Review: A Silent Voice (Naoko Yamada, 2016) คะแนน B
By Form Corleone
" ก้าวผ่านพ้นวัย ยอมรับความผิดพลาด เผชิญหน้ากับความกลัว " เราไม่เคยอ่านมังงะของการ์ตูนเรื่องนี้ เลยคิดว่าตัวหนังคงจะออกแนวรักใสๆ ความรักวัยรุ่นอะไรทำนองนั้น แต่ผิดคาดมากๆ เมื่อแนวทางของหนังนั้นไม่ใช่หนังรักบันเทิงอารมณ์อย่างที่คิด แก่นหลักของเรื่องกับเป็นการก้าวผ่านช่วงวัยที่สะท้อนถึงปมด้อยทางร่างกายและปมด้อยทางจิตใจได้อย่างละมุมละไมในมิติของความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อน ที่ถูกหยิบยกมาเล่าได้อย่างหนักแน่น แม้วิธีการตัดสลับภาพไปมาอาจทำให้เราต้องใช้ความคิดในการพิจารณาถึงเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตัวเองก็ตาม จะด้วยข้อจำกัดของเวลา อาจทำให้การเล่าเรื่องทั้งหมดของ 'A Silent Voice' ไม่ไหลลื่นเท่าที่ควรจะเป็น บางจังหวะเนิบช้าเกิดไปและบางจังหวะก็ตัดสลับเร็วเกินไป จนทำให้ไม่สามารถซึมซับความรู้สึกของตัวละครได้ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้น แนวทางในความเป็นหนัง 'coming of age' ยังคงแจ่มชัดตลอดเส้นทางของเรื่อง รวมถึงบทสรุปส่งท้ายที่มีคุณค่าต่อการรับชม สำหรับเราแล้ว 'A Silent Voice' ทำให้เราหวนคิดถึงเพื่อนในสมัยประถม สมัยมัธยม ที่ผ่านช่วงเวลาทะเลาะกัน แกล้งกัน โดนเพื่อนไม่คบบางก็มี แต่ก็ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาด้วยกันและกลายเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด
หนังเล่าเรื่องราวของ 'อิชิดะ' เด็กเกเรประจำห้อง (ลองนึกภาพถึงเพื่อนในสมัยประถมที่ เกเรที่สุดในห้องดู) กับเด็กสาวที่ย้ายโรงเรียนมาใหม่ 'โชโกะ' ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน (เด็กใหม่ ที่ต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ และแน่นอนว่าต้องโดนแกล้งเป็นประจำ) ความสัมพันธ์ของ 'อิชิดะ' กับ 'โชโกะ' ไม่ดีนัก และเกิดเรื่องราวจนทำให้ 'โชโกะ' ต้องย้ายโรงเรียน นั้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตวัยเด็กของ 'อิชิดะ' และเปรียบเสมือนรอยแผลในจิตใจเมื่อเวลาล่วงเลยไป ทั้งสองได้กลับมาเจอกันในสภาพที่มีรอยแผลในจิตใจทั้งคู่ และเหมือนว่า 'อิชิดะ' จะมีความรู้สึกผิดตามติดตัวมาอย่างหลีกหนีไม่ได้ แน่นอนว่าทั้งสองมีความรู้สึกดีๆให้กันในช่วงเวลาที่กลับมาพบกันใหม่ แต่เรื่องราวความรักของ 'A Silent Voice' เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของแก่นเรื่องเสียมากกว่า เพราะแกนหลักของเรื่องนั้นเสนอปัญหาวัยรุ่นที่ทำให้เรานึกถึงเพื่อนของเราหลายคนที่ไม่ต่างอะไรกับ 'อิชิดะ' หรือ 'โชโกะ' ที่สมัยเด็กพวกเราก็มักจะแกล้งเพื่อนที่แตกต่างจากเราหรือล้อเลียนเพื่อนที่มีร่างกายแตกต่างจากเรา สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ผ่านการคิดไตร่ตรองในสมัยที่เราเป็นเด็ก ที่น่าเศร้าคือไม่ว่า 'โชโกะ' จะถูกแกล้งแบบไหนก็ตาม เธอก็ยังคงมีคำว่า 'ขอโทษ' ตามมาด้วยเสมอ จุดนี้คือสิ่งที่ทำให้เศร้าใจมากๆ รวมถึงสะเทือนใจอีกด้วย และมันก็นำพาซึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในตอนท้ายเรื่องในที่สุด
ภาพของเด็กเกเร 'อิชิดะ' คือตัวแทนของเด็กเกเร ที่อาจจะเหมือนเด็กเกเรทั่วๆไปในโลกก็ได้ ที่เริ่มสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อโตขึ้น และอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น แม้จะเป็นเพียงการตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองก็ตาม แต่มันก็เป็นเพียงช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ เรามักจะนึกภาพห้องเรียนสมัยประถมที่ไม่ว่าเรื่องราวในห้องจะเลวร้ายเพียงใด เด็กเกเรคนหนึ่ง ก็มักจะถูกเพื่อนๆใส้ร้าย ว่าเขานั้นแหละที่เป็นคนทำ แม้เพื่อนๆในห้องจะสนับสนุนหรือแอบหัวเราะกันอยู่ก็ตาม สังคมหมู่เพื่อนเลยสำคัญมากๆต่อการเรียนรู้สำหรับเด็กคนหนึ่ง ดังนั้น ประเด็นของ 'อิชิดะ' จึงกลายเป็นแก่นของเรื่องที่มีสาระสำคัญ ที่สามารถหยิบมาเป็นบทเรียนมากกว่าเรื่องราวความรักที่มีในเรื่อง ในส่วนของ 'โชโกะ' เด็กสาวที่พิการทางการได้ยิน ที่พยายามจะมีเพื่อน พยายามจะเข้าสังคม และมองว่าตัวเธอนั้นคือความผิดพลาด ที่ทำให้เพื่อนๆไม่ยอมรับเธอ ปมด้อยทางร่างกายของเธอจึงเป็นปัญหาใหญ่ในการเข้าสังคม หรือเปรียบเสมือนกำแพงที่ตัวเธอนั้นไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ ถ้าไม่มีมืออีกคนคอยช่วงเหลือ มือนั้นก็คือ 'เพื่อนที่ยอมรับ' ในความแตกต่างนั้นเอง เพื่อนที่เข้าใจในความรู้สึกที่เธอต้องการ โดยไม่ผ่านจากคำพูด แต่ผ่านจากความรู้สึกจริงๆ
ความหมายของคำว่า 'เพื่อน' สำหรับ 'A Silent Voice' ถือเป็นการบอกเล่าเรื่องราวระหว่างเพื่อนได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับเรา เพราะตัวละครรอบตัวของ 'อิชิดะ' และ 'โชโกะ' คือเพื่อนในรูปแบบต่างๆ ที่เราพบเจอในชีวิตจริง และความสัมพันธ์ในเรื่องก็ดูจริงในมิติของคำว่า 'เพื่อน' แม้โตขึ้นเราอาจไม่ต้องการเพื่อนมากเท่าช่วงวัยเด็ก แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อนคือตัวแปรสำคัญในชีวิตเราเมื่อครั้งอดีต และมันสำคัญมากๆต่อตัวละครในเรื่องทั้งสองตัว แน่นอนว่าหนทางที่ต้องแลกมากับความสัมพันธ์ที่เรียกว่า 'เพื่อนแท้' คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งหนังก็ให้ข้อคิดในมุมมองนั้นด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
แม้สาระที่ดีของ 'A Silent Voice' จะสามารถทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้ แต่ข้อเสียงของตัวหนังนั้นก็มี เมื่อหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องเนิบช้าจนเกินไป รวมถึงวิธีในการลำดับที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงแรก ส่วนตัวเรารู้สึกเห็นใจเหมือนกันเพราะเรารู้สึกว่าตัวหนังพยายามกระชับเรื่องราวแล้ว แต่มันไม่สามารถทำให้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่ได้ เราจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนพ้องด้วยระยะเวลา 2 ชั่วโมง นิดๆ ได้ดีแค่ไหนนั้นกัน เราจะเล่าเรื่องราวให้ครบองค์ประกอบทุกส่วนด้วยเวลาเพียงแค่นี้คงจะทำได้ยาก ดังนั้น ภาพรวมของ 'A Silent Voice' จึงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงจะไม่สุดในทุกๆทางก็ตาม ดนตรีประกอบในเรื่องเพราะแต่ไม่น่าจดจำหรือฟังแล้วติดหูเหมือนหนังการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆ ในส่วนของงานภาพ มีโทนสีที่ไม่เจิดจรัสมากเท่าไหร่ จุดเด่นของงานภาพน่าจะเป็นลายเส้นของตัวละครที่น่ารักน่าหยิกมากๆ โดยเฉพาะ 'โชโกะ' น่ารักมาก
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด 'A Silent Voice' สามารถสร้างอารมณ์ร่วมได้ดีในระดับหนึ่ง เราอาจจะไม่สามารถนั่งดูเพลินๆได้ เพราะต้องใช้ความคิดไปพร้อมตัวละครตลอด และที่แน่นอนที่สุดคือ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังรักแต่เป็นหนังวัยรุ่นก้าวผ่านพ้นวัย เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือ ข้อความที่หนังมีนั้นแข็งแรงมากในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างหมู่เพื่อน รวมถึงการก้าวผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นในการเผชิญหน้ากับปมด้อยที่ตัวเองแบกรับไว้ ทั้งปมด้อยทางร่างกายและปมด้อยทางจิตใจ ถึงจะมีข้อเสียอยู่หลายจุดก็ตาม แต่สาระที่แฝงมาตลอดทั้งเรื่องนั้นมีคุณค่าไม่น้อยเลย....
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: A Silent Voice (Naoko Yamada, 2016) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
" ก้าวผ่านพ้นวัย ยอมรับความผิดพลาด เผชิญหน้ากับความกลัว " เราไม่เคยอ่านมังงะของการ์ตูนเรื่องนี้ เลยคิดว่าตัวหนังคงจะออกแนวรักใสๆ ความรักวัยรุ่นอะไรทำนองนั้น แต่ผิดคาดมากๆ เมื่อแนวทางของหนังนั้นไม่ใช่หนังรักบันเทิงอารมณ์อย่างที่คิด แก่นหลักของเรื่องกับเป็นการก้าวผ่านช่วงวัยที่สะท้อนถึงปมด้อยทางร่างกายและปมด้อยทางจิตใจได้อย่างละมุมละไมในมิติของความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อน ที่ถูกหยิบยกมาเล่าได้อย่างหนักแน่น แม้วิธีการตัดสลับภาพไปมาอาจทำให้เราต้องใช้ความคิดในการพิจารณาถึงเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตัวเองก็ตาม จะด้วยข้อจำกัดของเวลา อาจทำให้การเล่าเรื่องทั้งหมดของ 'A Silent Voice' ไม่ไหลลื่นเท่าที่ควรจะเป็น บางจังหวะเนิบช้าเกิดไปและบางจังหวะก็ตัดสลับเร็วเกินไป จนทำให้ไม่สามารถซึมซับความรู้สึกของตัวละครได้ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้น แนวทางในความเป็นหนัง 'coming of age' ยังคงแจ่มชัดตลอดเส้นทางของเรื่อง รวมถึงบทสรุปส่งท้ายที่มีคุณค่าต่อการรับชม สำหรับเราแล้ว 'A Silent Voice' ทำให้เราหวนคิดถึงเพื่อนในสมัยประถม สมัยมัธยม ที่ผ่านช่วงเวลาทะเลาะกัน แกล้งกัน โดนเพื่อนไม่คบบางก็มี แต่ก็ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาด้วยกันและกลายเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด
หนังเล่าเรื่องราวของ 'อิชิดะ' เด็กเกเรประจำห้อง (ลองนึกภาพถึงเพื่อนในสมัยประถมที่ เกเรที่สุดในห้องดู) กับเด็กสาวที่ย้ายโรงเรียนมาใหม่ 'โชโกะ' ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน (เด็กใหม่ ที่ต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ และแน่นอนว่าต้องโดนแกล้งเป็นประจำ) ความสัมพันธ์ของ 'อิชิดะ' กับ 'โชโกะ' ไม่ดีนัก และเกิดเรื่องราวจนทำให้ 'โชโกะ' ต้องย้ายโรงเรียน นั้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตวัยเด็กของ 'อิชิดะ' และเปรียบเสมือนรอยแผลในจิตใจเมื่อเวลาล่วงเลยไป ทั้งสองได้กลับมาเจอกันในสภาพที่มีรอยแผลในจิตใจทั้งคู่ และเหมือนว่า 'อิชิดะ' จะมีความรู้สึกผิดตามติดตัวมาอย่างหลีกหนีไม่ได้ แน่นอนว่าทั้งสองมีความรู้สึกดีๆให้กันในช่วงเวลาที่กลับมาพบกันใหม่ แต่เรื่องราวความรักของ 'A Silent Voice' เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของแก่นเรื่องเสียมากกว่า เพราะแกนหลักของเรื่องนั้นเสนอปัญหาวัยรุ่นที่ทำให้เรานึกถึงเพื่อนของเราหลายคนที่ไม่ต่างอะไรกับ 'อิชิดะ' หรือ 'โชโกะ' ที่สมัยเด็กพวกเราก็มักจะแกล้งเพื่อนที่แตกต่างจากเราหรือล้อเลียนเพื่อนที่มีร่างกายแตกต่างจากเรา สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ผ่านการคิดไตร่ตรองในสมัยที่เราเป็นเด็ก ที่น่าเศร้าคือไม่ว่า 'โชโกะ' จะถูกแกล้งแบบไหนก็ตาม เธอก็ยังคงมีคำว่า 'ขอโทษ' ตามมาด้วยเสมอ จุดนี้คือสิ่งที่ทำให้เศร้าใจมากๆ รวมถึงสะเทือนใจอีกด้วย และมันก็นำพาซึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในตอนท้ายเรื่องในที่สุด
ภาพของเด็กเกเร 'อิชิดะ' คือตัวแทนของเด็กเกเร ที่อาจจะเหมือนเด็กเกเรทั่วๆไปในโลกก็ได้ ที่เริ่มสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อโตขึ้น และอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น แม้จะเป็นเพียงการตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองก็ตาม แต่มันก็เป็นเพียงช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ เรามักจะนึกภาพห้องเรียนสมัยประถมที่ไม่ว่าเรื่องราวในห้องจะเลวร้ายเพียงใด เด็กเกเรคนหนึ่ง ก็มักจะถูกเพื่อนๆใส้ร้าย ว่าเขานั้นแหละที่เป็นคนทำ แม้เพื่อนๆในห้องจะสนับสนุนหรือแอบหัวเราะกันอยู่ก็ตาม สังคมหมู่เพื่อนเลยสำคัญมากๆต่อการเรียนรู้สำหรับเด็กคนหนึ่ง ดังนั้น ประเด็นของ 'อิชิดะ' จึงกลายเป็นแก่นของเรื่องที่มีสาระสำคัญ ที่สามารถหยิบมาเป็นบทเรียนมากกว่าเรื่องราวความรักที่มีในเรื่อง ในส่วนของ 'โชโกะ' เด็กสาวที่พิการทางการได้ยิน ที่พยายามจะมีเพื่อน พยายามจะเข้าสังคม และมองว่าตัวเธอนั้นคือความผิดพลาด ที่ทำให้เพื่อนๆไม่ยอมรับเธอ ปมด้อยทางร่างกายของเธอจึงเป็นปัญหาใหญ่ในการเข้าสังคม หรือเปรียบเสมือนกำแพงที่ตัวเธอนั้นไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ ถ้าไม่มีมืออีกคนคอยช่วงเหลือ มือนั้นก็คือ 'เพื่อนที่ยอมรับ' ในความแตกต่างนั้นเอง เพื่อนที่เข้าใจในความรู้สึกที่เธอต้องการ โดยไม่ผ่านจากคำพูด แต่ผ่านจากความรู้สึกจริงๆ
ความหมายของคำว่า 'เพื่อน' สำหรับ 'A Silent Voice' ถือเป็นการบอกเล่าเรื่องราวระหว่างเพื่อนได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับเรา เพราะตัวละครรอบตัวของ 'อิชิดะ' และ 'โชโกะ' คือเพื่อนในรูปแบบต่างๆ ที่เราพบเจอในชีวิตจริง และความสัมพันธ์ในเรื่องก็ดูจริงในมิติของคำว่า 'เพื่อน' แม้โตขึ้นเราอาจไม่ต้องการเพื่อนมากเท่าช่วงวัยเด็ก แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อนคือตัวแปรสำคัญในชีวิตเราเมื่อครั้งอดีต และมันสำคัญมากๆต่อตัวละครในเรื่องทั้งสองตัว แน่นอนว่าหนทางที่ต้องแลกมากับความสัมพันธ์ที่เรียกว่า 'เพื่อนแท้' คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งหนังก็ให้ข้อคิดในมุมมองนั้นด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
แม้สาระที่ดีของ 'A Silent Voice' จะสามารถทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้ แต่ข้อเสียงของตัวหนังนั้นก็มี เมื่อหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องเนิบช้าจนเกินไป รวมถึงวิธีในการลำดับที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงแรก ส่วนตัวเรารู้สึกเห็นใจเหมือนกันเพราะเรารู้สึกว่าตัวหนังพยายามกระชับเรื่องราวแล้ว แต่มันไม่สามารถทำให้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่ได้ เราจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนพ้องด้วยระยะเวลา 2 ชั่วโมง นิดๆ ได้ดีแค่ไหนนั้นกัน เราจะเล่าเรื่องราวให้ครบองค์ประกอบทุกส่วนด้วยเวลาเพียงแค่นี้คงจะทำได้ยาก ดังนั้น ภาพรวมของ 'A Silent Voice' จึงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงจะไม่สุดในทุกๆทางก็ตาม ดนตรีประกอบในเรื่องเพราะแต่ไม่น่าจดจำหรือฟังแล้วติดหูเหมือนหนังการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆ ในส่วนของงานภาพ มีโทนสีที่ไม่เจิดจรัสมากเท่าไหร่ จุดเด่นของงานภาพน่าจะเป็นลายเส้นของตัวละครที่น่ารักน่าหยิกมากๆ โดยเฉพาะ 'โชโกะ' น่ารักมาก
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด 'A Silent Voice' สามารถสร้างอารมณ์ร่วมได้ดีในระดับหนึ่ง เราอาจจะไม่สามารถนั่งดูเพลินๆได้ เพราะต้องใช้ความคิดไปพร้อมตัวละครตลอด และที่แน่นอนที่สุดคือ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังรักแต่เป็นหนังวัยรุ่นก้าวผ่านพ้นวัย เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือ ข้อความที่หนังมีนั้นแข็งแรงมากในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างหมู่เพื่อน รวมถึงการก้าวผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นในการเผชิญหน้ากับปมด้อยที่ตัวเองแบกรับไว้ ทั้งปมด้อยทางร่างกายและปมด้อยทางจิตใจ ถึงจะมีข้อเสียอยู่หลายจุดก็ตาม แต่สาระที่แฝงมาตลอดทั้งเรื่องนั้นมีคุณค่าไม่น้อยเลย....
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/