควาญช้างแห่งอโยธยา ผู้ปลุกช้างศึกให้ตื่นขึ้นสู้กับโลกของศึกจริงมาเป็นเวลา 1396 ทิวา จำต้องวางตะขอสับช้างลง เพื่อรอให้แม่ทัพนายกองสืบเสาะหาควาญช้างคนใหม่ที่จะเคี่ยวฝึกช้างศึกเพื่อทำศึกและประกาศศักดาแห่งอโยธยาศรีรามเทพนคร อีกครั้ง....
...ข้าพเจ้ารักและศรัทธาในความเป็นผู้เล่นและผู้ฝึกสอนของ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองผู้วางตะขอสับช้างลงในวันนี้ เพื่อวันข้างหน้าตะขอจะแปรเปลี่ยนเป็นหอก ง้าว ให้จับเพื่อนำช้างศึกเล่นศึกอีกครั้ง
ข้าพเจ้าเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อควาญช้างแห่งอโยธยา เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
#บินเดี่ยวหมื่นลี้กวีซีอิ้ว ๔/๔/๒๕๖๐ ณ ปลายโค้งรุ้งแห่งคิมหันตฤดู
..ปล..ฟุตบอล ไม่ใช่เทพนิยายที่จะเสกได้ดั่งใจปรารถนา