โอเวอร์ไซส์..ทลายพุง (7.0/10) #หนังไงจะใครล่ะ
#แอคชั่น #ตลก
"ดูแล้วหิวมาก งานภาพดีจริงๆ รักเลย"
***เรื่องย่อ ไม่สปอย***
4 ตำรวจหุ่นหมี ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ลดน้ำหนักเพื่อปรับภาพลักษณ์ของตำรวจ โดยให้เวลาแค่ 3 เดือน ดังนั้นความฮาจึงบังเกิด เมื่อเขาทั้ง 4 คน ต้องทำภารกิจลดน้ำหนัก และตามจับคนร้ายคดีปล้นเงินไปพร้อมๆกัน
***สรุปส่วนตัว***
-โทนหนังเป็นเหมือนกับตัวอย่างภาพยนต์เลยครับ มีแอคชั่น คอมเมดี้ ตลกโป๊กฮา พร้อมยิงมุข แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องภาพของหนังเรื่องนี้
-ผลงานด้านภาพเป็นแนวที่ผมชอบมาก โดยการเล่นตลกจากเหตุการณ์ ท่าทาง สีหน้าของนักแสดง โดยไม่จำเป็นต้องพูดยิงมุขเลย (ปล.มุขยิงแป๊กๆยังมีให้เห็นบ้างในหนัง)
-ทางด้านมุขแนวนี้หากใครนึกไม่ออกจริงๆ ให้นึกถึงหนังเรื่อง HOT FUZZ (2007) ซึ่งเป็นหนังที่ผมชอบมากเช่นกัน
-มามองด้านนักแสดง ผมค่อนข้างเฉยๆมาก ไม่ได้เข้าถึงมากอย่างที่เคยรู้สึกจากเรื่องอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกอยากเอาใจช่วยเลย ไม่ว่าจะเป็นภารกิจลดน้ำหนัก หรือภารกิจจับคนร้าย
-ถ้าถามว่าใครเด่นสุด คงเป็นโอ๊ตปราโมท กับ พระเอกหุ่นหมีใส่แว่นที่ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่า จีบเทรนเนอร์สาวสุดน่ารักนั้นแหละ
-เทรนเนอร์สาว น่ารักมากกกกกกกกกกก (ในบางมุม) !!! อาจจะเป็นเพราะสเปคส่วนตัวของผมเองที่มองว่าในบางมุมมองมันไม่เหมาะกับเทรนเนอร์เองเลย ประมาณว่ามุมนี้ไม่ผ่าน !!!
-พูดถึงนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้กอง จีจ้า หรือศิลปินดับเบิ้ลแทบ ค่อนข้างจะแข็งอยู่ แต่ไม่เลวร้ายครับ ดูได้เรื่อยๆ (ความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ)
-พูดถึงฉากแอคชั่นแล้ว อารมณ์ในการสื่อค่อนข้างจะสับสน เดียวตลกบ้าง จริงจังบ้าง ไม่เทอารมณ์ไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
-ขยายความข้างบน ประมาณว่า แอคชั่นเท่ๆ มันส์ๆ อยู่ดีๆแล้วตัดไปอีกมุมนึงมันเอาความตลกมาแทรก มันทำให้อารมณ์คนดูสับสน
-เพลงประกอบ ดีเยี่ยม ไม่ใช่ว่าไร้ที่ติ แต่ฟังแล้วไม่ขัดใจ
-ฉากรถต้นเรื่อง รวมถึงฉากไล่ล่าทำได้โคตรดีงาม ไม่น่าเชื่อว่าเป็นหนังไทยทำ (เอาไปเทียบ เดอะฟาส ภาคแรกๆ ยังชนะขาดเลยครับ)
-สุดท้ายขอสรุปฝากให้เลยว่า "ใครอยากอุดหนุนหนังไทย เรื่องนี้คุ้มค่าแก่การเสียเงินมากครับ เขาตั้งใจทำมาให้เราดูจริงๆ ไม่ใช่ทำชุ่ยๆ เอาดารามาหลอกตังคนดูครับ"
ส่วนถ้าจะถามว่า 3.0 คะแนนหายไปไหน คงเป็นเพราะรสนิยมส่วนตัวชอบหนังที่เน้นการสื่อสารของตัวละคร ทำให้คนดูรู้สึกไปกับตัวละครจริงๆ ดังนั้นแนวหนังเรื่องนี้จึงไม่ถูกใจสักเท่าไร ขอเก็บคะแนนส่วนนี้ไว้นะครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอฝากแฟนเพจเรื่องราวเกี่ยวกับหนังนะครับ จะมีทั้งรีวิวหนังใหม่ที่ส่วนตัวชอบ กับเอาข้อคิด ประเด็นตัวอย่างจากหนังเก่าๆขึ้นมาเขียนด้วย
ชื่อแฟนเพจ "หนังไงจะใครล่ะ" หรือกดที่ลิงค์นี้ได้เลย
http://bit.ly/2lI5kXF
[CR] โอเวอร์ไซส์...ทลายพุง (รีวิว 7.0/10)
#แอคชั่น #ตลก
"ดูแล้วหิวมาก งานภาพดีจริงๆ รักเลย"
***เรื่องย่อ ไม่สปอย***
4 ตำรวจหุ่นหมี ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ลดน้ำหนักเพื่อปรับภาพลักษณ์ของตำรวจ โดยให้เวลาแค่ 3 เดือน ดังนั้นความฮาจึงบังเกิด เมื่อเขาทั้ง 4 คน ต้องทำภารกิจลดน้ำหนัก และตามจับคนร้ายคดีปล้นเงินไปพร้อมๆกัน
***สรุปส่วนตัว***
-โทนหนังเป็นเหมือนกับตัวอย่างภาพยนต์เลยครับ มีแอคชั่น คอมเมดี้ ตลกโป๊กฮา พร้อมยิงมุข แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องภาพของหนังเรื่องนี้
-ผลงานด้านภาพเป็นแนวที่ผมชอบมาก โดยการเล่นตลกจากเหตุการณ์ ท่าทาง สีหน้าของนักแสดง โดยไม่จำเป็นต้องพูดยิงมุขเลย (ปล.มุขยิงแป๊กๆยังมีให้เห็นบ้างในหนัง)
-ทางด้านมุขแนวนี้หากใครนึกไม่ออกจริงๆ ให้นึกถึงหนังเรื่อง HOT FUZZ (2007) ซึ่งเป็นหนังที่ผมชอบมากเช่นกัน
-มามองด้านนักแสดง ผมค่อนข้างเฉยๆมาก ไม่ได้เข้าถึงมากอย่างที่เคยรู้สึกจากเรื่องอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกอยากเอาใจช่วยเลย ไม่ว่าจะเป็นภารกิจลดน้ำหนัก หรือภารกิจจับคนร้าย
-ถ้าถามว่าใครเด่นสุด คงเป็นโอ๊ตปราโมท กับ พระเอกหุ่นหมีใส่แว่นที่ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่า จีบเทรนเนอร์สาวสุดน่ารักนั้นแหละ
-เทรนเนอร์สาว น่ารักมากกกกกกกกกกก (ในบางมุม) !!! อาจจะเป็นเพราะสเปคส่วนตัวของผมเองที่มองว่าในบางมุมมองมันไม่เหมาะกับเทรนเนอร์เองเลย ประมาณว่ามุมนี้ไม่ผ่าน !!!
-พูดถึงนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้กอง จีจ้า หรือศิลปินดับเบิ้ลแทบ ค่อนข้างจะแข็งอยู่ แต่ไม่เลวร้ายครับ ดูได้เรื่อยๆ (ความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ)
-พูดถึงฉากแอคชั่นแล้ว อารมณ์ในการสื่อค่อนข้างจะสับสน เดียวตลกบ้าง จริงจังบ้าง ไม่เทอารมณ์ไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
-ขยายความข้างบน ประมาณว่า แอคชั่นเท่ๆ มันส์ๆ อยู่ดีๆแล้วตัดไปอีกมุมนึงมันเอาความตลกมาแทรก มันทำให้อารมณ์คนดูสับสน
-เพลงประกอบ ดีเยี่ยม ไม่ใช่ว่าไร้ที่ติ แต่ฟังแล้วไม่ขัดใจ
-ฉากรถต้นเรื่อง รวมถึงฉากไล่ล่าทำได้โคตรดีงาม ไม่น่าเชื่อว่าเป็นหนังไทยทำ (เอาไปเทียบ เดอะฟาส ภาคแรกๆ ยังชนะขาดเลยครับ)
-สุดท้ายขอสรุปฝากให้เลยว่า "ใครอยากอุดหนุนหนังไทย เรื่องนี้คุ้มค่าแก่การเสียเงินมากครับ เขาตั้งใจทำมาให้เราดูจริงๆ ไม่ใช่ทำชุ่ยๆ เอาดารามาหลอกตังคนดูครับ"
ส่วนถ้าจะถามว่า 3.0 คะแนนหายไปไหน คงเป็นเพราะรสนิยมส่วนตัวชอบหนังที่เน้นการสื่อสารของตัวละคร ทำให้คนดูรู้สึกไปกับตัวละครจริงๆ ดังนั้นแนวหนังเรื่องนี้จึงไม่ถูกใจสักเท่าไร ขอเก็บคะแนนส่วนนี้ไว้นะครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอฝากแฟนเพจเรื่องราวเกี่ยวกับหนังนะครับ จะมีทั้งรีวิวหนังใหม่ที่ส่วนตัวชอบ กับเอาข้อคิด ประเด็นตัวอย่างจากหนังเก่าๆขึ้นมาเขียนด้วย
ชื่อแฟนเพจ "หนังไงจะใครล่ะ" หรือกดที่ลิงค์นี้ได้เลย http://bit.ly/2lI5kXF