การลงจากตำแหน่งของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ ทุกคนรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นแน่ๆ เพียงแต่คำถามคือ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และแบบไหนเท่านั้น
สรุปก็คือ ซิโก้ ไม่ต้องรอให้ตัวเองโดนเด้ง ตัดสินใจประกาศลาออก ปิดฉากช่วงเวลาแห่งความทรงจำของเขากับทีมช้างศึกไว้เพียงแค่นี้
การเปลี่ยนโค้ชผมไม่แปลกใจ แต่ที่มึนงงมากๆ คือกระแสในอินเตอร์เนต มีแฟนบอลบางส่วน สะใจ หัวเราะ และสมน้ำหน้าซิโก้ พร้อมทั้งพูดจาดูถูกเหยียดหยามสารพัด
สารพันคำพูดที่หยิบขึ้นมา อย่างเช่น "โค้ชซุปไก่" , "ถนัดโฆษณามากกว่าคุมทีม" หรือ "โค้ชสปอร์ตฮีโร่" คือจิกกัดแบบไม่ต้องให้เกียรติกันเลยว่างั้น
โอเค เขาอาจไม่ใช่โค้ช ที่เก่งที่สุด ไม่ใช่คนที่มีแท็กติกยอดเยี่ยมที่สุด แถมการเลือกตัวนักเตะก็ยังดูขัดใจในหลายครั้ง แต่ สิ่งที่เขาทำให้ทีมชาติทั้งหมดที่ผ่านมา มันยิ่งใหญ่กว่าเรื่องเหล่านี้มากจริงๆ
สำหรับผมเอง ไม่ได้ชื่นชอบซิโก้เป็นการส่วนตัว หลายๆครั้ง เขียนโจมตีก็บ่อย เคยต่อว่าเขาด้วยที่เอาภรรยามายุ่มย่ามเกินไป ว่ากันตรงๆคือ ไม่ได้มีความผูกพันอะไรทั้งนั้น
แต่สิ่งที่ผมยอมรับมาตลอด คือถ้าไม่มีซิโก้ ในวันนั้น ไม่มีทีมชาติไทยในยุคปัจจุบันแบบนี้
คือทีมชาติน่ะยังมี แต่มันจะไม่ใช่ทีมขวัญใจมหาชนอย่างนี้แน่นอน
เกมแรกสุดที่ซิโก้ คุมทีมชาติชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ คือเกมเอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก ไทยเจอเลบานอน ปรากฎว่าเราแพ้เท่าไหร่รู้ไหมครับ แพ้ทีมอย่างเลบานอนคาบ้าน 2-5
นัดนั้น ผมเข้าไปชมในสนาม ศรัทธาของบอลไทยอยู่ในช่วงที่เตี้ยเรี่ยดินจนขีดสุด มีคนดูทั้งสนาม มั่นใจว่าไม่ถึง 5 พันคน คือพอไทยแพ้ โดนยิงไปเละเทะ ก็ไม่ได้มีใครเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร เพราะไทยก็ไม่ได้มีหวังอะไรอยู่แล้ว
แฟนไม่มีศรัทธา นักบอลเองก็ไม่อยากเล่นทีมชาติ สื่อมวลชนก็ไม่ค่อยสนใจ ตอนนั้นบอลทีมชาติไทยกำลังจะพินาศนะครับ ผมไม่ได้พูดเว่อร์ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
จากจุดนั้น ซิโก้ ค่อยๆพัฒนาทีมชาติที่แตกสลายขึ้นมาทีละนิด ขั้นแรกสุดคือ ทำให้นักเตะภูมิใจในการรับใช้ชาติก่อน เมื่อก่อน ไม่มีใครอยากเรียกตัวติดธงหรอกครับ เสียเวลาฟรีๆ ถ้าเกิดเจ็บเนื้อเจ็บตัวไป ส่งผลต่อการเล่นลีกอีก
ลองมาดูวันนี้สิครับ การถูกเรียกตัวติดทีมชาติ เหมือนเป็นเสียงสวรรค์ นักเตะทุกอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมช้างศึก การได้ติดทีมชาตินำมาทั้งความภูมิใจ และ นำมาทั้งชื่อเสียง รวมถึงเงินที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่อนักเตะภูมิใจในการเล่นทีมชาติ ใส่ความมุ่งมั่น และหัวใจลงไป ฟอร์มในสนามก็ดี และทำให้ไทยกลับมาเชิดหน้าชูตาอีกครั้ง อย่างน้อยก็ระดับอาเซียน
พอทีมชนะด้วยวิธีการเล่นที่สวยงาม ก็ดึงแฟนๆกลับมาสู่สนามอีกครั้ง พอแฟนๆสนใจ สื่อมวลชนก็ต่างพากันนำเสนอข่าวในแง่มุมต่างๆ และสุดท้ายมันทำให้ ช่วงเวลาที่ทีมชาติลงแข่งขันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นโมเมนต์แห่งความสุข
สำหรับคนที่รักฟุตบอล ยอมรับมั้ยครับ ว่าถ้าบอลทีมชาติจะเตะ เรารอลุ้นกัน ตั้งแต่การประกาศรายชื่อนักเตะ 23 คนไปแข่งในแต่ละครั้ง ว่าจะมีใครบ้าง เราเตรียมแย่งชิงหาซื้อตั๋วบัตรเข้าชมในสนามให้ได้ และวันทั้งวันเอาแต่เสพข่าวทีมชาติตลอด จนกว่าจะแข่งเสร็จนั่นแหละ
ซึ่งนี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในรอบสิบปีที่ผ่านมา แต่มันก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่วันที่ซิโก้เข้ามานั่นล่ะ
ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ว่าซิโก้สร้างมันขึ้นมาทีละนิด เขาเป็นคนเรียกศรัทธา ให้กลับมาสู่ฟุตบอลไทยอีกครั้ง
นี่เรายังไม่ได้พูดถึงความสำเร็จแบบเป็นรูปธรรมนะครับ ทั้งแชมป์ซูซูกิคัพ 2 สมัยซ้อน , อันดับ 4 เอเชียนเกมส์ , แชมป์ซีเกมส์ 2 สมัย , เข้ารอบฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่ม รอบสุดท้ายในรอบ 16 ปี ซึ่งพวกนี้มันจับต้องได้เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
ถามว่าซิโก้ สมควรโดนปลดไหม? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละท่าน
คนที่อยากให้ปลดเขาก็มองว่า ไทยมี 1 แต้มจาก 7 นัด เป็นบ๊วยของกลุ่ม แถมโดนถลุงทุกเกม มันเกินจะรับไหว
แถมซิโก้ ก็มีแท็กติกส์ค่อนข้างจำกัด อย่าลืมว่า เขายังไม่มีโปรไลเซนส์ และไม่เคยมีประสบการณ์ในการลงเล่นหรือคุมทีมนอกอาเซียน ดังนั้นเมื่อต้องไปเจอกับระดับการแข่งที่ยากขึ้น เขาก็ถึงทางตันเหมือนกัน
ดังนั้น ถ้าไทยได้โค้ชระดับโลกเข้ามา อาจทำผลงานได้ดีกว่านี้ก็เป็นได้ ซึ่งคนที่อยากให้ปลดซิโก้ ผมเข้าใจได้นะครับ
แต่ คนที่ไม่อยากให้ปลด เขาก็มีเหตุผล เพราะ อย่าลืมว่าไทย ก็ไม่ใช่โคตรทีมมาจากไหน โอเคว่าเราแพ้เกือบทุกเกม แต่กรุณาดูคู่แข่งเราด้วย ญี่ปุ่น , ซาอุฯ , ยูเออี , อิรัก , ออสซี่ พวกนี้ไปบอลโลกมาแล้วทุกทีมนะครับ คือมันเป็นโปรแกรมที่ยากมากจริงๆ
แล้วถ้าไม่นับบอลโลกรอบนี้ ไทยก็มีผลงานดีมาตลอด คือไม่ได้มีวี่แววว่าจะตกต่ำอะไรเลย ดังนั้นการปลดกลางอากาศมันก็ดูเป็นการไม่แฟร์กับซิโก้ไปหน่อย
คือจริงๆไม่ว่าจะฝั่งไหนก็มีเหตุผลทั้งนั้นครับ ผมถึงบอกว่า เรื่องการปลด หรือไม่ปลด มันยอมรับได้ ไม่มีใครว่ากันหรอก ก็ถือเป็นวิถีทางของฟุตบอล
แต่สิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้ คือคำพูดจิกกัด เหยียดหยาม และต้องการทำลายชื่อเสียงของเขา
ซิโก้ สำหรับผมคือฮีโร่นะครับ เป็นคนที่ทำให้ ทีมชาติไทยจากที่ไม่มีใครสนใจ พัฒนาจนกลายมาเป็นอย่างปัจจุบันนี้
วันนี้ .. เขาเป็นอดีตแล้ว สิ่งที่เขาควรได้รับคือคำขอบคุณ ไม่ใช่คำสมน้ำหน้า เยาะเย้ยถากถาง
ถามหน่อยครับ ว่าเวลาเราเลิกกับแฟน คุณเลือกทำแบบไหน
1 ขอบคุณในช่วงเวลาดีๆที่เคยมีร่วมกัน หรือ 2 ไล่ตามด่าอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จิกกัด ในข้อเสียของเขาไม่หยุด แม้จะเลิกกันไปแล้ว
ในชีวิตของเรา กาารที่หมดรักกับอีกคนหนึ่งแล้ว ไม่ได้แปลว่าต้องเกลียด และทำร้ายกันนี่ครับ
อย่างน้อยที่สุด สิ่งดีๆที่เคยมีร่วมกันมา มันก็เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่หรือครับ
"วิศรุต"
Cr.
http://m.siamsport.co.th/column/detail/34355
จะรักหรือไม่รัก''ซิโก้''ควรได้รับเกียรติมากกว่านี้
สรุปก็คือ ซิโก้ ไม่ต้องรอให้ตัวเองโดนเด้ง ตัดสินใจประกาศลาออก ปิดฉากช่วงเวลาแห่งความทรงจำของเขากับทีมช้างศึกไว้เพียงแค่นี้
การเปลี่ยนโค้ชผมไม่แปลกใจ แต่ที่มึนงงมากๆ คือกระแสในอินเตอร์เนต มีแฟนบอลบางส่วน สะใจ หัวเราะ และสมน้ำหน้าซิโก้ พร้อมทั้งพูดจาดูถูกเหยียดหยามสารพัด
สารพันคำพูดที่หยิบขึ้นมา อย่างเช่น "โค้ชซุปไก่" , "ถนัดโฆษณามากกว่าคุมทีม" หรือ "โค้ชสปอร์ตฮีโร่" คือจิกกัดแบบไม่ต้องให้เกียรติกันเลยว่างั้น
โอเค เขาอาจไม่ใช่โค้ช ที่เก่งที่สุด ไม่ใช่คนที่มีแท็กติกยอดเยี่ยมที่สุด แถมการเลือกตัวนักเตะก็ยังดูขัดใจในหลายครั้ง แต่ สิ่งที่เขาทำให้ทีมชาติทั้งหมดที่ผ่านมา มันยิ่งใหญ่กว่าเรื่องเหล่านี้มากจริงๆ
สำหรับผมเอง ไม่ได้ชื่นชอบซิโก้เป็นการส่วนตัว หลายๆครั้ง เขียนโจมตีก็บ่อย เคยต่อว่าเขาด้วยที่เอาภรรยามายุ่มย่ามเกินไป ว่ากันตรงๆคือ ไม่ได้มีความผูกพันอะไรทั้งนั้น
แต่สิ่งที่ผมยอมรับมาตลอด คือถ้าไม่มีซิโก้ ในวันนั้น ไม่มีทีมชาติไทยในยุคปัจจุบันแบบนี้
คือทีมชาติน่ะยังมี แต่มันจะไม่ใช่ทีมขวัญใจมหาชนอย่างนี้แน่นอน
เกมแรกสุดที่ซิโก้ คุมทีมชาติชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ คือเกมเอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก ไทยเจอเลบานอน ปรากฎว่าเราแพ้เท่าไหร่รู้ไหมครับ แพ้ทีมอย่างเลบานอนคาบ้าน 2-5
นัดนั้น ผมเข้าไปชมในสนาม ศรัทธาของบอลไทยอยู่ในช่วงที่เตี้ยเรี่ยดินจนขีดสุด มีคนดูทั้งสนาม มั่นใจว่าไม่ถึง 5 พันคน คือพอไทยแพ้ โดนยิงไปเละเทะ ก็ไม่ได้มีใครเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร เพราะไทยก็ไม่ได้มีหวังอะไรอยู่แล้ว
แฟนไม่มีศรัทธา นักบอลเองก็ไม่อยากเล่นทีมชาติ สื่อมวลชนก็ไม่ค่อยสนใจ ตอนนั้นบอลทีมชาติไทยกำลังจะพินาศนะครับ ผมไม่ได้พูดเว่อร์ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
จากจุดนั้น ซิโก้ ค่อยๆพัฒนาทีมชาติที่แตกสลายขึ้นมาทีละนิด ขั้นแรกสุดคือ ทำให้นักเตะภูมิใจในการรับใช้ชาติก่อน เมื่อก่อน ไม่มีใครอยากเรียกตัวติดธงหรอกครับ เสียเวลาฟรีๆ ถ้าเกิดเจ็บเนื้อเจ็บตัวไป ส่งผลต่อการเล่นลีกอีก
ลองมาดูวันนี้สิครับ การถูกเรียกตัวติดทีมชาติ เหมือนเป็นเสียงสวรรค์ นักเตะทุกอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมช้างศึก การได้ติดทีมชาตินำมาทั้งความภูมิใจ และ นำมาทั้งชื่อเสียง รวมถึงเงินที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่อนักเตะภูมิใจในการเล่นทีมชาติ ใส่ความมุ่งมั่น และหัวใจลงไป ฟอร์มในสนามก็ดี และทำให้ไทยกลับมาเชิดหน้าชูตาอีกครั้ง อย่างน้อยก็ระดับอาเซียน
พอทีมชนะด้วยวิธีการเล่นที่สวยงาม ก็ดึงแฟนๆกลับมาสู่สนามอีกครั้ง พอแฟนๆสนใจ สื่อมวลชนก็ต่างพากันนำเสนอข่าวในแง่มุมต่างๆ และสุดท้ายมันทำให้ ช่วงเวลาที่ทีมชาติลงแข่งขันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นโมเมนต์แห่งความสุข
สำหรับคนที่รักฟุตบอล ยอมรับมั้ยครับ ว่าถ้าบอลทีมชาติจะเตะ เรารอลุ้นกัน ตั้งแต่การประกาศรายชื่อนักเตะ 23 คนไปแข่งในแต่ละครั้ง ว่าจะมีใครบ้าง เราเตรียมแย่งชิงหาซื้อตั๋วบัตรเข้าชมในสนามให้ได้ และวันทั้งวันเอาแต่เสพข่าวทีมชาติตลอด จนกว่าจะแข่งเสร็จนั่นแหละ
ซึ่งนี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในรอบสิบปีที่ผ่านมา แต่มันก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่วันที่ซิโก้เข้ามานั่นล่ะ
ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ว่าซิโก้สร้างมันขึ้นมาทีละนิด เขาเป็นคนเรียกศรัทธา ให้กลับมาสู่ฟุตบอลไทยอีกครั้ง
นี่เรายังไม่ได้พูดถึงความสำเร็จแบบเป็นรูปธรรมนะครับ ทั้งแชมป์ซูซูกิคัพ 2 สมัยซ้อน , อันดับ 4 เอเชียนเกมส์ , แชมป์ซีเกมส์ 2 สมัย , เข้ารอบฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่ม รอบสุดท้ายในรอบ 16 ปี ซึ่งพวกนี้มันจับต้องได้เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
ถามว่าซิโก้ สมควรโดนปลดไหม? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละท่าน
คนที่อยากให้ปลดเขาก็มองว่า ไทยมี 1 แต้มจาก 7 นัด เป็นบ๊วยของกลุ่ม แถมโดนถลุงทุกเกม มันเกินจะรับไหว
แถมซิโก้ ก็มีแท็กติกส์ค่อนข้างจำกัด อย่าลืมว่า เขายังไม่มีโปรไลเซนส์ และไม่เคยมีประสบการณ์ในการลงเล่นหรือคุมทีมนอกอาเซียน ดังนั้นเมื่อต้องไปเจอกับระดับการแข่งที่ยากขึ้น เขาก็ถึงทางตันเหมือนกัน
ดังนั้น ถ้าไทยได้โค้ชระดับโลกเข้ามา อาจทำผลงานได้ดีกว่านี้ก็เป็นได้ ซึ่งคนที่อยากให้ปลดซิโก้ ผมเข้าใจได้นะครับ
แต่ คนที่ไม่อยากให้ปลด เขาก็มีเหตุผล เพราะ อย่าลืมว่าไทย ก็ไม่ใช่โคตรทีมมาจากไหน โอเคว่าเราแพ้เกือบทุกเกม แต่กรุณาดูคู่แข่งเราด้วย ญี่ปุ่น , ซาอุฯ , ยูเออี , อิรัก , ออสซี่ พวกนี้ไปบอลโลกมาแล้วทุกทีมนะครับ คือมันเป็นโปรแกรมที่ยากมากจริงๆ
แล้วถ้าไม่นับบอลโลกรอบนี้ ไทยก็มีผลงานดีมาตลอด คือไม่ได้มีวี่แววว่าจะตกต่ำอะไรเลย ดังนั้นการปลดกลางอากาศมันก็ดูเป็นการไม่แฟร์กับซิโก้ไปหน่อย
คือจริงๆไม่ว่าจะฝั่งไหนก็มีเหตุผลทั้งนั้นครับ ผมถึงบอกว่า เรื่องการปลด หรือไม่ปลด มันยอมรับได้ ไม่มีใครว่ากันหรอก ก็ถือเป็นวิถีทางของฟุตบอล
แต่สิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้ คือคำพูดจิกกัด เหยียดหยาม และต้องการทำลายชื่อเสียงของเขา
ซิโก้ สำหรับผมคือฮีโร่นะครับ เป็นคนที่ทำให้ ทีมชาติไทยจากที่ไม่มีใครสนใจ พัฒนาจนกลายมาเป็นอย่างปัจจุบันนี้
วันนี้ .. เขาเป็นอดีตแล้ว สิ่งที่เขาควรได้รับคือคำขอบคุณ ไม่ใช่คำสมน้ำหน้า เยาะเย้ยถากถาง
ถามหน่อยครับ ว่าเวลาเราเลิกกับแฟน คุณเลือกทำแบบไหน
1 ขอบคุณในช่วงเวลาดีๆที่เคยมีร่วมกัน หรือ 2 ไล่ตามด่าอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จิกกัด ในข้อเสียของเขาไม่หยุด แม้จะเลิกกันไปแล้ว
ในชีวิตของเรา กาารที่หมดรักกับอีกคนหนึ่งแล้ว ไม่ได้แปลว่าต้องเกลียด และทำร้ายกันนี่ครับ
อย่างน้อยที่สุด สิ่งดีๆที่เคยมีร่วมกันมา มันก็เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่หรือครับ
"วิศรุต"
Cr.http://m.siamsport.co.th/column/detail/34355