สวัสดีคะ
เราจะมารีวิวที่เดินป่าใกล้ระยอง ใช้เวลา 2 วัน อาจรีวิวไม่สนุกและข้อมูลน้อยต้องขออภัยด้วยคะ
ทริปนี้เราหาที่เดินป่า เลยเปิด passport ของอุทยานแห่งชาติ
มาสะดุดตากับ "อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น" ซึ่งเราไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย
ต้องไปให้เห็นกับตา จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าแบกเป้ เดินทางทันที
อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น เปิดเมื่อปี 2552 นับว่ายังใหม่อยู่ จึงมียังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและสัตว์ป่าอยู่มาก
เป็นอีกที่หนึ่งเหมาะแก่การส่องสัตว์ตอนกลางคืน เจ้าหน้าที่บอกว่าดึกจะมี ชะมด เนื้อทราย กระทิง ช้างป่า และอื่นๆออกมาหากิน
แต่เราไม่ได้เอาไฟฉายแรงสูงมาเลยเห็นแต่ชะมดแว๊บๆคะ
ที่นี่มีลานกางเต็นท์ ส่วนร้านอาหารสวัสดิการมีอาหารขายเฉพาะวันหยุดเท่านั้น
ส่วนวันธรรมดาต้องนำอาหารมาทำกินเอง ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง มีไฟปั่นใช้เฉพาะของบ้านพักเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ 19.00-21.00 คะ
การเดินทาง
รถยนต์วิ่งเส้น 3 สุขุมวิท มุ่งหน้าไปจันทบุรี เลี้ยวขวาตามป้ายอำเภอแก่งหางแมว จะมีป้ายไม้ของอุทยานบอกเป็นระยะ
เมื่อถึงอุทยาน มีค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท ครั้งนี้เราเสียไป 40บาทคะ
ที่ทำการอุทยานเป็นเหมือนบ้าน ติดต่อที่นี่เลยคะ
ที่นี่มีแอร์ติดเตรียมไว้แต่ใช้ไม่ได้ รอไฟฟ้าเข้า
เข้ามาแล้วจะเจอ เจ้าเหมียวชื่อ หอยลาย คอยต้อนรับคะ
วันแรก
เรามาถึงตอน 09.30 แจ้งเจ้าหน้าที่ ว่าต้องการ ปีนไปถึงน้ำตกชั้นที่ 15 แต่มาช้าไปคะ
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถ้าจะปีนต้องออกเดินทาง 08.00 เพราะใช้ระยะทางไปกลับ 6 ชั่วโมง
วันแรกจึงเดินศึกษาธรรมชาติก่อน ค่อยปีนวันที่สองแทน
การเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ
ต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง เพราะนักท่องเที่ยวอาจเกิดอันตรายได้ จากต้นไผ่ ต้นไม้ที่ช้างทำหักไว้คะ
มาถึงจุดชมวิวแล้ว เราจะมองเห็นภูเขาลางๆ คือ เขาชะเมา
ถ้าตอนเช้าคงได้เห็นทะเลหมอกแน่ๆ
พักกายซึมซับอากาศบริสุทธิ์ เต็มปอดแล้ว ก็เตรียมตัวเดินลง
เราขอตัดภาพมาตอนลงมาถึงเต็นท์เลยนะคะ
เนื่องจากวันที่เราไปฝนพึ่งหยุดตก เจ้าหน้าที่จึงให้กางเต็นท์ด้านในที่ทำการแทน
กางเต็นท์เสร็จ ก็เดินสำรวจรอบๆ อุทยานคะ ร่มรื่นมากๆ อากาศดีสุดๆ
ระหว่างฟังเสียงนกร้อง ก็เจอช้างสีดอตัวใหญ่เดินออกมาจากป่ามากินหญ้า
ทราบภายหลังว่า ชื่อ เจ้ายิ้ม เจ้ายิ้มนี่เป็นลูกพี่ของช้างตัวเล็ก ซึ่งเดินตามมาทีหลัง
เจ้าหน้าที่บอกว่า เจ้า 2 ตัวนี้ไม่ได้มานานมาก พึ่งจะเห็นเป็นครั้งแรกในรอบปี
ทุกคนในอุทยานรีบมาดูพร้อมถ่ายรูป เจ้ายิ้มกับลูกน้อง ประหนึ่งซุปตาร์เกาหลี มาเยือนจันทบุรีเลยคะ
วันที่ 2 วันสุดท้าย วันนี้เราต้องออกเดินป่าไปพิชิตน้ำตกกันแล้ว
ถ้าเดินถึงชั้นที่ 15 ระยะทางไปกลับ 6.2 กิโล ใช้เวลาเดิน 08.00-16.00 ต้องนำเสบียงไปกินตอนเที่ยงด้วยคะ
แต่ครั้งนี้เราไปได้สูงสุดแค่ชั้น 10 เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ช่วงนี้อันตราย
จากชั้น 11-15ไป ต้องปีนหินน้ำตกล้วนๆแล้วไม่มีทางเรียบ หน้าผาลื่น มีต้นไม้หักโค่น ไม่เหมาะไปพิชิต และขาลงต้องลงอีกทาง
ลงทางเดิมไม่ได้เพราะทางชันมากคะ
ผิดหวังแต่ไม่เป็นไร เชื่อเจ้าหน้าที่ไว้ก่อน ความปลอดภัยสำคัญกว่าคะ
ทางเดินเข้าน้ำตกแรกๆ ชันพอควร หลุดตรงนี้ก็เดินง่ายขึ้นจะเจอลำธารแล้ว
ระหว่างทางเดินเลาะลำธาร เดินเพลินเลย ไม่เหนื่อย แม้ว่าจะเป็นทางชัน แปลกดีนะ
เดินมาถึงชั้นไหนแล้วไม่รู้เลย รู้แต่โดนทากดูดเลือด
เราถ่ายมาเฉพาะชั้นน้ำตกที่ลงเล่นได้ ชั้นเล็กๆ ไม่ได้ถ่ายมาคะ เพราะเป็นลำธารบ้าง และบางชั้นก็เดินลงไปดูไม่ได้ด้วย
ไม่แน่ใจว่าเป็นชั้นที่เท่าไหร่แต่ น้ำใสสวยเหมือนกันคะ
น้ำตกชั้นที่ 6
ปิดท้ายด้วย ภาพน้ำตกชั้นที่ 10
เราใช้เวลาเดิน จากต้นทางจนถึงชั้นที่ 10 ไปกลับประมาณ 3 ชั่วโมง
ได้เวลากลับบ้านแล้ว มีโอกาศจะมาใหม่ ประทับใจที่นี่จริงๆคะ
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
- ค่าอาหารนอกอุทยาน 100 บาท
- ค่าน้ำใจเจ้าหน้าที่นำทาง 2 วัน = 300 บาท (ส่วนนี้แล้วแต่นักท่องเที่ยวคะ จริงๆเจ้าหน้าที่ไม่เอาแต่เราให้เพราะเจ้าหน้าที่ดูแลดีมาก)
ขอบคุณคะ.
[CR] ธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ "อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น"
เราจะมารีวิวที่เดินป่าใกล้ระยอง ใช้เวลา 2 วัน อาจรีวิวไม่สนุกและข้อมูลน้อยต้องขออภัยด้วยคะ
ทริปนี้เราหาที่เดินป่า เลยเปิด passport ของอุทยานแห่งชาติ
มาสะดุดตากับ "อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น" ซึ่งเราไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย
ต้องไปให้เห็นกับตา จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าแบกเป้ เดินทางทันที
อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น เปิดเมื่อปี 2552 นับว่ายังใหม่อยู่ จึงมียังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและสัตว์ป่าอยู่มาก
เป็นอีกที่หนึ่งเหมาะแก่การส่องสัตว์ตอนกลางคืน เจ้าหน้าที่บอกว่าดึกจะมี ชะมด เนื้อทราย กระทิง ช้างป่า และอื่นๆออกมาหากิน
แต่เราไม่ได้เอาไฟฉายแรงสูงมาเลยเห็นแต่ชะมดแว๊บๆคะ
ที่นี่มีลานกางเต็นท์ ส่วนร้านอาหารสวัสดิการมีอาหารขายเฉพาะวันหยุดเท่านั้น
ส่วนวันธรรมดาต้องนำอาหารมาทำกินเอง ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง มีไฟปั่นใช้เฉพาะของบ้านพักเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ 19.00-21.00 คะ
การเดินทาง
รถยนต์วิ่งเส้น 3 สุขุมวิท มุ่งหน้าไปจันทบุรี เลี้ยวขวาตามป้ายอำเภอแก่งหางแมว จะมีป้ายไม้ของอุทยานบอกเป็นระยะ
เมื่อถึงอุทยาน มีค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท ครั้งนี้เราเสียไป 40บาทคะ
ที่ทำการอุทยานเป็นเหมือนบ้าน ติดต่อที่นี่เลยคะ
ที่นี่มีแอร์ติดเตรียมไว้แต่ใช้ไม่ได้ รอไฟฟ้าเข้า
เข้ามาแล้วจะเจอ เจ้าเหมียวชื่อ หอยลาย คอยต้อนรับคะ
วันแรก
เรามาถึงตอน 09.30 แจ้งเจ้าหน้าที่ ว่าต้องการ ปีนไปถึงน้ำตกชั้นที่ 15 แต่มาช้าไปคะ
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถ้าจะปีนต้องออกเดินทาง 08.00 เพราะใช้ระยะทางไปกลับ 6 ชั่วโมง
วันแรกจึงเดินศึกษาธรรมชาติก่อน ค่อยปีนวันที่สองแทน
การเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ
ต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง เพราะนักท่องเที่ยวอาจเกิดอันตรายได้ จากต้นไผ่ ต้นไม้ที่ช้างทำหักไว้คะ
มาถึงจุดชมวิวแล้ว เราจะมองเห็นภูเขาลางๆ คือ เขาชะเมา
ถ้าตอนเช้าคงได้เห็นทะเลหมอกแน่ๆ
พักกายซึมซับอากาศบริสุทธิ์ เต็มปอดแล้ว ก็เตรียมตัวเดินลง
เราขอตัดภาพมาตอนลงมาถึงเต็นท์เลยนะคะ
เนื่องจากวันที่เราไปฝนพึ่งหยุดตก เจ้าหน้าที่จึงให้กางเต็นท์ด้านในที่ทำการแทน
กางเต็นท์เสร็จ ก็เดินสำรวจรอบๆ อุทยานคะ ร่มรื่นมากๆ อากาศดีสุดๆ
ระหว่างฟังเสียงนกร้อง ก็เจอช้างสีดอตัวใหญ่เดินออกมาจากป่ามากินหญ้า
ทราบภายหลังว่า ชื่อ เจ้ายิ้ม เจ้ายิ้มนี่เป็นลูกพี่ของช้างตัวเล็ก ซึ่งเดินตามมาทีหลัง
เจ้าหน้าที่บอกว่า เจ้า 2 ตัวนี้ไม่ได้มานานมาก พึ่งจะเห็นเป็นครั้งแรกในรอบปี
ทุกคนในอุทยานรีบมาดูพร้อมถ่ายรูป เจ้ายิ้มกับลูกน้อง ประหนึ่งซุปตาร์เกาหลี มาเยือนจันทบุรีเลยคะ
วันที่ 2 วันสุดท้าย วันนี้เราต้องออกเดินป่าไปพิชิตน้ำตกกันแล้ว
ถ้าเดินถึงชั้นที่ 15 ระยะทางไปกลับ 6.2 กิโล ใช้เวลาเดิน 08.00-16.00 ต้องนำเสบียงไปกินตอนเที่ยงด้วยคะ
แต่ครั้งนี้เราไปได้สูงสุดแค่ชั้น 10 เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ช่วงนี้อันตราย
จากชั้น 11-15ไป ต้องปีนหินน้ำตกล้วนๆแล้วไม่มีทางเรียบ หน้าผาลื่น มีต้นไม้หักโค่น ไม่เหมาะไปพิชิต และขาลงต้องลงอีกทาง
ลงทางเดิมไม่ได้เพราะทางชันมากคะ
ผิดหวังแต่ไม่เป็นไร เชื่อเจ้าหน้าที่ไว้ก่อน ความปลอดภัยสำคัญกว่าคะ
ทางเดินเข้าน้ำตกแรกๆ ชันพอควร หลุดตรงนี้ก็เดินง่ายขึ้นจะเจอลำธารแล้ว
ระหว่างทางเดินเลาะลำธาร เดินเพลินเลย ไม่เหนื่อย แม้ว่าจะเป็นทางชัน แปลกดีนะ
เดินมาถึงชั้นไหนแล้วไม่รู้เลย รู้แต่โดนทากดูดเลือด
เราถ่ายมาเฉพาะชั้นน้ำตกที่ลงเล่นได้ ชั้นเล็กๆ ไม่ได้ถ่ายมาคะ เพราะเป็นลำธารบ้าง และบางชั้นก็เดินลงไปดูไม่ได้ด้วย
ไม่แน่ใจว่าเป็นชั้นที่เท่าไหร่แต่ น้ำใสสวยเหมือนกันคะ
น้ำตกชั้นที่ 6
ปิดท้ายด้วย ภาพน้ำตกชั้นที่ 10
เราใช้เวลาเดิน จากต้นทางจนถึงชั้นที่ 10 ไปกลับประมาณ 3 ชั่วโมง
ได้เวลากลับบ้านแล้ว มีโอกาศจะมาใหม่ ประทับใจที่นี่จริงๆคะ
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
- ค่าอาหารนอกอุทยาน 100 บาท
- ค่าน้ำใจเจ้าหน้าที่นำทาง 2 วัน = 300 บาท (ส่วนนี้แล้วแต่นักท่องเที่ยวคะ จริงๆเจ้าหน้าที่ไม่เอาแต่เราให้เพราะเจ้าหน้าที่ดูแลดีมาก)
ขอบคุณคะ.
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น