[CR] UK 1st Time: England เดือนมีนา ฝนตกนิด แดดออกหน่อย ชิมของอร่อย ดอกไม้ก็มา

ประเภทกระทู้: บอกเล่าทุกสิ่งอย่าง แนวไดอารีเที่ยวไปบ่นไป

กระทู้ก่อนหน้า: UK 1st Time: Scotland เดือนมีนา ฝนตก แดดออก แกะเต็มทุ่ง ดอกไม้ผลิบาน https://ppantip.com/topic/36279733

ติดตาม Blog เต็มๆ เรื่องราวกิน เที่ยว มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้างเต็มๆ ได้ที่ https://aliceinlavenderland.wordpress.com


             กลับมาอีกแล้วตามคำเรียกร้อง ทนเสียงคะยั้นคะยอจากแฟนคลับไม่ไหว มีคนขอให้มารีวิวที่อังกฤษต่อตั้งสองท่านถ้วนทั่ว เพื่อเป็นการตอบแทนสหายร่วมพันทิพย์จากใจ เลยต้องมาทำภารกิจที่เริ่มไว้ให้เสร็จสิ้น ขอเท้าความจากครั้งก่อนสักนิด สำหรับแฟนคลับที่เพิ่งมาใหม่ ความเดิมตอนที่แล้ว ก็คือว่า ทริปนี้มีทั้งหมด 11 วัน ใช้เวลา 5 วันไปแล้วที่สกอตแลนด์ดินแดนแห่งเทพนิยาย คราวนี้เราจะมาต่อกันอีก 6 วันสำหรับมือใหม่เที่ยวอังกฤษ

                 เมื่อมาถึงกรุงลอนดอนด้วยสายการบิน easyjet จากสนามบิน Gatwick เราก็ต้องเข้าที่พักก่อนเป็นอันดับแรก เพราะมาถึงก็จะหกโมงเย็นแล้ว เราจองที่พักผ่าน Airbnb ใช้ลอนดอนเป็นศูนย์กลาง ทำไมต้องใช้ Airbnb? เพราะราคาห้องส่วนใหญ่ในลอนดอนหากเป็นโซนหนึ่งหรือสอง ที่อยู่ใกล้รถไฟใต้ดิน ห้องของโรงแรมจะเล็กมาก แค่กระเป๋าเดินทางสองใบก็จะเต็มแล้ว ราคาก็ไม่ถูกเลย แล้วห้องพักที่เราต้องการก็แค่ขอให้สะอาดโมเดิร์นหน่อย มีพื้นที่ใช้สอยบ้าง คือไม่ได้เป็นโรงแรมสไตล์เก่า ตกแต่งแนวอังกฤษ พรมแดงๆ ประมาณนั้น ดังนั้น Airbnb จึงตอบโจทย์เราตรงนี้ ห้องพักที่ได้เป็นห้องอพาร์ทเมนชั้นล่าง (เท่าที่ดูมา ที่จะปล่อยจะให้เช่าก็จะเป็นห้องด้านล่าง) มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ ที่ซักผ้า โต๊ะที่นั่งรับประทานอาหารอย่างดี ถ้าสเปคขนาดนี้ไปหาตามโรงแรมคงไม่ได้ แล้วเมื่อเทียบดูแล้วราคาก็พอกัน แต่ได้ที่ใหญ่กว่ามาก อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินอีกด้วย ว่าแล้วก็เลยตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ตรงนี้ล่ะ ใกล้ทั้งสถานีรถไฟและรถใต้ดินของ Paddington ที่เราเลือกที่จะอยู่แถบนี้ก็เพราะว่าจาก Paddington สามารถนั่ง Heathrow Express ไปสนามบินฮีทโธรล์เพียงแค่ 15 นาที แล้วเราก็มีแผนที่จะไปเที่ยวนอกเมืองด้วย สถานีรถไฟก็อยู่ใกล้กันกับใต้ดินเลย คือได้ครบหมดจบเสร็จในที่เดียว

             สำหรับบัตรโดยสารทั้งหลายจากการหาข้อมูลก็มาจบที่ บัตร Oyster Card  อย่างเดียว เพราะโปรแกรม หกวันของเรา มีออกไปนอกเมืองก็สองวันแล้ว จะไปซื้อ Travel card ก็คิดว่าไม่คุ้ม ในส่วนของรถไฟไปนอกเมือง ตอนแรกว่าจะซื้อ Britrail London Plus Pass เป็นแบบเดินทาง 3 วันภายในหนึ่งเดือน (USD144) ตอนแรกก็คิดจะซื้อ เพราะตั๋วนี้ไปได้ทั้ง Bath, Stonehenge, Oxford, Windsor Castle  ตามความตั้งใจของเราเป๊ะ แต่ๆ คิดรวมๆแล้วอาจจะไม่คุ้ม เพราะยังไม่รวมพวกค่ารถที่ใช้ขึ้นต่อไปที่เที่ยว ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ ค่าจิปาถะเมื่อเทียบกับทัวร์แบบ Day trip จากกรุงลอนดอน และที่เด็ดสุดมันอยู่ตรงนี้ จากการที่เป็นแฟนคลับของ tripadvisor เข้าไปหาข้อมูลทัวร์เที่ยวไปกลับวันเดียวก็ไปเจอคำแนะนำในกระทู้หนึ่งว่า มีทัวร์แบบลดครึ่งราคาซึ่งทัวร์นั้นก็เป็นหนึ่งในบริษัททัวร์ดังๆที่เรากำลังดูอยู่และส่วนใหญ่ก็ใช้กัน นั่นคือ Premium Tours  โดยต้องจองจากเว็บของ Groupon ตามนี้ https://www.groupon.co.uk/browse/london?category=things-to-do&category2=sightseeing-and-tours แล้วลองเลือกดูซึ่งถ้าไปเข้าหน้าเว็บไซต์หลักของ Premium Tours  จะเป็นทัวร์เดียวกันเลย แต่ราคาหั่นมา 50% เป๊ะๆ รวมค่าเข้าที่เที่ยวเหมือนกันทุกอย่าง เมื่อเห็นโปรล่อตาล่อใจแบบนี้ ดีงามพระรามเก้า Britrail London Plus Pass เลยกลายเป็นเพียง history ใน cache ไปโดยปริยาย แต่แอบบอกนิดนึงว่าทัวร์ที่ไปจะใช้ภาษาอังกฤษในการบรรยายทั้งหมด เพราะไกด์เป็นฝรั่ง ผู้ร่วมเดินทาง 98% เป็นฝรั่งหมดเลยทั้งจากอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา
    
              เอาล่ะ เรื่องปลีกย่อยตั๋วไปโน้นนี่เอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าไป เรามาต่อกันที่วันเที่ยววันแรกในอังกฤษกัน วันแรกขอแบบเบาๆ เดินเที่ยวในลอนดอนก่อน จริงๆไม่ใช่อะไร คิดไม่ออก ฝนดันตก เลยไปหลบฝนที่ British Museum พิพิธภัณฑ์อันดับต้นๆของโลก เจ้าแห่งอาณานิคม ถ้าที่ไหนจะมีของดีของเด็ดจากทั่วโลกมารวมกัน มันก็ต้องมีอังกฤษรวมอยู่ด้วยแน่นอน ค่าเข้าชมฟรีก็ด้วย จากเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าทำไมถึงฟรี ที่อ่านๆมาประมาณว่าไปเอาของเขามาเยอะช่วงล่าอาณานิคม แต่ไม่อยากส่งคืนเขา บอกชาวบ้านไปว่าเก็บไว้ที่บ้านฉันน่ะ ดีแล้ว นี่ถ้าฉันไม่เอามาสิ ป่านนี้คงไม่มีเหลือแล้ว ครั้นจะเก็บเงินค่าเข้ามันก็จะดูแปลกๆ เพราะของก็ไม่ใช่ของอังกฤษ เลยให้เข้าชมฟรีก็แล้วกัน อย่าว่ากันน่ะ ประมาณนี้ แต่ถ้าใครอยากจะบริจาคก็สามารถร่วมหยอดใส่ภาชนะกลมพลาสติกใสขนาดใหญ่ซึ่งคนที่เดินเข้าทุกคนจะต้องมองเห็น ก็เชิญตามศรัทธาแต่ตามมาตรฐานคือ 5 ปอนด์ มีเขียนบอกไว้ที่ตู้เลย



                 พอเข้ามาข้างในก็จะแบ่งออกเป็นชั้นๆ ตามแต่ละอารยธรรม แต่ที่โด่งดังและเป็นไฮไลท์ของที่นี่คืออารยธรรมจากอียิปต์ เหล่ามัมมี่ทั้งหลายที่เราเคยได้เห็นแต่ในหนัง เราจะได้เห็นของจริงแล้ว


ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก พระนางคลีโอพัตรา ก็อยู่ที่นี่ ดูจากมัมมี่แล้ว ท่านมีรูปร่างเล็กกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว


             มหาวิหารพาธีออน ในอารยธรรมกรีกโบราณ งานอลังก็มา ถ้าไปที่กรีซขอบอกเลยว่าไม่ต้องไปให้เสียเวลา เพราะวิหารถูกยกเอาไว้ให้ดูที่นี่ที่เดียว เที่ยวครบทั่วโลกในหนึ่งวันต้องที่ British Museum เท่านั้น


    จริงๆของที่สำคัญ เด่นดังมีมากมายถ้าจะให้เดินศึกษาจริงๆ วันเดียวก็คงไม่หมด เรื่องการรักษาสิ่งของต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์ก็ต้องชมเจ้าบ้านที่ดูแลของมีค่าของชาวโลกได้เป็นอย่างดี จริงๆก็เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังด้วยเหมือนกัน เพราะเราสามารถที่จะมาชมที่นี่ได้ที่เดียว ได้ครบหมดทั้งโลก คิดแง่นี้ก็จะได้สบายใจขึ้นมาหน่อยนึงเนอะ

    หลังจากจบจากพิพิธภัณฑ์ก็หมดไปค่อนวัน กว่าจะได้ออกมาก็เกือบสี่โมงเย็น ก็เลยคิดว่าไปที่ต่อไปคงไม่ทันแล้ว งั้นไปชอปปิง ดูแสงสี ปล่อยให้เงินหมุนไปจะได้สบายใจที่ Oxford street และที่ตื่นตะลึงมากบนถนนแห่งนี้ ก็คือ ห้าง Primark ตอนแรกไม่รู้จักห้างนี้เลย พอดีเดินผ่าน เห็นคนเยอะๆ เลยเดินเข้าไป ไม่รู้มีอะไรดึงดูดให้เข้าไป เพราะจริงๆผ่านห้างมาตั้งหลายห้างก็ไม่ได้เข้า ตอนแรกที่เข้าไปปุ๊ป อารมณ์ H&M กับ Forever 21 มีเสื้อผ้าราคาถูกแบบถูกมากๆ แบบเสื้อสองปอนด์ ห้าปอนด์ก็ยังมี แต่...แต่ที่ห้าง Primark  ไม่ได้มีแค่เสื้อผ้า แต่มันคือห้างๆหนึ่ง มีของเป็นแผนกๆ กระเป๋าเดินทางก็ถูกมาก สภาพตามราคา แต่ดูดีทีเดียว เสื้อเชิ้ตผู้ชายเอาแบบดูดี ตัวละ ห้าปอนด์ แปดปอนด์บ้าง ราคานี้ถ้าขายที่บ้านเรา บอกเลยว่าลายผู้ดีอังกฤษดีๆ แบบนี้ไม่มี ทริปลอนดอนบอกเลย เที่ยวครึ่งวัน ชอปและกินอีกครึ่งวัน เป็นการคลายเครียดหลังจากไปผจญภัยมาทั้งวัน แต่บอกเลยว่า เหนื่อยกว่าไปเดินเที่ยวอีกสองเท่า แฮ่ๆ

    จาก Oxford Street เดินทะลุยาวๆ มาที่ย่านเยาวราชของลอนดอน สิ่งที่มาถึงแล้วก็ต้องกินให้ได้ นั่นคือ เป็ดย่าง Four seasons นั่นเอง อยากรู้ว่าของต้นตำรับจะเป็นยังไง ต่างจากที่พารากอนไหม พอได้กินแล้วรู้สึกชอบของที่นี่มากกว่า เพราะไม่ออกหวานเหมือนที่บ้านเรา แต่หนังเป็ดก็ไม่ได้กรอบอะไรมากมาย ดูจากภาพเอาละกัน


    ตบท้ายตอนเย็นด้วยการไปเก็บภาพ Big Ben อาคารรัฐสภา และ London Eye ถ่ายตอนกลางคืนก็สวยงามใช้ได้ทีเดียว ให้นั่งรถใต้ดินมาลงที่สถานี Westminster เดินทางออกมาตามป้าย ขึ้นมาจากสถานีปุ๊ปแล้วแหงนหน้าก็เจอลุงเบนแล้ว ใหญ่และอลัง เวอร์วัง ดาวล้านดวง





                วันต่อมา พักหายเหนื่อยมาพอล่ะ ออกไปเที่ยวนอกเมืองกัน เราจะไป Windsor Castle กันก่อนเพราะอยู่ไม่ไกลจากลอนดอน Windsor Castle ถือว่าเป็นปราสาทที่มีคนอาศัยอยู่ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก ราชวงศ์อังกฤษก็ยังคงใช้เป็นที่พำนักและจัดงานเลี้ยงต้อนรับจนถึงปัจจุบัน จำได้ว่าใน Audio Guide พูดไว้ว่า “The castle is still alive” ดูมีชีวิตขึ้นมาทีเดียว บรื๋อส์

                 พอซื้อตั๋วรถไฟจากตู้ขายตั๋วแล้วก็ขึ้นรถไฟจาก Paddington - Windsor & Eton Central ไม่ต้องกลัวหลงเลย เพราะมีเพื่อนไปลงที่เดียวกันมากมาย นั่งไปประมาณ 40 นาทีก็ถึง เมื่อลงไปแล้วก็ให้เดินตามๆคนอื่นไป บอกแล้วว่าไม่หลงแน่นอน มีป้ายบอกทางไปตลอด เพราะที่นี่คือสถานที่เที่ยวยอดฮิตอันดับต้นๆที่สามารถมาจากลอนดอนได้ไม่ไกล สำหรับคนที่กำลังคิดว่าจะซื้อบัตร London Pass ดีไหม บอกก่อนสำหรับมือใหม่หัดเที่ยว บัตร London Pass คือ บัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในลอนดอนและบางแห่งนอกเมือง ซึ่งรวมถึงที่ Windsor Castle ด้วย บางที่ก็จะสามารถใช้ Fast track ได้ คือจะมีแถวพิเศษให้เข้าไปข้างในได้เลย โดยไม่ต้องต่อแถวสามัญชนคนทั่วไป ใครที่คิดว่าเป็นคนที่เที่ยวได้ทั้งวัน ก็ลองตามไปดูที่ https://www.londonpass.com เว็บจะชอบมีส่วนลดให้ 20% สำหรับการจองสามวันขึ้นไป แต่ต้องเที่ยวแบบวันติดกัน ไม่สามารถแยกวันได้ ตัวแปรสำคัญเรื่องเวลาที่ทำให้เราตัดสินใจไม่ซื้อบัตรนี้ เพราะคำนวณแล้วยังไงก็ไม่คุ้มสำหรับเรา แล้วเรามีวันที่ต้องไปออกนอกเมืองด้วย ดังนั้น ถ้าจะใช้สามวันให้คุ้มทุนจึงเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าใครมีเวลาและคิดว่าเที่ยวได้ครบคุ้มทุนก็ลองตัดสินใจดู อีกอย่างเราซื้อทัวร์สุดคุ้มไว้แล้ว ไม่เดือนร้อน โฮะๆๆ

               ถึงที่ไหนแล้วนะ? อ๋อๆ Windsor Castle อ่ะๆ รถไฟจอดล่ะ เดินตามฝูงชนเข้าไปซื้อตั๋วกันดีกว่า วันที่เราไป สบายๆ คิวไม่ยาว ไม่รู้ว่าเพราะเป็นวันจันทร์หรือเป็นเพราะเดือนมีนาคมซึ่งยังไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว เอาเป็นว่าโชคดีล่ะกัน เมื่อซื้อตั๋วเสร็จ เราก็เดินไปรับ Audio Guide ซึ่งรวมมากับตั๋วแล้ว เอามาก็แทบไม่ต้องเลือกภาษาเลย เพราะมีแต่อังกฤษเท่านั้นที่เราฟังออก ภาษาไทยนะเหรอ แค่ที่ไหนมีโบรชัวร์ให้ก็น้ำตาจะไหลแล้ว จริงๆคนไทยก็ไปเที่ยวกันเยอะ ยุโรปก็แยะ แต่เท่าที่สัมผัสไม่มีที่ไหนมีเสียงบรรยายไทยเลย ทำไมกัน พูดแล้วพาให้ชีช้ำกะหล่ำดอง รูปภาพจากภายนอก เพราะด้านในเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป








              เวลาที่เดินไปรอบปราสาทก็จะเห็นรถเข้าออกและจอดภายในปราสาทมากมาย และเท่าที่สังเกตก็เห็นรถหลายคันมีดอกไม้เหมือนดอกปอปปี้ติดอยู่หน้ากระจังรถตามรูปด้านล่างนี้ เลยสงสัยว่าเจ้าดอกไม้นี่มันมีความหมายว่าอะไร เป็นเหมือนสติกเกอร์แปะหน้ารถเวลาจะเข้าหมู่บ้านประมาณนี้รึเปล่า รอกูรูทั้งหลายมาให้คำตอบที....

ชื่อสินค้า:   อังกฤษ , สกอตแลนด์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่