investing.com -- ราคาน้ำมันในตลาดโลกในปีนี้ขึ้นอยู่กับความหวังที่โอเปคจะสามารถ
ควบคุมการผลิตได้ และการกลับมาของเชลล์ออยล์ของสหรัฐฯ
โอเปคบรรลุข้อตกลงที่จะลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนมกราคม
จนถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ นอกจากนั้นยังมีความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตจากกลุ่มผลิตน้ำมัน
นอกกลุ่มโอเปค เช่น รัสเซีย และอีก 10 กว่าประเทศที่ร่วมลดกำลังการผลิตลง 600,000 บาร์เรล
ต่อวัน นั่นหมายความว่ามีการตกลงลดกำลังการผลิตลงทั้งหมด 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ
32.5 ล้านนบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน
กลุ่มโอเปคต้องการขยายกรอบเวลาในการลดกำลังการผลิตออกไป ในการประชุมวันที่ 25 เมษายน
ที่จะมาถึงนี้ การขยายกรอบเวลาลดกำลังผลิตจะเป็นไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการประชุมที่จะเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกัน สัปดาห์ที่ผ่านมา การนับจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ปฏิบัติการของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
21 แท่น เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน จำนวนแท่นที่ปฏิบัติการคือ 625
มากที่สุดนับตั้งแต่ กันยายน ปี 2015
ในขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ ในวันพุธกลางสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 867,000 บาร์เรล
สู่ระดับ 534 ล้านบาร์เรล สูงสุดเป็นประวัติการณ์
นักลงทุนในราคาน่ำมันดิบจึงจับตามองการผลิตน้ำมันเชลล์ออยล์ของสหรัฐฯ และความพยายามในการ
ขยายเวลาในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปค
เครดิต : www.investing.com
เรียบเรียงโดย :
https://www.facebook.com/thaipips/
การ์ตูนประจำสัปดาห์ : ความเสี่ยงของราคาน้ำมันปี 2017 คือ OPEC กับ เชลล์ออยล์ของสหรัฐฯ
investing.com -- ราคาน้ำมันในตลาดโลกในปีนี้ขึ้นอยู่กับความหวังที่โอเปคจะสามารถ
ควบคุมการผลิตได้ และการกลับมาของเชลล์ออยล์ของสหรัฐฯ
โอเปคบรรลุข้อตกลงที่จะลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนมกราคม
จนถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ นอกจากนั้นยังมีความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตจากกลุ่มผลิตน้ำมัน
นอกกลุ่มโอเปค เช่น รัสเซีย และอีก 10 กว่าประเทศที่ร่วมลดกำลังการผลิตลง 600,000 บาร์เรล
ต่อวัน นั่นหมายความว่ามีการตกลงลดกำลังการผลิตลงทั้งหมด 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ
32.5 ล้านนบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน
กลุ่มโอเปคต้องการขยายกรอบเวลาในการลดกำลังการผลิตออกไป ในการประชุมวันที่ 25 เมษายน
ที่จะมาถึงนี้ การขยายกรอบเวลาลดกำลังผลิตจะเป็นไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการประชุมที่จะเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกัน สัปดาห์ที่ผ่านมา การนับจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ปฏิบัติการของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
21 แท่น เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน จำนวนแท่นที่ปฏิบัติการคือ 625
มากที่สุดนับตั้งแต่ กันยายน ปี 2015
ในขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ ในวันพุธกลางสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 867,000 บาร์เรล
สู่ระดับ 534 ล้านบาร์เรล สูงสุดเป็นประวัติการณ์
นักลงทุนในราคาน่ำมันดิบจึงจับตามองการผลิตน้ำมันเชลล์ออยล์ของสหรัฐฯ และความพยายามในการ
ขยายเวลาในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปค
เครดิต : www.investing.com
เรียบเรียงโดย : https://www.facebook.com/thaipips/