ในปี 1943 ในช่วงท้ายสงครามโลกในยุโรป นายพลเรือเรเดอร์ได้เรียกประชุมนักวิศวกรอาวุโสของบริษัทวิทยุ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระแสวิทยุแรงสูง นายทหารอากาศ หน่วยวิทยุข่าวกรองของเรือดำน้ำ ที่กรุงเบอร์ลิน ในการประชุมครั้งนี้มีกลุ่มนายช่างผู้เชี่ยวชาญของบริษัทเทเลฟุงเก้น นางช่างกลุ่มนี้กำลังวุ่นวายเกี่ยวกับการประกอบซากเรดาร์ลับสุดยอดที่ได้มาจากเครื่องบินทิ้งระเบิดตอนกลางคืนของอังกฤษที่ถูกยิงตกแต่ยังไม่สำเร็จ เพราะชิ้นส่วนเรดาร์เสียหายมาก
ในการประชุมมีการหารือเรื่องประหลาดใจ ของกองเรือดำน้ำของเยอรมัน ที่ เมื่อลอยลำมาเพื่อสะสมพลังงานในตอนกลางคืน มักจะมีเครื่องบินมาฉายไฟและทิ้งระเบิดอย่างรวดเร็ว และเมื่อดำน้ำหนีใช้แบตเตอรี่หมดและจำเป็นจะต้องลอยลำขึ้นมาอีกครั้งเพราะหมดพลังงานก็กลายเป็นเป้านิ่งของเครื่องบินพันธมิตร
ต่อมาไม่นาน เครื่องบินทิ้งระเบิดตอนกลางคืนของอังกฤษก็ถูกยิงตกอีกเครื่อง แน่นอนก็ได้ซากของเรดาร์ของอังกฤษที่เสียหายมาอีกเครื่อง คราวนี้นายช่างของเทเลฟุงเก้น ก็สามารถประกอบเรดาร์ของอังกฤษได้สำเร็จจากทรากเรดาร์ 2 เครื่อง
และเมื่อเอาเครื่องเรดาร์ไปทดสอบบนยอดหอสูง ปตอ.ชานกรุงเบอร์ลิน และ กรุงเบอร์ลินที่พรางไฟมืดสนิทอยู่เบื้องล่าง แสงสีเหลืองอมเขียวจากจอมอนิเตอร์ของเรดาร์ ก็แสดงภาพอันน่าตกตลึงให้กับเหล่าผู้มาทดสอบ เพรามันแสดงภาพของกรุงเบอร์ลิน แน่นอนมันไม่ได้ชัดเจนแบบภาพถ่ายในตอนกลางวัน มันแสดงภาพให้เห็นลางๆแต่ก็ดูออกว่า ส่วนไหนเป็นต้นไม้ ถนน หรืออาคาร ความลับของเครื่องบินทิ้งระเบิดกลางคืนของอังกฤษได้ถูกเปิดเผยแล้วในที่สุด
ภาพถ่ายจากเรดาร์ลับสุดยอดของอังกฤษ และ เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ แลงคลาสเตอร์ ที่ติดโดมเรดาร์ไว้ที่ท้องเครื่องบิน
H2S เป็นนวัตกรรมของกองทัพอังกฤษ เป็นเรดาร์ชนิดคลื่นสั้นมาก ความยาวคลื่นประมาณ 3-10 เซนติเมตรความถี่คลื่น 10-3 GHz สามารถส่องทะลุเมฆหมอกได้ กลาางวันกลางคืนก็ได้ ทุกสภาพอากาศ
เยอรมันก็เคยทดลองคลื่นเรดาร์ระดับเซนติเมตรเหมือนกัน แต่เจตนาติดตั้งบนเรือรบเพื่อช่วยเล็งสำหรับปืนเรือ โดยทดสอบสร้างเรดาร์ความยาวคลื่น 14 เซนติเมตรผลปรากฏว่า ตรวจหาเป้าได้แค่ระยะใกล้ ไม่เกิน 3 กิโลเมตร หมายความว่าตรวจหาเป้าได้แค่ระดับสายตามนุษย์ จึงหมดความสนใจไปพัฒนาเรดาร์ความยาวคลื่นระดับ เดซิเมตร ซึ่งตรวจจับได้ไกลกว่าแทน
เมื่ออเมริกาได้รับมอบเทคโนโลยีนี้ไป ก็พัฒนาต่อเป็นเรดาร์ H2X ซึ่งความยาวคลื่นสั้นลงไปอีก และเอาไปติดตั้งที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของตัวเอง
เครื่องบิน B-17 ก็ติดตั้งเรดาร์ H2X ที่ด้านหน้า
https://en.wikipedia.org/wiki/H2S_(radar)
H2S เรดาร์ที่อังกฤษมอบให้อเมริกาเพื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือช่วงสงครามโลก
ในการประชุมมีการหารือเรื่องประหลาดใจ ของกองเรือดำน้ำของเยอรมัน ที่ เมื่อลอยลำมาเพื่อสะสมพลังงานในตอนกลางคืน มักจะมีเครื่องบินมาฉายไฟและทิ้งระเบิดอย่างรวดเร็ว และเมื่อดำน้ำหนีใช้แบตเตอรี่หมดและจำเป็นจะต้องลอยลำขึ้นมาอีกครั้งเพราะหมดพลังงานก็กลายเป็นเป้านิ่งของเครื่องบินพันธมิตร
ต่อมาไม่นาน เครื่องบินทิ้งระเบิดตอนกลางคืนของอังกฤษก็ถูกยิงตกอีกเครื่อง แน่นอนก็ได้ซากของเรดาร์ของอังกฤษที่เสียหายมาอีกเครื่อง คราวนี้นายช่างของเทเลฟุงเก้น ก็สามารถประกอบเรดาร์ของอังกฤษได้สำเร็จจากทรากเรดาร์ 2 เครื่อง
และเมื่อเอาเครื่องเรดาร์ไปทดสอบบนยอดหอสูง ปตอ.ชานกรุงเบอร์ลิน และ กรุงเบอร์ลินที่พรางไฟมืดสนิทอยู่เบื้องล่าง แสงสีเหลืองอมเขียวจากจอมอนิเตอร์ของเรดาร์ ก็แสดงภาพอันน่าตกตลึงให้กับเหล่าผู้มาทดสอบ เพรามันแสดงภาพของกรุงเบอร์ลิน แน่นอนมันไม่ได้ชัดเจนแบบภาพถ่ายในตอนกลางวัน มันแสดงภาพให้เห็นลางๆแต่ก็ดูออกว่า ส่วนไหนเป็นต้นไม้ ถนน หรืออาคาร ความลับของเครื่องบินทิ้งระเบิดกลางคืนของอังกฤษได้ถูกเปิดเผยแล้วในที่สุด
ภาพถ่ายจากเรดาร์ลับสุดยอดของอังกฤษ และ เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ แลงคลาสเตอร์ ที่ติดโดมเรดาร์ไว้ที่ท้องเครื่องบิน
H2S เป็นนวัตกรรมของกองทัพอังกฤษ เป็นเรดาร์ชนิดคลื่นสั้นมาก ความยาวคลื่นประมาณ 3-10 เซนติเมตรความถี่คลื่น 10-3 GHz สามารถส่องทะลุเมฆหมอกได้ กลาางวันกลางคืนก็ได้ ทุกสภาพอากาศ
เยอรมันก็เคยทดลองคลื่นเรดาร์ระดับเซนติเมตรเหมือนกัน แต่เจตนาติดตั้งบนเรือรบเพื่อช่วยเล็งสำหรับปืนเรือ โดยทดสอบสร้างเรดาร์ความยาวคลื่น 14 เซนติเมตรผลปรากฏว่า ตรวจหาเป้าได้แค่ระยะใกล้ ไม่เกิน 3 กิโลเมตร หมายความว่าตรวจหาเป้าได้แค่ระดับสายตามนุษย์ จึงหมดความสนใจไปพัฒนาเรดาร์ความยาวคลื่นระดับ เดซิเมตร ซึ่งตรวจจับได้ไกลกว่าแทน
เมื่ออเมริกาได้รับมอบเทคโนโลยีนี้ไป ก็พัฒนาต่อเป็นเรดาร์ H2X ซึ่งความยาวคลื่นสั้นลงไปอีก และเอาไปติดตั้งที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของตัวเอง
เครื่องบิน B-17 ก็ติดตั้งเรดาร์ H2X ที่ด้านหน้า
https://en.wikipedia.org/wiki/H2S_(radar)