:: เจาะลึกเรื่องของ ฟ้าผ่า :: เชิญอ่านครับ

สวัสดีครับ  อมยิ้ม17  ช่วงนี้เป็นหน้าร้อน  แต่ในหลายพื้นที่ก็อาจเกิดพายุฤดูร้อนที่อาจเกิดฝนฟ้าคะนองได้
ในช่วงฝนฟ้าคะนอง นี้  นอกจากจะมีน้ำฝนตกลงมาเป็นจำนวนมากแล้ว  ยังมีปรากฏการณ์ธรรมชาติ
อีกอย่างหนึ่งที่เกิดควบคู่กับฝนฟ้าคะนองเสมอ  กระทู้นี้จึงขอเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ ฟ้าผ่า ครับ



   ฟ้าผ่า (Lightning) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งเกิดจากการเคลื่อนที่ของประจุ Electron
ระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดิน  มันเริ่มเกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ขึ้นลงของกระแสอากาศภายในเมฆ Cumulonimbus
การเคลื่อนที่ของกระแสอากาศภายในเมฆนี้ เรียกว่า Updraft - Downdraft  ซึ่งมันจะทำให้หยาดน้ำจำนวนมหาศาล
เกิดการเข้าใกล้แบบเฉียดกันมากพอจนเกิดความต่างศักย์ของไฟฟ้าโดยรวมขึ้นระหว่างก้อนเมฆ กับ พื้นดินด้านล่าง ครับ
เมื่อความต่างศักย์ไฟฟ้ามีค่าระดับหนึ่งก็จะก่อให้เกิดสนามไฟฟ้าขนาดใหญ่ในก้อนเมฆนั้น  โดยมีประจุบวกอยู่ทางด้านบน
ของก้อนเมฆ ประจุลบอยู่ด้านล่างของก้อนเมฆ  ขณะเดียวกันพื้นดินบางแห่งมีประจุบวก  พื้นดินบางแห่งมีประจุลบ .....
ในที่สุดก็จะเหนี่ยวนำให้เกิดการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้าจำนวนมหาศาลจากเมฆสู่พื้นโลก  ก็คือ ฟ้าผ่า นั่นเองครับ

ภาพแสดงลักษณะของเมฆ Cumulonimbus ซึ่งเป็นเมฆฝนฟ้าคะนอง
และการสะสมตัวของประจุไฟฟ้า  รวมถึงกระแสอากาศ Updraft - Downdraft ในเมฆ


ขั้นตอนการเกิดฟ้าผ่า  ผมได้สรุปมาเป็น 5 ขั้นตอนครับ  รายละเอียดตามภาพนี้เลย


เมื่อฟ้าผ่าลงดินแล้ว .... จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
   เมื่อเกิดฟ้าผ่าลงมาแล้ว  หากสายฟ้านั้นฟาดมาที่วัตถุ สิ่งของ หรือ ตัวคนโดยตรง
ก็จะเกิดอันตรายร้ายแรงได้มากครับ  เพราะกระแส หรือ พลังงานที่เกิดจากสายฟ้าผ่านั้นสูงมาก
หากฟ้าผ่าลงมาโดนที่ใด  ก็จะเกิดความร้อนสูงมากที่จุดนั้นจนทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้

ตัวอย่างความเสียหายจากฟ้าผ่า




ฟ้าผ่าแบบบวก หรือ Positive lightning

นอกจากฟ้าผ่าทั่วไปแล้ว  ยังมีการเกิดฟ้าผ่าอีกประเภทหนึ่ง  ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ที่ไม่มีฝนตก
เรียกว่า Positive lightning ครับ  มันเกิดขึ้นได้จากการปล่อยประจุบวกจากยอดเมฆลงสู่พื้น
ฟ้าผ่าแบบนี้  สามารถผ่าลงได้ไกลจากยอดเมฆก้อนนั้นถึง 20 - 30 กิโลเมตร  ดังนั้น  
หากเราถูกฟ้าผ่าลงใกล้ ๆ แถวที่เราอยู่  โดยไม่มีฝนตกเลย  แสดงว่าเป็น positive lightning
จากเมฆฝนที่ไกลออกไปจากเรามากครับ

ฟ้าผ่าแบบนี้  มักเกิดขึ้นกับเมฆที่ฝนเพิ่งหยุดตกไปครับ  และมักจะมีการเปรียบเทียบ
กับสำนวนว่า  " A bolt from the blue "  หรือ  ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ แม้ว่าท้องฟ้าจะสดใส  
แต่ก็เกิดขึ้นเพียง 5%  จากฟ้าผ่าทั้งหมดครับ




   อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นอันตรายมากแม้ว่าสายฟ้าจะไม่ได้ฟาดตรงตัวเรา ... คือการเกิด Step potential ครับ
Step potential หรือ Step voltage  มันคือการเกิด กระแสไฟฟ้า ไหลผ่านพื้นดินออกมารอบ ๆ จาก
จุดที่สายฟ้าฟาดลงมา  โดยเริ่มจากเมื่อสายฟ้าฟาดลงมาที่จุด ๆ หนึ่ง  กระแสไฟฟ้าก็จะไหลจากจุดนั้น
ออกไปรอบ ๆ พื้นดิน  ทีนี้ .... พื้นดินก็จะมีความต้านทานไฟฟ้า (Ohms) ค่าหนึ่ง  ทำให้กระแสที่ไหลผ่านดิน นี้
ก่อให้เกิด Voltage  ระหว่างจุด 2 จุดของพื้นดินเป็นไปตามกฏของโอห์ม (V=IR)  โดย Step voltage นั้น  
จะมีค่ามากขึ้นตามระยะห่างระหว่างเท้าทั้ง 2 ของเรา  หากเรายืนขาถ่างกันมากเกินไปก็จะได้รับความต่างศักย์ นี้
เข้าร่างกายไป  นั่นก็คือเป็นกระแสไฟฟ้าวิ่งเข้าทางขาหนึ่ง และออกทางขาข้างหนึ่ง (จุด A - B) ....
ซึ่งหากมี step voltage มาก ๆ หลายพัน Volts เราก็จะเสียชีวิตได้ครับ

Diagram ของ Step voltage หรือ Step potential


Diagram อธิบายเพิ่มเติมของ Step voltage


ดังนั้น  หากพบกับฝนฟ้าคะนองและตัวเราอยู่ที่โล่งแจ้งไม่สามารถหลบในที่กำบังได้
ก็ควรทำท่าแบบที่เห็นในภาพนี้ครับ  คือย่อตัวลง  เท้าชิดกันเพื่อลดผลจาก step voltage
ให้เหลือน้อยที่สุด  มือปิดหูเพื่อลดเสียงของฟ้าผ่า


ฟ้าผ่ารถยนต์  ฟ้าผ่าเครื่องบิน  อันตรายหรือไม่ ?
   สำหรับเครื่องบิน  อาจเกิดความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าได้ในขณะที่กำลังบินขึ้นและเพิ่ม altitude ในช่วง
1.5 - 5 กิโลเมตร  ซึ่งตัวถังโลหะของเครื่องบินจะสามารถปกป้องผู้โดยสาร และ อุปกรณ์ทั้งหมด
จากกระแสไฟฟ้าใว้ได้ครับ  โดยสายฟ้าจะผ่านไปบนผิวโลหะของเครื่องบินได้ตลอดแนวลำตัวเครื่องครับ

ลำดับขั้นเมื่อฟ้าผ่าเครื่องบิน  จะเริ่มที่สายฟ้าจะฟาดผ่านลงที่บริเวณ Nose ของเครื่อง  โดยจะเกิดการ glow
สว่างจ้าของโมเลกุลของอากาศที่แตกตัว  จากนั้น step leader ของสายฟ้าก็จะทำให้เกิดความต่างศักย์
ที่ตัวเครื่อง  และตัวเครื่องก็จะกลายเป็นเหมือนแท่งเหล็กที่จะถ่ายความต่างศักย์ไปสู่ประจุของเมฆในบริเวณถัดไป
ซึ่งเป็นระยะทางที่สั้นมากโดยการเชื่อมของ step leader จะออกไปทางหาง (Tail) สุดท้าย  เป็นอันจบครับ

ภาพแสดงการเข้า และ ออกของสายฟ้าที่ผ่าผ่านเครื่องบิน


ในฟ้าผ่าผ่านเครื่องบินในบางกรณี  จะมีการ Arc ของไฟฟ้าในบาง layers ของตัวถังเครื่องบินครับ
ทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้นมากในจุดที่เกิดการ ARC  ตัวอย่างเช่นเครื่องของสายการบิน Delta  ตามภาพนี้ครับ


คลิปแสดงฟ้าผ่าเครื่องบินแบบรวมมิตร
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ในกรณีฟ้าผ่ารถยนต์  ก็ยังถือว่ามีความปลอดภัยในระดับที่ ไม่อันตรายต่อผู้โดยสารครับ
เพราะสายฟ้าที่ฟาดลงตัวถังโลหะรถยนต์  ก็จะวิ่งผ่านลงสู่กราวด์ earth ผ่านทางล้อรถ
และภายในตัวถังรถจะเป็นสภาพเหมือนกรงฟาราเดย์ (Faraday cage)  ทำให้ผู้โดยสารปลอดภัย
จากอันตรายของกระแสไฟฟ้าครับ  (อย่างไรก็ตาม  ก็ยังมีกรณีของฟ้าผ่ารุนแรงจน
สร้างความร้อนสูงให้กัยตัวถังรถ จนทำให้ตัวถังเสียหายได้มาก  แต่ก็เกิดขึ้นน้อยครับ)

ภาพแสดงการทดสอบฟ้าผ่าลงรถยนต์ (กำเนิดฟ้าผ่าด้วย Impulse generator หรือ Cockcroft–Walton generator)


สวัสดีครับ อมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่