7 คืน 9 วัน กับ 3 เทศกาล และ 7 สถานที่ในฝัน (ของพวกเรา) แค่ขึ้ินต้นมาผมก็เหนื่อยแล้ว แต่ยังไงก็สู้ไหวครับ รีวิวนี้จะไม่ค่อยลงรายละเอียดมากนะครับ แค่อยากจะบอกเราว่าพวกเราทำได้ เที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่มีวันหยุด แต่ใครมีอะไรสอบถามเพิ่มเติมถามมาได้เลยนะครับ บอกก่อนเลยว่าทริปนี้เป็นทริปท่องเที่ยว ไม่ใช่การไปพักผ่อน เพราะจำกัดด้วยเวลาจริง ๆ แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเรา ทุกคนบอกว่าเหนื่อยก็ยอม มาดูแผนการเที่ยวของเราก่อนเลยว่า จะโหด กันแค่ไหน ( 5 – 13 กุมภาพันธ์ 2557) ลืมบอกว่าการเดินทางของพวกเราเริ่มจากเชียงใหม่นะครับ
Winter In Japan 2017
Day 1 CNX-KUL
KUL-CTS (New setoset international)
Day 2 CTS - Sapporo
Day 3 Sapporo – Otaru
Day 4 Sapporo – Hakodate
Day 5 Hakodate – Kawaguchiko
Day 6 Kawaguchi-ko – Nagoya
Day 7 Nagoya - Shirakawago
Day 8 Nagoya - Tokyo
Day 9 Tokyo – NRT
NRT – CNX
ดูแพลนคราวๆ กันแล้ว หลายคนเห็นคงคิดว่าต้องเหนื่อยน่าดู บอกว่าเลยว่าเหนื่อยมากครับ บริหารจัดการเวลาแบบสุดๆ คือห้ามพลาดกระทั้งรถไฟแม้ขบวนเดียว พร้อมแล้วก็ออกเดินทางการเดินครับ
ดูแพลนและเวลาแบบแน่นๆ ใช้ในการเดินทางจริง ทำได้จริง เหนื่อยจริงๆ
ตารางการเดินทาง
(ตื่นเช้าทุกวันนอนบนรถไฟเอานะทุกคน)
5 Feb เจอกันสนามบินเชียงใหม่ 11.00 น.
13.45-17.45 CNX-KUL.
23.25-08.00 KUL-CTS(Sapporo)
6 Feb. -Sapporo Snow Festival 2017
-Susukino park ฯลฯ
** เปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ
7 Feb. ช่วงเช้า Sapporo City
ช่วงบ่าย 13.00 sapporo-Otaru
17.30 Light up Otaru
Otaru-Sapporo
8 Feb.
06.08-09.27 Shin-Sapporo-Hakodate
***แวะเที่ยวหุบเขานรกที่ Hobonoribrst
9 Feb Hakodate-Kawaguchiko
06.00-06.24 Hakodate-Shin-Hakodate
06.35-10.38 Shin-Hakodate-Omiya (Shinkansen)
10.53-11.28 Omiya-Shinjuku(JR)
12.30-14.47 Shinjuku-Kawaguchiko
10 Feb. Kawaguchiko-Nagoya ดังนี้
10.18-11.18 Kawaguchiko-Otsuki
11.46-12.22 Otsuki-Takao(Tokyo)
12.31-12.37 Takap(Tokyo)-Hachioji
12.49-13.29 Hachioji-Shin-Yokohama
13.52-15.17 Shin-Yokohama-Nagoya
16.30-17.15 Nagoya-Winter Light up
21.00 กลับ Nagoya
11 Feb. Nagoya-Takayama-Shirakawago
08.43-10.55 Nagoya-Takayama
11.50-12.57 Takayama-Shirakawago(Bus)
16.08-17.20 Shirakawago-Tayatama(Bus)
18.46-21.02 Takayama-Nagoya
12 Feb
06.48-09.10 Nagoya-Tokyo
13 Feb
16.03-16.56 Tokyo-NRT.T.1
20.15-07.55 NRT-CNX.
**สถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เช็คจากสภาพอากาศ
ส่วนขบวนรถไฟShinkansen JR การเดินทางระหว่างเมืองน่าจะตามนี้คือเวลาที่ดีที่สุด นอนในรถไฟเอานะทุกคน
DAY 1 CNX – KUL
KUL – CTS
วันแรกวันเป็นแห่งการเดินทางครับ สาเหตุที่พวกเราเลือกไปลงกัวลาลัมเปอร์เพราะว่า ราคาถูกกว่า เวลาดีกว่ามาก บินจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ไปสนามบินกัวลาลัมเปอร์ด้วยสายการบิน Malindo Air ครั้งแรกที่ขึ้นระหว่างประเทศของสายการบินนี้ บอกเลยประทับใจครับ กระเป๋าฟรี อาหารพร้อมเสริฟ คือดีมากกับราคานี้ เราถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ตามกำหนดเวลาพอดีครับ เรามีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 5 ชั่วโมง Landing ที่ KLAI แล้วต้องนั่งรพไฟไปยังอีกอาคารหนึ่ง การเดินมาขึ้นรถไฟระหว่างอาคารก็ตามป้ายมาเลยครับ มีเจ้าหน้าค่อยบริการ พอมาถึงก็เดินตามป้ายเลยครับ เพื่อจะเข้า ตม. การเข้า ตม. มาเลย์ก็ไม่ยุ่งยากครับ ไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆ แค่เตรียมพาสปอร์ต สำหรับผมแค่แวะเปลี่ยนเครื่องก็แค่เตรียมตั๋วเครื่องบินขาออกก็พอครับ เจ้าหน้าที่ก็ถามเป็นปกติ ว่ามาอะไร มากี่วัน เราก็ตอบๆ ไปแค่นั้น ผ่านสบายครับ จากนั้นก็ไปรอรับกระเป๋า เรียบร้อยทุกอย่างก็เดินไปขึ้นรถไฟ ระหว่าง Terminal ครับ แอร์เอเชียอยุ่ KLAI2 ครับ ลืมบอกว่ารถไฟระหว่าง terminal นี้ต้องเสียค่ารถไฟอยู่ที่ 2 ริงกิตนะครับ พอมาถึง KLAI2 ก็พักผ่อนทานข้าว จากนั้นก็ไปเช็คอินและผ่าน ตม.ขาออก รอขึ้นเครื่อง สำหรับวันแรกก็ผ่านไปด้วยดีครับ ถึงเวลาเครื่องออกตรงเวลา บินลัดฟ้าข้ามไปยังสนามบิน New setoset international Airport เมืองซัปโปโร
DAY 2 CTS – Sapporo
หลังจากล่องลอยอยู่บนฟ้ามา 8 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึง New setoset international Airport (CTS) อย่าลืมกรอกแบบฟอร์มเข้าเมืองให้ครบนะครับ เรื่อง ตม. ผมขอข้ามเลยนะครับ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเหมือนกันทุกสนามบิน พอทุกอย่างเรียบร้อย ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าแปรงฟัน ที่สนามบินเลยครับ เตรียมรับมือกับความหนาว เสร็จก็ซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองเลยครับ เพื่อจะไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมและไปเทียวกัน
วันที่แรกทีญี่ปุ่น วันนี้เราจะไปงาน Sapporo Snow Festival 2017 ที่ Odori park การเดินทางไปยังสถานที่จัดงานสามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ทั้ง subway,JR, bus หรือการเดิน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล คือทำยังไงก็ได้ให้ถึงสถานี Odori
พอมาถึงแล้วอย่าเสียเวลาครับ เพราะมันหนาวมาก เดินเที่ยวกันเลย ตามมาครับ จะพาไปดูว่าปีนี้มีอะไรบ้าง
สถานที่จัดงาน Sapporo Smow Festival นี้บริเวณจัดงานมีบริการอาหารเครื่องดื่ม ซุ้มต่างๆ ไว้ค่อยบริการนะครับ สามารถหาอะไรทานคลายหนาวกันได้ แต่คนก็คนมาก เพราะคงเป็นวันแรกในการจัดการ พวกเราก็เดินในงานแวะกินแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ครับ
ระหว่างก็สามารถเดินลัดเลาะมาชมศาลาว่าการหลังเก่าได้ด้วยนะครับ
งานนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน เข้าชมฟรี และก็มีการแสดงบนเวทีสลับกันไปเรื่อยๆ ครับ และช่วงค่ำก็จะมีการแสดง Light up ให้ชมด้วย
อย่าลืมว่าหน้าหนาวจะมืดเร็วมา ประมาณ 5 โมงก็เริ่มมืดแล้วครับ ใครมาก็ควรว่างแผนเรื่องเวลากันดีๆ
DAY 3 Sapporo – Otaru
วันนี้ผมให้ทุกคนตื่นสายกันครับ เพื่อจะได้พักผ่อนแบบเพียงพอและปรับตัวกับสภาพอากาศก่อน เดียวไม่สบาย ระหว่างรอทุกคนตื่นนั้น ผมก็ออกไปแลกตั๋ว JR All Pass แบบ 7 วัน ที่ JR Sapporo
การแลกตั๋ว JR All Pass นั้น ก็สามารถแลกได้หลายที่ เช่นสนามบินหรือสถานี JR ใหญ่ๆ ครับ ซึ่งจะระบุไว้ในเอกสารตอนที่เราไปซื้อ ตั๋ว JR All Pass นี้ ซึ่งได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินะครับ และต้องซึ่งนอกประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น พอซื้อเสร็จก็จะได้ Voucher ไปแลกตั๋วจริงที่ญี่ปุ่นครับ ขั้นตอนการแลกก็นั้นก็นำ Passport พร้อม Voucher ไปนะครับ และกรอกเอกสารเล็กน้อยครับ ที่สำคัญชื่อและนามสกุลของ นำ PassportและVoucher ต้องตรงกันนะครับ ไม่งั้นแลกไม่ได้ สามารถรวบรวมไปแลกคนเดียวได้เลย ไม่ต้องขนกันไปทุกคน
ตั๋วนี้สามารถใช้กับรถไฟ รถบัส ของบริษัทเจอาร์ได้ทั้งหมด รวมถึง Shinkansenนะครับ ยกเว้นแต่ Shinkansenสาย jkdhkfh ;shfs เท่านั้นที่ใช้ไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในการเดินทางของเรา
พอแลกเสร็จก็สามารถทำ Reserve seat ได้เลยครับ หรือว่าทำก่อนการเดินทางก็ได้ แต่ถ้าเรารู้เวลาการเดินทางหรือแผนการเดินทางของเราที่แน่นอนผมแนะนำให้จองล่วงหน้าไปเลย ทำครั้งเดียวให้เสร็จเลย การทำ reserve seat คือการจองที่นั่งคับ เพราะบางขบวนต้องระบุที่นั้งและนั่งตามที่นั่งที่ตั๋วระบุครับ การใช้งานตั๋ว JR ก็แค่แสดงตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดูเรียบร้อยครับ ไม่ต้องไปสอดหรือสแกนใดๆ
ผ่านวิธีการแลกตั๋วและทำการจองที่นั่งเรียบร้อยก็ออกเดินทางไปยัง เมือง Otaru เลยครับ จากสถานีซัปโปโรใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีก็มาสถานี Otaru ครับ
มาถึงก็หิวครับ แวะตลาดปลาเลยละกัน ตลาดปลานี้หาไม่ยากครับ ออกสถานีมาเลี้ยวซ้าย แล้วเดินขึ้นบันได เข้าตลาดได้เลย อาหารทะเลสด สะอาด อร่อยมาก ราคาก็น่าคบหาครับ
การเที่ยวเมืองนี้พวกเราเลือกใช้วิธีการเดินครับ เดินอย่างเดียว ถ่ายรูป เดินสัมผัสกับหิมะที่ตก และอากาศเย็นๆ -6 องศา
มาถึงแล้วแล้ว คลองโอตารุ (Otaru Cannal ) ช่วงกลางวัน
วันนี้มีหิมะตกและลมแรงมากครับ แต่คนก็ยังเยอะ พวกเราก็เดินเล่นถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ ทนหนาวไม่ไหวก็หลบเข้าร้านขายของที่ระลึกบ้าง ร้านกาแฟบ้างครับ ในที่สุดก็เดินมาถึงนาฬิกาพ่นครันครับ ระยะทางจริงๆ มันไม่ไกลกันเท่าไรครับ แต่ที่ใช้เวลานานเพราะพวกเราแวะกินขนม ทานกาแฟ หลบหนาว แต่ละที่ก็นานพอสมควร
พ่นควันแล้ว ทุกๆ 15 นาทีนะครับ
ถ่ายรูปเสร็จก็เดินกลับครับ จะไปถ่าย ที่คลองโอตารุ เพราะกลางคืนเขาจะประดับไฟครับ สวยไปอีกแบบ
สวยคนแบบกับกลางวันนะครับ
คอเบียร์ห้ามพลาดนะครับ เบียร์โอตารุต้องลอง เดียวจะมาไม่ถึงนะครับ
หนาวครับไม่ไหวแล้ว ดูเวลาก็แค่ทุ่มกว่าๆ แต่สุดเกินจะทน หนีหนาวเดินกลับสถานี รอไฟ เพื่อกลับไปเมืองซัปโปโร และเข้าที่พัก วันนี้เราจะต้องรีบนอน พักผ่อนเพราะพรุ่งต้องตื่นเช้า ย้ายเมือง เปลี่ยนที่นอน
[CR][SR] เที่ยวญี่ปุ่น 3 เทศกาล กับ 7 สถานที่ในฝันของ (พวกเรา)
Winter In Japan 2017
Day 1 CNX-KUL
KUL-CTS (New setoset international)
Day 2 CTS - Sapporo
Day 3 Sapporo – Otaru
Day 4 Sapporo – Hakodate
Day 5 Hakodate – Kawaguchiko
Day 6 Kawaguchi-ko – Nagoya
Day 7 Nagoya - Shirakawago
Day 8 Nagoya - Tokyo
Day 9 Tokyo – NRT
NRT – CNX
ดูแพลนคราวๆ กันแล้ว หลายคนเห็นคงคิดว่าต้องเหนื่อยน่าดู บอกว่าเลยว่าเหนื่อยมากครับ บริหารจัดการเวลาแบบสุดๆ คือห้ามพลาดกระทั้งรถไฟแม้ขบวนเดียว พร้อมแล้วก็ออกเดินทางการเดินครับ
ดูแพลนและเวลาแบบแน่นๆ ใช้ในการเดินทางจริง ทำได้จริง เหนื่อยจริงๆ
ตารางการเดินทาง
(ตื่นเช้าทุกวันนอนบนรถไฟเอานะทุกคน)
5 Feb เจอกันสนามบินเชียงใหม่ 11.00 น.
13.45-17.45 CNX-KUL.
23.25-08.00 KUL-CTS(Sapporo)
6 Feb. -Sapporo Snow Festival 2017
-Susukino park ฯลฯ
** เปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ
7 Feb. ช่วงเช้า Sapporo City
ช่วงบ่าย 13.00 sapporo-Otaru
17.30 Light up Otaru
Otaru-Sapporo
8 Feb.
06.08-09.27 Shin-Sapporo-Hakodate
***แวะเที่ยวหุบเขานรกที่ Hobonoribrst
9 Feb Hakodate-Kawaguchiko
06.00-06.24 Hakodate-Shin-Hakodate
06.35-10.38 Shin-Hakodate-Omiya (Shinkansen)
10.53-11.28 Omiya-Shinjuku(JR)
12.30-14.47 Shinjuku-Kawaguchiko
10 Feb. Kawaguchiko-Nagoya ดังนี้
10.18-11.18 Kawaguchiko-Otsuki
11.46-12.22 Otsuki-Takao(Tokyo)
12.31-12.37 Takap(Tokyo)-Hachioji
12.49-13.29 Hachioji-Shin-Yokohama
13.52-15.17 Shin-Yokohama-Nagoya
16.30-17.15 Nagoya-Winter Light up
21.00 กลับ Nagoya
11 Feb. Nagoya-Takayama-Shirakawago
08.43-10.55 Nagoya-Takayama
11.50-12.57 Takayama-Shirakawago(Bus)
16.08-17.20 Shirakawago-Tayatama(Bus)
18.46-21.02 Takayama-Nagoya
12 Feb
06.48-09.10 Nagoya-Tokyo
13 Feb
16.03-16.56 Tokyo-NRT.T.1
20.15-07.55 NRT-CNX.
**สถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เช็คจากสภาพอากาศ
ส่วนขบวนรถไฟShinkansen JR การเดินทางระหว่างเมืองน่าจะตามนี้คือเวลาที่ดีที่สุด นอนในรถไฟเอานะทุกคน
DAY 1 CNX – KUL
KUL – CTS
วันแรกวันเป็นแห่งการเดินทางครับ สาเหตุที่พวกเราเลือกไปลงกัวลาลัมเปอร์เพราะว่า ราคาถูกกว่า เวลาดีกว่ามาก บินจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ไปสนามบินกัวลาลัมเปอร์ด้วยสายการบิน Malindo Air ครั้งแรกที่ขึ้นระหว่างประเทศของสายการบินนี้ บอกเลยประทับใจครับ กระเป๋าฟรี อาหารพร้อมเสริฟ คือดีมากกับราคานี้ เราถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ตามกำหนดเวลาพอดีครับ เรามีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 5 ชั่วโมง Landing ที่ KLAI แล้วต้องนั่งรพไฟไปยังอีกอาคารหนึ่ง การเดินมาขึ้นรถไฟระหว่างอาคารก็ตามป้ายมาเลยครับ มีเจ้าหน้าค่อยบริการ พอมาถึงก็เดินตามป้ายเลยครับ เพื่อจะเข้า ตม. การเข้า ตม. มาเลย์ก็ไม่ยุ่งยากครับ ไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆ แค่เตรียมพาสปอร์ต สำหรับผมแค่แวะเปลี่ยนเครื่องก็แค่เตรียมตั๋วเครื่องบินขาออกก็พอครับ เจ้าหน้าที่ก็ถามเป็นปกติ ว่ามาอะไร มากี่วัน เราก็ตอบๆ ไปแค่นั้น ผ่านสบายครับ จากนั้นก็ไปรอรับกระเป๋า เรียบร้อยทุกอย่างก็เดินไปขึ้นรถไฟ ระหว่าง Terminal ครับ แอร์เอเชียอยุ่ KLAI2 ครับ ลืมบอกว่ารถไฟระหว่าง terminal นี้ต้องเสียค่ารถไฟอยู่ที่ 2 ริงกิตนะครับ พอมาถึง KLAI2 ก็พักผ่อนทานข้าว จากนั้นก็ไปเช็คอินและผ่าน ตม.ขาออก รอขึ้นเครื่อง สำหรับวันแรกก็ผ่านไปด้วยดีครับ ถึงเวลาเครื่องออกตรงเวลา บินลัดฟ้าข้ามไปยังสนามบิน New setoset international Airport เมืองซัปโปโร
DAY 2 CTS – Sapporo
หลังจากล่องลอยอยู่บนฟ้ามา 8 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึง New setoset international Airport (CTS) อย่าลืมกรอกแบบฟอร์มเข้าเมืองให้ครบนะครับ เรื่อง ตม. ผมขอข้ามเลยนะครับ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเหมือนกันทุกสนามบิน พอทุกอย่างเรียบร้อย ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าแปรงฟัน ที่สนามบินเลยครับ เตรียมรับมือกับความหนาว เสร็จก็ซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองเลยครับ เพื่อจะไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมและไปเทียวกัน
วันที่แรกทีญี่ปุ่น วันนี้เราจะไปงาน Sapporo Snow Festival 2017 ที่ Odori park การเดินทางไปยังสถานที่จัดงานสามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ทั้ง subway,JR, bus หรือการเดิน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล คือทำยังไงก็ได้ให้ถึงสถานี Odori
พอมาถึงแล้วอย่าเสียเวลาครับ เพราะมันหนาวมาก เดินเที่ยวกันเลย ตามมาครับ จะพาไปดูว่าปีนี้มีอะไรบ้าง
สถานที่จัดงาน Sapporo Smow Festival นี้บริเวณจัดงานมีบริการอาหารเครื่องดื่ม ซุ้มต่างๆ ไว้ค่อยบริการนะครับ สามารถหาอะไรทานคลายหนาวกันได้ แต่คนก็คนมาก เพราะคงเป็นวันแรกในการจัดการ พวกเราก็เดินในงานแวะกินแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ครับ
ระหว่างก็สามารถเดินลัดเลาะมาชมศาลาว่าการหลังเก่าได้ด้วยนะครับ
งานนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน เข้าชมฟรี และก็มีการแสดงบนเวทีสลับกันไปเรื่อยๆ ครับ และช่วงค่ำก็จะมีการแสดง Light up ให้ชมด้วย
อย่าลืมว่าหน้าหนาวจะมืดเร็วมา ประมาณ 5 โมงก็เริ่มมืดแล้วครับ ใครมาก็ควรว่างแผนเรื่องเวลากันดีๆ
DAY 3 Sapporo – Otaru
วันนี้ผมให้ทุกคนตื่นสายกันครับ เพื่อจะได้พักผ่อนแบบเพียงพอและปรับตัวกับสภาพอากาศก่อน เดียวไม่สบาย ระหว่างรอทุกคนตื่นนั้น ผมก็ออกไปแลกตั๋ว JR All Pass แบบ 7 วัน ที่ JR Sapporo
การแลกตั๋ว JR All Pass นั้น ก็สามารถแลกได้หลายที่ เช่นสนามบินหรือสถานี JR ใหญ่ๆ ครับ ซึ่งจะระบุไว้ในเอกสารตอนที่เราไปซื้อ ตั๋ว JR All Pass นี้ ซึ่งได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินะครับ และต้องซึ่งนอกประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น พอซื้อเสร็จก็จะได้ Voucher ไปแลกตั๋วจริงที่ญี่ปุ่นครับ ขั้นตอนการแลกก็นั้นก็นำ Passport พร้อม Voucher ไปนะครับ และกรอกเอกสารเล็กน้อยครับ ที่สำคัญชื่อและนามสกุลของ นำ PassportและVoucher ต้องตรงกันนะครับ ไม่งั้นแลกไม่ได้ สามารถรวบรวมไปแลกคนเดียวได้เลย ไม่ต้องขนกันไปทุกคน
ตั๋วนี้สามารถใช้กับรถไฟ รถบัส ของบริษัทเจอาร์ได้ทั้งหมด รวมถึง Shinkansenนะครับ ยกเว้นแต่ Shinkansenสาย jkdhkfh ;shfs เท่านั้นที่ใช้ไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในการเดินทางของเรา
พอแลกเสร็จก็สามารถทำ Reserve seat ได้เลยครับ หรือว่าทำก่อนการเดินทางก็ได้ แต่ถ้าเรารู้เวลาการเดินทางหรือแผนการเดินทางของเราที่แน่นอนผมแนะนำให้จองล่วงหน้าไปเลย ทำครั้งเดียวให้เสร็จเลย การทำ reserve seat คือการจองที่นั่งคับ เพราะบางขบวนต้องระบุที่นั้งและนั่งตามที่นั่งที่ตั๋วระบุครับ การใช้งานตั๋ว JR ก็แค่แสดงตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดูเรียบร้อยครับ ไม่ต้องไปสอดหรือสแกนใดๆ
ผ่านวิธีการแลกตั๋วและทำการจองที่นั่งเรียบร้อยก็ออกเดินทางไปยัง เมือง Otaru เลยครับ จากสถานีซัปโปโรใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีก็มาสถานี Otaru ครับ
มาถึงก็หิวครับ แวะตลาดปลาเลยละกัน ตลาดปลานี้หาไม่ยากครับ ออกสถานีมาเลี้ยวซ้าย แล้วเดินขึ้นบันได เข้าตลาดได้เลย อาหารทะเลสด สะอาด อร่อยมาก ราคาก็น่าคบหาครับ
การเที่ยวเมืองนี้พวกเราเลือกใช้วิธีการเดินครับ เดินอย่างเดียว ถ่ายรูป เดินสัมผัสกับหิมะที่ตก และอากาศเย็นๆ -6 องศา
มาถึงแล้วแล้ว คลองโอตารุ (Otaru Cannal ) ช่วงกลางวัน
วันนี้มีหิมะตกและลมแรงมากครับ แต่คนก็ยังเยอะ พวกเราก็เดินเล่นถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ ทนหนาวไม่ไหวก็หลบเข้าร้านขายของที่ระลึกบ้าง ร้านกาแฟบ้างครับ ในที่สุดก็เดินมาถึงนาฬิกาพ่นครันครับ ระยะทางจริงๆ มันไม่ไกลกันเท่าไรครับ แต่ที่ใช้เวลานานเพราะพวกเราแวะกินขนม ทานกาแฟ หลบหนาว แต่ละที่ก็นานพอสมควร
พ่นควันแล้ว ทุกๆ 15 นาทีนะครับ
ถ่ายรูปเสร็จก็เดินกลับครับ จะไปถ่าย ที่คลองโอตารุ เพราะกลางคืนเขาจะประดับไฟครับ สวยไปอีกแบบ
สวยคนแบบกับกลางวันนะครับ
คอเบียร์ห้ามพลาดนะครับ เบียร์โอตารุต้องลอง เดียวจะมาไม่ถึงนะครับ
หนาวครับไม่ไหวแล้ว ดูเวลาก็แค่ทุ่มกว่าๆ แต่สุดเกินจะทน หนีหนาวเดินกลับสถานี รอไฟ เพื่อกลับไปเมืองซัปโปโร และเข้าที่พัก วันนี้เราจะต้องรีบนอน พักผ่อนเพราะพรุ่งต้องตื่นเช้า ย้ายเมือง เปลี่ยนที่นอน
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว