ขอพื้นที่ระบายหน่อยนะคะเพราะรู้สึกอึดอัดและฟุ้งซ่านมากเลยต้องหาพื้นที่ระบาย จะเอาไปเล่าให้เพื่อนหรือคนรอบตัวฟังก็อายค่ะ กลัวโดนล้อค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปลายปีที่แล้วเราย้ายที่ทำงานใหม่ค่ะเลยทำให้ต้องไปเปลี่ยนสายบีทีเอสที่สถานีสยาม แล้วเราก็บังเอิญไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง สูง ๆ ตี๋ ๆ ใส่แว่นสายตา ยังคิดในใจอยู่เลยว่าอิจฉาผู้ชายคนนี้จังแค่ใส่เสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงสแล็คดำแต่ดูดีจัง ถ้าเราเป็นผู้ชายเราก็อยากได้หุ่นแบบนี้อะ วันถัดมาเราก็เจอเขาอีกค่ะ จากนั้นมันก็กลายเป็นว่าเราเจอเขาแทบทุกเช้าเลย ไปทำงานจันทร์-ศุกร์จะเจอเขาเวลาประมาณนี้ยืนรอบีทีเอสที่ตรงนี้ประมาณ 3-4 วัน ด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบรอบีทีเอสแต่ที่เดิม ๆ เราก็คิดว่าเขาคงจะเหมือนเรานี้ล่ะเลยมารอแต่ตรงนี้ จากที่ไม่ได้อะไรพอมาเจอแบบนี้ทุกเช้ามันก็ทำให้เราเริ่มเหล่เขาค่ะ เช้าไหนที่เจอจะรู้สึกว่าเช้านี้ช่างสดใสอะไรประมาณนี้เลย แบบมันมีอาหารตาให้ดูอะเนอะ ถึงวันนั้นจะโดนด่าก็ยังยิ้มได้อะค่ะ 555 แล้วเช้าวันหนึ่งเราเดินออกมาจากซอยแล้วรีบเดินไปหน่อยเลยเกือบจะประสานงาเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งดีที่เขาเบรคทันเลยไม่ชน เรารู้ล่ะค่ะว่าเราผิดเราไม่ได้หันไปขอโทษแต่รีบเดินหนีเลยเพราะเรากลัวโดนเขาด่า พอมายืนรอลิฟท์เราตกใจมากอะค่ะเพราะผู้ชายคนที่เราเกือบเดินชนเขาเมื่อกี้คือ คุณแว่น (เราเรียกเขาว่าคุณแว่นค่ะเพราะว่าเขาใส่แว่นสายตา) สรุปคือคุณแว่นอยู่คอนโดตรงปากซอยบ้านเราค่ะเลยทำให้ได้ขึ้นบีทีเอสมาจากสถานีเดียวกัน จากนั้นมาทุกเช้าที่ขึ้นบีทีเอสมาทำงานมันทำให้เราต้องชะเง้อมองหาเขาตลอดเลยค่ะ แล้วหน้าเขาก็ชอบลอยมาให้เรานึกถึงตลอดเลยค่ะ
แล้วเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนไม่รู้ผีแรดตัวไหนเข้าสิงเราค่ะ เราวิ่งตามเขาเพื่อไปถามเขาว่าเกมมือถือที่เขาเล่นอยู่คือเกมอะไร เขาก็ทำหน้างงแล้วก็บอกเราค่ะ จากนั้นเราก็หันหลังวิ่งออกมาด้วยความฟินและเขินมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราทำอะไรแบบนี้อะค่ะ แค่ได้พูดกับเขานิดเดียวเราก็มีความสุขมากแล้วนี่เราต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลยค่ะ วันถัดมาเราก็เจอเขานะคะแต่เราไม่ไปยืนตรงที่เดิมแล้วหนีมายืนห่าง ๆ หน่อย แต่ยังสามารถเหล่เขาได้อะค่ะ เราไม่กล้าไปยืนใกล้ ๆ ในรัศมีสายตาเขาค่ะ เขินบวกกับกลัวเขาคิดว่าชะนีนี่อะไรเนี่ย 555 แล้วมีเช้าหนึ่งค่ะเราได้เห็นการกระทำที่ไม่น่ารักของเขาคือการแซงคิวค่ะ คือเราจะรู้สึกขยะแขยงคนที่แซงคิวคนอื่นมาก ๆ ค่ะมันแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ให้เกียรติเวลาของคนอื่นเลย แล้วคุณแว่นก็ทำ ตอนนั้นเราด่าเขาในใจเลยนะคะว่า “ไอ้แว่นเอ็งก็มีตั้ง 4 ตาเอ็งมองไม่เห็นเลยเหรอว่าเขาเข้าแถวกันอยู่ ถ้าเอ็งอยากจะไปเร็ว ๆ ทำไมเอ็งไม่ออกมาตั้งแต่ตี 5 ห่าราก” หลังจากวันนั้นมันทำเรารู้สึกผิดหวังในตัวเขามากเลยค่ะ เราว่าเราจะไม่เหล่เขาแล้ว! แต่พอเราเจอเขาอีกเราก็เหล่เขาเหมือนเดิมค่ะ เพราะเรื่องนี้แหล่ะค่ะมันเลยทำเราฟุ้งซ่านมากเรารู้สึกว่าตัวเองบ้าบอมาก บ้าถึงขนาดไปดูดวงเพราะเขาอะค่ะจากคนที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลย พอมาถึงตอนนี้รู้สึกเสียดายตังค์มาก มันกินชาบูอร่อย ๆ ได้ตั้งมื้อหนึ่งเลยนะคะ
ป.ล. อันที่เราเล่ามาเนี่ยคุณแว่นเขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนะคะมันเป็นรู้สึกของเราล้วน ๆ
จบการเพ้อเจ้อของเราเพียงเท่านี้ค่า บะบาย สวัสดีค่า
[เพ้อเจ้อค่ะ] รู้สึกเหมือนปิ๊งหนุ่มบนบีทีเอส
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปลายปีที่แล้วเราย้ายที่ทำงานใหม่ค่ะเลยทำให้ต้องไปเปลี่ยนสายบีทีเอสที่สถานีสยาม แล้วเราก็บังเอิญไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง สูง ๆ ตี๋ ๆ ใส่แว่นสายตา ยังคิดในใจอยู่เลยว่าอิจฉาผู้ชายคนนี้จังแค่ใส่เสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงสแล็คดำแต่ดูดีจัง ถ้าเราเป็นผู้ชายเราก็อยากได้หุ่นแบบนี้อะ วันถัดมาเราก็เจอเขาอีกค่ะ จากนั้นมันก็กลายเป็นว่าเราเจอเขาแทบทุกเช้าเลย ไปทำงานจันทร์-ศุกร์จะเจอเขาเวลาประมาณนี้ยืนรอบีทีเอสที่ตรงนี้ประมาณ 3-4 วัน ด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบรอบีทีเอสแต่ที่เดิม ๆ เราก็คิดว่าเขาคงจะเหมือนเรานี้ล่ะเลยมารอแต่ตรงนี้ จากที่ไม่ได้อะไรพอมาเจอแบบนี้ทุกเช้ามันก็ทำให้เราเริ่มเหล่เขาค่ะ เช้าไหนที่เจอจะรู้สึกว่าเช้านี้ช่างสดใสอะไรประมาณนี้เลย แบบมันมีอาหารตาให้ดูอะเนอะ ถึงวันนั้นจะโดนด่าก็ยังยิ้มได้อะค่ะ 555 แล้วเช้าวันหนึ่งเราเดินออกมาจากซอยแล้วรีบเดินไปหน่อยเลยเกือบจะประสานงาเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งดีที่เขาเบรคทันเลยไม่ชน เรารู้ล่ะค่ะว่าเราผิดเราไม่ได้หันไปขอโทษแต่รีบเดินหนีเลยเพราะเรากลัวโดนเขาด่า พอมายืนรอลิฟท์เราตกใจมากอะค่ะเพราะผู้ชายคนที่เราเกือบเดินชนเขาเมื่อกี้คือ คุณแว่น (เราเรียกเขาว่าคุณแว่นค่ะเพราะว่าเขาใส่แว่นสายตา) สรุปคือคุณแว่นอยู่คอนโดตรงปากซอยบ้านเราค่ะเลยทำให้ได้ขึ้นบีทีเอสมาจากสถานีเดียวกัน จากนั้นมาทุกเช้าที่ขึ้นบีทีเอสมาทำงานมันทำให้เราต้องชะเง้อมองหาเขาตลอดเลยค่ะ แล้วหน้าเขาก็ชอบลอยมาให้เรานึกถึงตลอดเลยค่ะ
แล้วเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนไม่รู้ผีแรดตัวไหนเข้าสิงเราค่ะ เราวิ่งตามเขาเพื่อไปถามเขาว่าเกมมือถือที่เขาเล่นอยู่คือเกมอะไร เขาก็ทำหน้างงแล้วก็บอกเราค่ะ จากนั้นเราก็หันหลังวิ่งออกมาด้วยความฟินและเขินมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราทำอะไรแบบนี้อะค่ะ แค่ได้พูดกับเขานิดเดียวเราก็มีความสุขมากแล้วนี่เราต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลยค่ะ วันถัดมาเราก็เจอเขานะคะแต่เราไม่ไปยืนตรงที่เดิมแล้วหนีมายืนห่าง ๆ หน่อย แต่ยังสามารถเหล่เขาได้อะค่ะ เราไม่กล้าไปยืนใกล้ ๆ ในรัศมีสายตาเขาค่ะ เขินบวกกับกลัวเขาคิดว่าชะนีนี่อะไรเนี่ย 555 แล้วมีเช้าหนึ่งค่ะเราได้เห็นการกระทำที่ไม่น่ารักของเขาคือการแซงคิวค่ะ คือเราจะรู้สึกขยะแขยงคนที่แซงคิวคนอื่นมาก ๆ ค่ะมันแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ให้เกียรติเวลาของคนอื่นเลย แล้วคุณแว่นก็ทำ ตอนนั้นเราด่าเขาในใจเลยนะคะว่า “ไอ้แว่นเอ็งก็มีตั้ง 4 ตาเอ็งมองไม่เห็นเลยเหรอว่าเขาเข้าแถวกันอยู่ ถ้าเอ็งอยากจะไปเร็ว ๆ ทำไมเอ็งไม่ออกมาตั้งแต่ตี 5 ห่าราก” หลังจากวันนั้นมันทำเรารู้สึกผิดหวังในตัวเขามากเลยค่ะ เราว่าเราจะไม่เหล่เขาแล้ว! แต่พอเราเจอเขาอีกเราก็เหล่เขาเหมือนเดิมค่ะ เพราะเรื่องนี้แหล่ะค่ะมันเลยทำเราฟุ้งซ่านมากเรารู้สึกว่าตัวเองบ้าบอมาก บ้าถึงขนาดไปดูดวงเพราะเขาอะค่ะจากคนที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลย พอมาถึงตอนนี้รู้สึกเสียดายตังค์มาก มันกินชาบูอร่อย ๆ ได้ตั้งมื้อหนึ่งเลยนะคะ
ป.ล. อันที่เราเล่ามาเนี่ยคุณแว่นเขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนะคะมันเป็นรู้สึกของเราล้วน ๆ
จบการเพ้อเจ้อของเราเพียงเท่านี้ค่า บะบาย สวัสดีค่า