ดิฉันได้ติดต่อแมนชั่นนี้เพื่อจะขอเช่ารายเดือน โดยคุยเบื้องต้นที่ราคา 3,500.-/ ด. เจ้าของก็ให้แม่บ้านพาไปดูห้องค่ะ บรรยากาศในห้องถือว่าดีในระดับนึง ทั้งแอร์และเฟอร์นิเจอร์ แต่ด้วยความที่ต้องเช็คหลายๆ ที่ เลยขอกับทางเจ้าของแมนชั่นว่าอาจจะมาทำสัญญาช่วงเย็น พอช่วงเย็น เราตัดสินใจที่จะเช่าที่ ชุ___ แมนชั่น โดยเข้าไปทำสัญญาและขอห้องที่เข้าไปดูวันนี้จะได้ไหม แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาคือ "ห้องนั้นอยู่หัวมุมค่ะน้อง มันจะแพงกว่า ราคาอยู่ที่ 3,700.-/ด." เราก็อ้าว!!! เมื่อตอนกลางวันไม่เห็นพูดอะไรเลย เราก็บอกว่า ไม่ซีเรียสว่าจะต้องได้มุมห้องค่ะ เขาก็นิ่งไปสักพัก แล้วตอบกลับมา "ก็มีอีกห้องนะ ราคา 3,500.-" เราก็ ok เลยนั่งทำสัญญากันจนเสร็จ แต่ก็ขอเจ้าของเขาดูห้องที่เราได้ (สมมติว่าห้องเบอร์ 1 นะคะ) เมื่อเปิดเข้าไปในห้อง แทบช็อค!! ทั้งฝุ่นในห้อง และเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกขยับอย่างระเกะระกะ ลิ้นชักตู้เสื้อผ้าที่หัก ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งแอ่นจนทะลุ กระจกบานเกล็ดแตก หมุนไม่ได้ หลอดไฟหัวเตียงชำรุด ก็เข้าใจค่ะว่าจะทำความสะอาดให้ก่อนที่ดิฉันเข้าอยู่ แต่สิ่งที่น่าตกใจอีกอย่างคือ ลุงยามที่ขึ้นมาเปิดห้องให้ แกบอกว่า หนูเช็คของใช้ในห้องก่อนนะ ก่อนที่หนูจะเดือดร้อรตอนหลัง เพราะที่นี่เขางก แต่ลุงพูดมากไม่ได้ ลุงแค่เป็นห่วง หลังจากดูห้องเสร็จ เราว่ามันไม่โอเคมากๆ เลยจะขอเปลี่ยนห้อง เมื่อกลับมาที่ออฟฟิตเขา ก็เจอป้าคนที่ 2 มาพูดกับเรา ซึ่งคนที่ทำสัญญากับเราตอนแรกกลับไม่พูดอะไรเลย (ป้าคนที่ 1) เราก็แจ้งเขาว่าในห้องมันสภาพแย่มาก ป้าคนที่ 2 บอกว่าจะทำความสะอาดให้อยู่แล้วและจะซ่อมแซมให้ทุกอย่าง เราก็ใจไม่สู้ดี พูดกับเขาออกแนวขู่ว่า ถ้าวันที่เราจะมาเริ่มอยู่ สภาพห้องยังไม่ดี เราจะขอยกเลิกสัญญานะ ป้าคนที่ 2 ก็รีบเอ่ยปากมาว่า ที่จริงมันมีอีกห้อง (สมมติเป็นห้องเบอร์ 2) แต่ในห้องมันมีตู้เย็นด้วย แต่จะยกออกมาให้ เราก็ขอดูอีกรอบ ป้าคนที่ 2 ก็ยอมให้ดู สภาพห้องนี้ดูดีกว่าห้องแรก แต่ก็มีกระจกแตก เราก็ลงมาบอกป้าคนที่ 2 ว่าเราตกลงเช่าห้องนี้ แต่มีกระจกแตกนะ ป้าคนที่ 2 บอกเราว่าจะคิดค่าตู้เย็นเรา 500.- เราบอกไม่เอา แกบอกกลับมาอีกว่าเดี๋ยวลดให้เหลือ 300.- เราก็ไม่เอาอยู่ดี แล้วพูดกลับมาเชิงตำหนิเราว่าจะให้ย้ายออกไปก็ลำบากนะ เราก็ยังยืนยันว่าไม่เอา ป้าแกเลยยอม จากนั้นก็เปลี่ยนหมายเลขห้องในสัญญาให้เราใหม่พร้อมเซ็นต์กำกับมาให้ จากนั้น เราก็ออกมาจากแมนชั่นเพื่อจะมาขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ เราก็เลยชวนพี่วินคุย ถามเรื่องแมนชั่นนี้ แกขำฮึฮึฮึ น้องจะให้พี่พูดเหรอ แล้วแกก็เล่ามาสารพัดเรื่อง แกฟังมาจากผู้เช่ารายอื่นที่มาบ่นให้แกฟังอีกที
- ป้าๆ ทั้ง 2 โกงผู้เช่า จนต้องขึ้นศาล เรื่องราวน่ะ ป้าผิด ป้าก็รู้ แต่ก็ไม่ยอมความ ยอมขึ้นศาล จนแกแพ้แล้วก็ต้องชดใช้ให้ผู้เช่า
- โกงค่าไฟ
- จดหมายของผู้เช่าเขามาส่ง ก็ไปเรียกเก็บผู้เช่า 20.- ค่ารับจดหมายให้
- เขี้ยว ขี้เหนียว เก็บเงินเล็กๆ น้อยๆ จนเงินค่ามัดจำผู้เช่าเหลือไม่เท่าไหร่
ดิฉันคิดว่าคงหมดปัญหาไปแล้ว และวันต่อมา ป้าคนที่ 2 โทรมาหาฉัน บอกว่าห้องเบอร์ 2 ที่ให้ฉันเช่า ได้รับปากให้คนอื่นเขาไปก่อนหน้าแล้ว และจะให้เข้ามาดูห้องใหม่ที่จะให้เช่าให้ (สมมติว่าห้องเบอร์ 3) ฉันเริ่มชักไม่แน่ใจกับความไม่แน่นอนของแมนชั่นนี้แล้ว ทำให้ฉันพูดกับป้าแกไปตรงๆ ว่าจะขอยกเลิกสัญญาเช่า ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่ฉันได้เจอ ถ้าฉันจะต้องเช่าแมนชั่นนี้ต่อไปอีก 6 เดือน ฉันคงไม่มีความสุขแน่ๆ ป้าแกก็ยังเถียงกลับมาแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งฉันก็ตอบกลับเขาไปด้วยทำพูดของป้าคนที่ 1 ที่ได้เอ่ยกับฉันมาก่อนหน้า พอแกได้ยิน แกก็เปลี่ยนเรื่องมาเถียงกับฉันอีก เถียงไปเถียงมา แกเลยขอว่า ถ้าจะยกเลิกสัญญา ฉันก็ต้องเข้าไปคุยที่แมนชั่นเท่านั้น ฉันก็ตกลงและวางสายไป แต่ฉันรู้ว่ามันคงไม่จบง่ายๆ ฉันเลยไปปรึกษาพี่คนนึงที่รู้เรื่องทางด้านกฎหมาย และเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังทั้งหมด พี่เขาเลยจะช่วยประสานงานระหว่างเรากับแมนชั่นให้ ซึ่งเนื้อความที่ป้าคนที่ 2 คุยกับพี่เขา ป้าแต่งเรื่องเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก เช่น แมนชั่นนี้มีค่าเช่าห้อง 4,000 แล้วมาลดให้ฉันเหลือ 3,700 แล้วน้องเขาไม่ยอมบอกว่าแพง ป้าเลยยอมลดให้เหลือ 3,500 (ตามที่พี่เขามาเล่าให้ฉันฟังอีกทีนึง) พี่เขาบอกว่าป้าแกก็ใส่มายาวมาก แต่ก็รอให้เขาพูดให้จบ ถึงตาที่เขาพูดกับป้าคือ เขาก็พอรู้เรื่องทางด้านกฎหมาย และพูดในเชิงขอร้องกับป้าแกเพื่อประนีประนอม ก็ได้ข้อสรุปมาว่า "ป้าจะยอมยกเลิกสัญญา แต่จะขอหัก 1,000 บาท ค่าเสียเวลาของแก" ซึ่งพี่เขาก็มองว่า เพื่อตัดปัญหา ยอมรับเงินก้อนคืน และให้ป้าแกไป จะได้จบ
ก็เลยเป็นอุทาหรณ์และฝากเตือนคนที่กำลังหาแมนชั่นอยู่ ถ้าเจอแมนชั่นที่อยู่ซ.9 / ลาซาล 16 ถ.สุขุมวิท 107 ชื่อ ชุ _ _ _ แมนชั่นนี้ล่ะก็ อย่าได้ไปเช่าเลยค่ะ คุณจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งใจ
ชุ _ _ _ แมนชั่น แบริ่ง 9 อย่าเข้าพักนะคะ ขอเตือนค่ะ
- ป้าๆ ทั้ง 2 โกงผู้เช่า จนต้องขึ้นศาล เรื่องราวน่ะ ป้าผิด ป้าก็รู้ แต่ก็ไม่ยอมความ ยอมขึ้นศาล จนแกแพ้แล้วก็ต้องชดใช้ให้ผู้เช่า
- โกงค่าไฟ
- จดหมายของผู้เช่าเขามาส่ง ก็ไปเรียกเก็บผู้เช่า 20.- ค่ารับจดหมายให้
- เขี้ยว ขี้เหนียว เก็บเงินเล็กๆ น้อยๆ จนเงินค่ามัดจำผู้เช่าเหลือไม่เท่าไหร่
ดิฉันคิดว่าคงหมดปัญหาไปแล้ว และวันต่อมา ป้าคนที่ 2 โทรมาหาฉัน บอกว่าห้องเบอร์ 2 ที่ให้ฉันเช่า ได้รับปากให้คนอื่นเขาไปก่อนหน้าแล้ว และจะให้เข้ามาดูห้องใหม่ที่จะให้เช่าให้ (สมมติว่าห้องเบอร์ 3) ฉันเริ่มชักไม่แน่ใจกับความไม่แน่นอนของแมนชั่นนี้แล้ว ทำให้ฉันพูดกับป้าแกไปตรงๆ ว่าจะขอยกเลิกสัญญาเช่า ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่ฉันได้เจอ ถ้าฉันจะต้องเช่าแมนชั่นนี้ต่อไปอีก 6 เดือน ฉันคงไม่มีความสุขแน่ๆ ป้าแกก็ยังเถียงกลับมาแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งฉันก็ตอบกลับเขาไปด้วยทำพูดของป้าคนที่ 1 ที่ได้เอ่ยกับฉันมาก่อนหน้า พอแกได้ยิน แกก็เปลี่ยนเรื่องมาเถียงกับฉันอีก เถียงไปเถียงมา แกเลยขอว่า ถ้าจะยกเลิกสัญญา ฉันก็ต้องเข้าไปคุยที่แมนชั่นเท่านั้น ฉันก็ตกลงและวางสายไป แต่ฉันรู้ว่ามันคงไม่จบง่ายๆ ฉันเลยไปปรึกษาพี่คนนึงที่รู้เรื่องทางด้านกฎหมาย และเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังทั้งหมด พี่เขาเลยจะช่วยประสานงานระหว่างเรากับแมนชั่นให้ ซึ่งเนื้อความที่ป้าคนที่ 2 คุยกับพี่เขา ป้าแต่งเรื่องเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก เช่น แมนชั่นนี้มีค่าเช่าห้อง 4,000 แล้วมาลดให้ฉันเหลือ 3,700 แล้วน้องเขาไม่ยอมบอกว่าแพง ป้าเลยยอมลดให้เหลือ 3,500 (ตามที่พี่เขามาเล่าให้ฉันฟังอีกทีนึง) พี่เขาบอกว่าป้าแกก็ใส่มายาวมาก แต่ก็รอให้เขาพูดให้จบ ถึงตาที่เขาพูดกับป้าคือ เขาก็พอรู้เรื่องทางด้านกฎหมาย และพูดในเชิงขอร้องกับป้าแกเพื่อประนีประนอม ก็ได้ข้อสรุปมาว่า "ป้าจะยอมยกเลิกสัญญา แต่จะขอหัก 1,000 บาท ค่าเสียเวลาของแก" ซึ่งพี่เขาก็มองว่า เพื่อตัดปัญหา ยอมรับเงินก้อนคืน และให้ป้าแกไป จะได้จบ
ก็เลยเป็นอุทาหรณ์และฝากเตือนคนที่กำลังหาแมนชั่นอยู่ ถ้าเจอแมนชั่นที่อยู่ซ.9 / ลาซาล 16 ถ.สุขุมวิท 107 ชื่อ ชุ _ _ _ แมนชั่นนี้ล่ะก็ อย่าได้ไปเช่าเลยค่ะ คุณจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งใจ