ทริปนี้เกิดจากหน้าหนาวปีที่แล้วนู่น เพิ่งมีโอกาสมาเขียน ดองรีวิวไว้นานเกิน เราแค่อยากปั่นจักรยาน อยากหาทริปปั่นจักรยานสักทริป ไปคนเดียว นี่แหละ หาข้อมูลไปมา ลองไปจังหวัดที่ไม่ค่อยมีคนไปดีกว่า วันสองวันก็ตัดสินใจไปเลย เคลมเร็วอีกแล้ว เที่ยวคนเดียวบ่อยก็เป็นแบบนี้แหละ
ไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่า อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ที่เราสนใจ จะเป็นเมืองจักรยาน เขารณรงค์กันให้เป็นแบบนั้น
เหมือนเดิม เรานั่งรถไฟไป รถไฟชั้น 3 นี่แหละ คาดการณ์เวลาแล้วใช้เวลาไม่นาน ไม่ใช่รถไฟฟรี แต่เป็นชั้น 3 ซื้อตั๋ว 192 บาท นั่งกลางคืนจะได้ถึงตอนเช้าพอดี เพราะหากนั่งรถฟรีขึ้นเหนือ เราจะไปค้างเติ่งอยู่สถานีรถไฟอุตรดิตถ์น่ะสิ เพราะมันจะถึงช่วงกลางดึก
มาถึงเช้ามาก หนาวจับใจ หิวก็หิว ซื้อมาม่าที่สถานีรถไฟก่อนเลย เรื่องต่อรถ คิดทีหลัง
แล้วค่อยถามคนอื่นว่าจะต่อรถเข้าลับแลตรงไหน ความจริงอ่านรีวิวมาบ้างแล้วแหละ คนรีวิวลับแลน้อยเหมือนกันนะ หาข้อมูลยากมากเลยเวลาจะมาเที่ยวที่นี่ เลยแบบ งั้นมาตามมีตามเกิด หาประสบการณ์เองแล้วกัน
เหมือนเดิม อุตรดิตถ์ยังอยู่ในเขตภาคเหนือ มาถึงนี่ต้องพูดเหนือ จะได้รับความอบอุ่นเพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง ตลอดทริปนี้เราเลยใช้ภาษาเหนือในการสื่อสารทั้งหมด
ตี 5 ต้องมารอรถสองแถวเข้าลับแล ลุงคนขับก็บอกให้รอคนก่อน ไม่มีใครเลย เราอ่านรีวิวมาบ้างว่าถ้าไม่มีคนเนี่ยต้องเหมาเข้า 200 เลย ความจริงห่างจากตัวเมืองแค่ 5-6 กม.นะ ถ้ามีรถเช่าแถวนี้เราคงไปเองแล้ว แต่ก็รอจน 6 โมงไม่มีคนเลย ลุงเลย "ปะ ขึ้นรถ" บอกว่าไม่มีคนเลยนะ จะรอต่อไหม (ใจจริงอยากหาตัวหารค่ารถอยู่) งั้นก็ได้ ไปก็ไป แล้วเหมือนเหมาสองแถวมาคนเดียวเลยอ่ะ แต่ก็มาพร้อมกับเนื้อบดหลังรถ
ลงรถปุ๊บถามราคาเท่าไหร่ ลุงบอก 50 บาท โอย...โคตรเกรงใจ จะให้ 100 นึง ลุงบอก 50 พอ ใจดีอ่ะ ความจริงหน้าลุงดูเป็นคนเคี่ยวด้วย เหมาสองแถวลุงมาคนเดียว 50 บาท ทั้งที่มันต้อง 200 บาท แถมลุงขอเบอร์ไว้อีกจะกลับวันไหน เดี๋ยวลูกชายจะไปเอาผลไม้บนดอยจะให้แวะรับ นึกว่าพูดเล่นเลยบอกไปว่า เดี๋ยว 5 โมงวันกลับหนูโทรบอก(ขอเบอร์ลุงไว้และลุงก็ขอเบอร์เราไว้อีก)
นอกจากอากาศเย็นแล้ว ยิ่งตอนเช้าก็ยังมีแดดอุ่นๆด้วย อากาศดีมาก ความจริงถ้าจะให้ไปส่งถึงโฮมสเตย์เลยต้องเหมาเข้าไปอีก เราเลยรอแถวพิพิธภัณฑ์ ถ่ายรูปรอ จนท.เปิดบริการรถจักรยาน ใช่ค่ะ เอาบัตรประชาชนแลกก็ได้จักรยานไปปั่นฟรีเลย ดีต่อใจมาก
เรามาวันธรรมดาก็จะเงียบเหงาหน่อย แต่วันเสาร์อาทิตย์นี่ได้ข่าวว่าครึกครื้นเลย มีถนนคนเดินตรงนี้ด้วย
นี่แหละค่ะ สัญลักษณ์ของความลึกลับของลับแล อนุสาวรีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองแม่หม้าย แอบกลัว
รูปปั้นนี้มีที่มา ลองไปหาอ่านในเน็ตดูเรื่องสนุกมากเลย คือที่บอกว่าเป็นเมืองแม่หม้ายและเป็นเมืองที่รักษาวาจา ไม่ชอบคนพูดโกหก เมืองนี้จึงไม่มีผู้ชาย ต้องขับไล่ผู้ชายออกจากเมืองหมด วันหนึ่งมีชายคนหนึ่งตกหลุมรักหญิงเมืองนี้พาไปอยู่ที่เมืองลับแล จนมีลูกด้วยกัน วันหนึ่งลูกร้องไม่หยุด ชายคนนี้จึงโกหกว่า "แม่มาแล้ว" พอหญิงสาวรู้เรื่องจากปากแม่ของหญิงสาวว่าลูกเขยโกหกจึงถูกขับไล่ออกไป และใส่แง่งขิงในย่ามเต็มถุง แต่หนักเกินไปชายหนุ่มจึงทิ้งระหว่างทางจนกลับถึงหมู่บ้านเดิมเหลืออันเดียวควักออกมาจากถุงกลายเป็นทองคำ ไปตามหาที่ทิ้งไว้ก็โตเป็นต้นขิงธรรมดา และหาทางเข้าเมืองลับแลไม่เจออีกแล้ว ต้องลองไปอ่านดู เรื่องสนุกดีค่ะ
8 โมงแล้ว เจ้าหน้าที่มาแล้ว ดีใจอ่ะดีใจ ได้จักรยานแล้ว จนท.ดูแลดีมากเลย แนะนำ ให้แผนที่ เช็คสภาพจักรยานให้ มีเอกสารให้แต่แทบไม่ได้ดูเลย ใช้ปากถามทางตลอด
[CR] "เรื่องไม่ลับที่ลับแล" ปั่นจักรยานคนเดียว เที่ยวลับแล
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น