คือทั้งหมดนี้เป็นการมโนของผมเองนะครับ ในระหว่างการหาข้อมูลพื้นฐานของบริษัท หาคู่แข่งที่ผลิต tools เหมือนที่ HTECH ทำ แล้วก็ไปเจอบริษัทชื่อ ISCAR ซึ่งมีบริษัทในไทยชื่อ บริษัท อีสคาร์ (ไทยแลนด์) จำกัด จริงๆ ควรบอกว่า HTECH ทำเหมือนบริษัทนี้มากกว่าเพราะว่า ISCAR มันใหญ่กว่า HTECH มากมาย แต่ที่ตกใจคือในหน้าเว็บของบริษัท ISCAR Thailand นั้นมีรูป ปู่บัฟเฟตยิ้มหวานอยู่กลางหน้าเลย หาข้อมูลเพิ่มได้ความว่า ISCAR เป็นบริษัทที่ถูก BERKSHIRE HATHAWAY บริษัทของปู่เทคไปแล้ว

ทีนี้ลองตามต่อไปหาข้อมูลทางการเงินของ ตัวอีสคาร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เท่าที่หาข้อมูลได้จากเว็บกรมพัฒฯ

มีส่งงบถึงปี 58 เป็นบริษัทที่มีรายได้ ปีละประมาณ 500 ล้านบาท กำไรปีละประมาณ 100 ล้าน

ส่วน HTECH นั้น

เป็นบริษัทที่มีรายได้ล่าสุดประมาณ 800 กว่าล้านบาท กำไร 100 กว่าล้าน และคาดว่ากำลังเข้าสู่ช่วงที่จะโตไปได้อีก

หาก อีสคาร์ อยากจะโตในแถบนี้ (ไทย อินโด มาเล สิงค์โปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา..) การเทค HTECH ก็น่าจะเป็นการกำจัดคู่แข่งสำคัญ และเป็นสิ่งที่ปู่นั้นชอบทำอยู่เสมอ

ย้ำอีกทีว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผม มโนขึ้นนะครับ ตอนนี้  HTECH มีมาร์เก็ตแคป ณ ปัจจุบัน ก็ 3030 ล้านบาทแล้ว กับบริษัททีรายได้ 800กว่าล้าน และกำไร 100 กว่าล้าน แพงหรือถูกไม่ทราบเหมือนกัน

อีกข้อที่สงสัยคือ อยู่ๆ ทำไมต้องย้ายเข้า SET ให้ยุ่งยาก ต้องทำเรื่อง ทำเอกสารมากมาย เสียค่าใช้จ่ายอีก บอกว่ากองทุนสนใจแต่ซื้อไม่ได้เพราะอยู่ MAI ผมก็ว่าแปลกๆ

ย้ำอีกทีนะครับ ราคาขึ้นมามากแล้ว ไม่ได้เขียนให้ใครซื้อตอนนี้นะครับ แต่สำหรับคนที่มีอยู่ และมีต้นทุนต่ำ อาจเสี่ยงที่จะถือ ทนรวยต่อไป แต่ก็ต้องมีจุดออกที่ไม่ทำให้กำไรที่มี กลายเป็นขาดทุนนะครับ พิจารณาทำคลายเครียดแบบเฮียเอ็นโดฟินก็ได้ครับ