นี่เป็นกระทู้ที่สองที่จขกท.ลงในพันทิปเกี่ยวกับงานอาสา ติดตามกระทู้แรกได้ที่
https://ppantip.com/topic/33161771 โอเค ขายของเรียบร้อย กลับมาเข้าเรื่องของเราต่อ 5555555
เรื่องราวของเราเริ่มต้นขึ้นในที่ที่ไกลจากจุดหมายของเรากว่าพันกิโล จขกท.มีความสนใจในเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก ทำให้รู้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กผู้หญิงแปลกหน้า ไม่มีศาสนา ไม่ใช่คนในพื้นที่ จะลงไปเป็นครูอาสาในโรงเรียนปอเนาะได้ แต่เหมือนโชคเข้าข้าง จขกท.สามารถหาช่องทางลงไปสอนอาสาได้ในที่สุด จขกท.มีความเชื่อว่าถ้าเรามีความอยากมากพอ บ้านจขกท. ใช้คำว่า"อาด" หรือ "อาดริกๆ" เราจะได้มันมา เช่นการหาเพื่อนกินบุฟเฟ่ต์โปรโมชั่นมา 4 จ่าย 3 ถ้าเราอยากกินมากพอ เราจะขวนขวายหาเพื่อนมาจนครบตามเป้าหมาย ความอยากในที่นี่เข้มข้นพอๆกับความอยากในตอนนั้นเลยทีเดียว
อัสสลามุอะลัยกุม ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนปลายด้านขวานของเรานะคะ สาวๆที่นี่หน้าเรียวกันแบบไม่ต้องเสียเวลาคอนทัวร์เลยทีเดียว จขกท.ได้มาถึงที่นี่แล้ว ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด จะกินอย่างที่คนที่นี่กิน อยู่อย่างคนที่นี่อยู่ เค้าให้ทำอะไรก็จะทำให้หมด แต่แน่นอน เมื่อไปอยู่ที่ที่แตกต่างจากเรามากๆเป็นครั้งแรก culture shock ก็ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
คนที่เกิดที่นี่จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนเชื้อชาติมลายู มีภาษา วัฒนธรรมท้องถิ่นแบบที่จะไม่หลงคิดว่าเป็นที่อื่นแน่นอน อาหารการกินที่นี่จะมีทั้งอาหารใต้ และอาหารฮาลาล จขกท.ชอบวัฒนธรรมการดื่มชาของที่นี่มาก ดื่มกันทั้งวัน ชาเย็น ชาร้อน (แตออ) ดื่มกันตลอดเวลา เที่ยงคืนตีหนึ่งก็ยังมีร้านนั่งกิน ร้านเหล้าร้านนั่งชิลนี่แทบจะหาไม่ได้ แต่การที่เราจะได้นั่งคุยหัวเราะเฮฮากับเพื่อนฝูงโดยมีสติสัมปัชชัญญะอยู่ครบ ก็ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ และดีไม่น้อยเลยสำหรับจขกท.
และนี่นนนน คือหนึ่งในอาหารที่จขกท.ได้ลองกินที่ปัตตานีเป็นครั้งแรกค่ะ นี่คือนาซิดาแฆ น้ำแกงในถุงจะเหมือนแกงมัสมั่น ผงข้างบนคือมะพร้าวคั่ว รสชาติเค็มนำ หวานๆมันๆ อร่อยอิ่ม แน่นๆดีค่ะ
อีกเมนูที่ได้กินบ่อยมากรองจากชาเย็นและโรตีก็คือข้าวปลาทอดขมิ้น คนใต้มักจะเอาปลาไปทอดกะขมิ้น หรือ ขี้มิ้น จขกท.ก็เพิ่งสังเกตว่าคนภาคอื่นเค้าไม่ค่อยทำกันแฮะ ถ้ากินกับน้ำบูดู หรือ จิ้งจัง มื้อนั้นคือฟินสุด ในราคาจานละ 20 บาทก็มี คิดดู้ววววว
พี่น้องชาวมุสลิมที่นี่มีกิจกรรมและ life style หลายๆอย่างที่จขกท.ไม่คุ้นชินนัก เช่นความศรัทธาที่แรงกล้าและการละหมาด ที่ละหมาดกันถึง 5 เวลา มีครั้งหนึ่งจขกท.ไปสระผมที่ร้าน ก๊ะ(พี่สาว) ช่งผมเป็นมุสลิม ขณะที่แกกำลังขยี้แชมพูบนหัวจขกท.อยู่เพลินๆ จู่ๆแกก็มองไปที่นาฬิกาบนฝาผนังแล้วร้องขึ้นเสียงดังมาก
"ห้า!! จะเลยเวลาแล้ว รอก๊ะแปบนึงนาเดี๋ยวก๊ะไปละหมาดก่อน มาอัฟๆๆๆ แปบนึงๆๆๆ" แล้วก๊ะ ก็รีบเดินไปละหมาดหลังร้านทันที
ก๊ะ...เอาจริงเหรอ....หัวกุล่ะ ก๊ะ!!! ก๊ะทำจริง หายจริง ผ่านไปสิบนาที ฟองบนหัวฟีบไปหมดแล้ว ก๊ะก็กลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ถ้าฟ้องสคบ.จะเป็นการขัดบุญก๊ะมั้ย มือก็จับๆผมบนหัว โอเค ยังพอมีอยู่ โอเค
อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆคนอาจเริ่มถามหาสาระ โอเค พอมีบ้าง มาเริ่มกันเลยนะคะ
โรงเรียนที่จขกท.ไปแนะแนวการศึกษาคือโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเอกชน หรือ โรงเรียนปอเนาะ ที่นี่การเรียนการสอนจะแยกชายหญิงออกจากกันอย่างสิ้นเชิง และไม่ว่าไปที่ไหนก็ตาม แม้แต่ในกรุงเทพเอง เราก็มักจะพบเจอน้องๆที่มีคำถามคลาสสิกอย่างเช่น ไม่รู้โตขึ้นจะเป็นอะไรดี แต่ที่นี่ จขกท.เจอคำถามที่มากกว่านั้น คำถามอย่างเช่น ผมจะเรียนสิ่งที่ผมอยากเรียนได้มั้ย ? ผมจะเป็นสิ่งที่ผมอยากเป็นได้จริงๆมั้ยครับ?
เราทุกคนต่างมีความฝัน และเมื่อเราโตขึ้น เราต่างรู้กันดีว่าความฝันนั้นมีราคาของมัน แต่เราเป็นใคร เป็นใครที่จะรู้ดีพอที่จะบอกน้องๆว่าน้องๆไม่มีทางจะเป็นอย่างที่น้องๆอยากเป็นได้ เราเป็นใคร ที่จะกล้าไปทำลายสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังเวลามองมาที่เราแบบนั้น
นอกจากจะมีโอกาสได้ไปแนะแนวน้องๆตามโรงเรียนปอเนาะ จขกท.ยังโชคดีได้มีโอกาสช่วยทำค่ายติวให้กับน้องๆที่นั่นด้วย ซึ่งการที่ต้องมากินนอนรวมกัน ก็เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่สนุกและน่าตื่นเต้นสำหรับจขกท. หลังจากที่เสร็จกิจกรรมตลอดทั้งวัน ขณะที่จขกท.กำลังจะเดินกลับเข้าห้องพักนั้นเอง จขกท.ก็เหลือบไปเห็นสต๊าฟค่ายนั่งกันอยู่บนทางเดินมืดๆ ท่าทางกระจุกรวมตัวกันแปลกๆ สายตาดูลอกแลก พูดคุยกันด้วยน้ำเสียงเบาๆกระซิบกระซาบ ด้วยความอยากรู้ จขกท.เลยเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ....ชัดเลย ชัด มีคนเจอผีนั่นเอง
ผี? สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวจขกท.คือความสงสัยว่าผีในสังคมมุสลิมจะเป็นยังไง จะเหมือนในละครมั้ย จะเหมือนตามต้นมะขามที่อยู่แถวสนามหลวงรึเปล่า
มีน้องสต๊าฟคนนึงเค้าเห็นผู้ชายใส่เสื้อสีขาวตัวใหญ่มายืนเกาะประตูห้องประชุม เมื่อมองดีๆ น้องจึงสังเกตเห็นว่า ผู้ชายคนนั้น ไม่มีหัว พอน้องขึ้นมาบนชั้นสองก็ยังคงเห็นชายในชุดขาวตามมาอยู่ แต่คราวนี้ไม่มีขา...
เห้ยยยยย ผีแยกส่วน ครีเอทสุด ถือว่าน่ากลัวพอได้ คืนนั้นความตั้งใจในการอาบน้ำก่อนนอนก็เป็นอันยกเลิกไป โอเค
อคติ เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของคนเรา และหนึ่งในสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด ก็คือการตัดสินใครคนหนึ่งไปก่อนที่จะรู้จักเค้าดีพอ จขกท.เองก็เช่นกัน คนที่นี่บางส่วนจะมีทัศนคติในแง่ลบกับเจ้าหน้าที่รัฐ แต่สิ่งที่จขกท.ทำก็คือ เอานายทหารชั้นสัญญาบัตรคนหนึ่ง เข้าไปในค่ายติว
นายทหารคนนั้นเล่าให้ฟังถึงวิธีสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย แชร์ประสบการณ์ต่างๆในโรงเรียน ตอบคำถามน้องๆทีเล่นทีจริง ตลอดวเลาที่อยู่ในค่าย พวกเค้าถ่ายรูป หยอกเล่น หัวเราะ แลกเปลี่ยน เมื่อจบค่ายไปจขกท.ไม่รู้เลยว่าจะมีใครสักคนในห้องที่ได้เป็นนายทหารอย่างที่อยากเป้นรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ วันนี้เด๊ะๆ(น้องๆ) ได้มีแบ(พี่ชาย) เพิ่มขึ้นมาอีกคน แบที่เป็นทหาร แบที่พร้อมให้คำปรึกษากับเด๊ะทุกเรื่อง และแบเองก็มีน้องๆที่เป็นชาวมุสลิมแล้วเหมือนกันตอนนี้... นี่คือสิ่งที่จขกท.อยากเห็น รอยต่อความแตกต่างที่ค่อยๆเจือจางลง การยอมรับตัวตนของกันและกันและอยู่ร่วมท่ามกลางพี่น้องของเรา มันสวยงาม...
ตลอดเวลาที่จขกท.อยู่ที่นี่ จขกท.ได้รับความรักความเอาใจใส่เหมือนเป็นลูกหลานของคนที่นี่ กินข้าวหม้อเดียวกัน ไว้ใจให้ใกล้ชิดลูกหลานของเค้า ช่วยจขกท.วิน(คลุม)ฮิญาบ(ผ้าคลุมผม) พวกเค้าเรียกจขกท.ว่าก๊ะ ว่าเด๊ะ ว่าลูก... ที่นี่ เป็นบ้านของจขกท.พอๆกับที่จขกท.จากมา พอๆกับที่เป็นบ้านของเราทุกคน...เตรีมอกาเซะ(ขอบคุณ)นะคะ
เวลาเกิดปัญหาขึ้นผู้ใหญ่มักจะพูดว่าไม่ใช่เรื่องของเด็กๆ แต่ทำไมเด็กๆถึงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหารุนแรงที่สุดเสมอ ถ้าคุณอยากรู้ว่าในพื้นที่ ในบ้านของเราเอง กำลังมีปัญหาอะไรอยู่ บางทีการมองผ่านกระจกสะท้อนอย่างน้องๆกลุ่มนี้อาจจะเป็นคำตอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ไม่มีศาสนาไหนสอนให้เราเกลียดชังเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่มีภาษาไหนในโลกที่ไม่มีคำว่าขอโทษ ขอบคุณ และให้อภัย แล้วอะไรที่ทำให้เราขัดแย้ง แล้วอะไรที่ทำให้ไทยกับไทยช่างแตกต่างกัน...
ที่นี่ ปลายด้ามขวานแห่งนี้เป็นบ้านของจขกท.พอๆกับที่เป็นบ้านของทุกคน ภายใต้ผ้าคลุมฮิญาบ ภายใต้ภาพข่าวและความรุนแรงที่ทาบทับห่มคลุมที่นี่ จขกท.มองเห็นความใจดีของผู้คน ความอบอุ่นในน้ำเสียงต่างภาษา ความหวังในแววตาของเด็กๆ และสันติสุขที่คนในสังคมต่างศาสนิกอยู่ร่วมกัน หวังว่ากระทู้นี้จะให้ความรู้สึกดีๆกับผู้อ่านทุกท่านนะคะ ตัวจขกท.เองอาจจะเขียนได้ไม่ดีหรือขาดความรู้ความเข้าใจในบางส่วนไป ก็ต้องขอโทษ ขอมาอัฟไว้ในที่นี้ ตักเตือนกันได้นะคะ
ขอสันติสุขจงมีแด่ทุกคนค่ะ
Review งานสอนอาสาที่ปลายด้ามขวาน ภายใต้คำถาม "เด็กไม่มีศาสนาจะอยู่ยังไงในสังคมมุสลิม"
เรื่องราวของเราเริ่มต้นขึ้นในที่ที่ไกลจากจุดหมายของเรากว่าพันกิโล จขกท.มีความสนใจในเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก ทำให้รู้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กผู้หญิงแปลกหน้า ไม่มีศาสนา ไม่ใช่คนในพื้นที่ จะลงไปเป็นครูอาสาในโรงเรียนปอเนาะได้ แต่เหมือนโชคเข้าข้าง จขกท.สามารถหาช่องทางลงไปสอนอาสาได้ในที่สุด จขกท.มีความเชื่อว่าถ้าเรามีความอยากมากพอ บ้านจขกท. ใช้คำว่า"อาด" หรือ "อาดริกๆ" เราจะได้มันมา เช่นการหาเพื่อนกินบุฟเฟ่ต์โปรโมชั่นมา 4 จ่าย 3 ถ้าเราอยากกินมากพอ เราจะขวนขวายหาเพื่อนมาจนครบตามเป้าหมาย ความอยากในที่นี่เข้มข้นพอๆกับความอยากในตอนนั้นเลยทีเดียว
อัสสลามุอะลัยกุม ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนปลายด้านขวานของเรานะคะ สาวๆที่นี่หน้าเรียวกันแบบไม่ต้องเสียเวลาคอนทัวร์เลยทีเดียว จขกท.ได้มาถึงที่นี่แล้ว ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด จะกินอย่างที่คนที่นี่กิน อยู่อย่างคนที่นี่อยู่ เค้าให้ทำอะไรก็จะทำให้หมด แต่แน่นอน เมื่อไปอยู่ที่ที่แตกต่างจากเรามากๆเป็นครั้งแรก culture shock ก็ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
คนที่เกิดที่นี่จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนเชื้อชาติมลายู มีภาษา วัฒนธรรมท้องถิ่นแบบที่จะไม่หลงคิดว่าเป็นที่อื่นแน่นอน อาหารการกินที่นี่จะมีทั้งอาหารใต้ และอาหารฮาลาล จขกท.ชอบวัฒนธรรมการดื่มชาของที่นี่มาก ดื่มกันทั้งวัน ชาเย็น ชาร้อน (แตออ) ดื่มกันตลอดเวลา เที่ยงคืนตีหนึ่งก็ยังมีร้านนั่งกิน ร้านเหล้าร้านนั่งชิลนี่แทบจะหาไม่ได้ แต่การที่เราจะได้นั่งคุยหัวเราะเฮฮากับเพื่อนฝูงโดยมีสติสัมปัชชัญญะอยู่ครบ ก็ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ และดีไม่น้อยเลยสำหรับจขกท.
และนี่นนนน คือหนึ่งในอาหารที่จขกท.ได้ลองกินที่ปัตตานีเป็นครั้งแรกค่ะ นี่คือนาซิดาแฆ น้ำแกงในถุงจะเหมือนแกงมัสมั่น ผงข้างบนคือมะพร้าวคั่ว รสชาติเค็มนำ หวานๆมันๆ อร่อยอิ่ม แน่นๆดีค่ะ
อีกเมนูที่ได้กินบ่อยมากรองจากชาเย็นและโรตีก็คือข้าวปลาทอดขมิ้น คนใต้มักจะเอาปลาไปทอดกะขมิ้น หรือ ขี้มิ้น จขกท.ก็เพิ่งสังเกตว่าคนภาคอื่นเค้าไม่ค่อยทำกันแฮะ ถ้ากินกับน้ำบูดู หรือ จิ้งจัง มื้อนั้นคือฟินสุด ในราคาจานละ 20 บาทก็มี คิดดู้ววววว
พี่น้องชาวมุสลิมที่นี่มีกิจกรรมและ life style หลายๆอย่างที่จขกท.ไม่คุ้นชินนัก เช่นความศรัทธาที่แรงกล้าและการละหมาด ที่ละหมาดกันถึง 5 เวลา มีครั้งหนึ่งจขกท.ไปสระผมที่ร้าน ก๊ะ(พี่สาว) ช่งผมเป็นมุสลิม ขณะที่แกกำลังขยี้แชมพูบนหัวจขกท.อยู่เพลินๆ จู่ๆแกก็มองไปที่นาฬิกาบนฝาผนังแล้วร้องขึ้นเสียงดังมาก
"ห้า!! จะเลยเวลาแล้ว รอก๊ะแปบนึงนาเดี๋ยวก๊ะไปละหมาดก่อน มาอัฟๆๆๆ แปบนึงๆๆๆ" แล้วก๊ะ ก็รีบเดินไปละหมาดหลังร้านทันที
ก๊ะ...เอาจริงเหรอ....หัวกุล่ะ ก๊ะ!!! ก๊ะทำจริง หายจริง ผ่านไปสิบนาที ฟองบนหัวฟีบไปหมดแล้ว ก๊ะก็กลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ถ้าฟ้องสคบ.จะเป็นการขัดบุญก๊ะมั้ย มือก็จับๆผมบนหัว โอเค ยังพอมีอยู่ โอเค
อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆคนอาจเริ่มถามหาสาระ โอเค พอมีบ้าง มาเริ่มกันเลยนะคะ
โรงเรียนที่จขกท.ไปแนะแนวการศึกษาคือโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเอกชน หรือ โรงเรียนปอเนาะ ที่นี่การเรียนการสอนจะแยกชายหญิงออกจากกันอย่างสิ้นเชิง และไม่ว่าไปที่ไหนก็ตาม แม้แต่ในกรุงเทพเอง เราก็มักจะพบเจอน้องๆที่มีคำถามคลาสสิกอย่างเช่น ไม่รู้โตขึ้นจะเป็นอะไรดี แต่ที่นี่ จขกท.เจอคำถามที่มากกว่านั้น คำถามอย่างเช่น ผมจะเรียนสิ่งที่ผมอยากเรียนได้มั้ย ? ผมจะเป็นสิ่งที่ผมอยากเป็นได้จริงๆมั้ยครับ?
เราทุกคนต่างมีความฝัน และเมื่อเราโตขึ้น เราต่างรู้กันดีว่าความฝันนั้นมีราคาของมัน แต่เราเป็นใคร เป็นใครที่จะรู้ดีพอที่จะบอกน้องๆว่าน้องๆไม่มีทางจะเป็นอย่างที่น้องๆอยากเป็นได้ เราเป็นใคร ที่จะกล้าไปทำลายสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังเวลามองมาที่เราแบบนั้น
นอกจากจะมีโอกาสได้ไปแนะแนวน้องๆตามโรงเรียนปอเนาะ จขกท.ยังโชคดีได้มีโอกาสช่วยทำค่ายติวให้กับน้องๆที่นั่นด้วย ซึ่งการที่ต้องมากินนอนรวมกัน ก็เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่สนุกและน่าตื่นเต้นสำหรับจขกท. หลังจากที่เสร็จกิจกรรมตลอดทั้งวัน ขณะที่จขกท.กำลังจะเดินกลับเข้าห้องพักนั้นเอง จขกท.ก็เหลือบไปเห็นสต๊าฟค่ายนั่งกันอยู่บนทางเดินมืดๆ ท่าทางกระจุกรวมตัวกันแปลกๆ สายตาดูลอกแลก พูดคุยกันด้วยน้ำเสียงเบาๆกระซิบกระซาบ ด้วยความอยากรู้ จขกท.เลยเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ....ชัดเลย ชัด มีคนเจอผีนั่นเอง
ผี? สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวจขกท.คือความสงสัยว่าผีในสังคมมุสลิมจะเป็นยังไง จะเหมือนในละครมั้ย จะเหมือนตามต้นมะขามที่อยู่แถวสนามหลวงรึเปล่า
มีน้องสต๊าฟคนนึงเค้าเห็นผู้ชายใส่เสื้อสีขาวตัวใหญ่มายืนเกาะประตูห้องประชุม เมื่อมองดีๆ น้องจึงสังเกตเห็นว่า ผู้ชายคนนั้น ไม่มีหัว พอน้องขึ้นมาบนชั้นสองก็ยังคงเห็นชายในชุดขาวตามมาอยู่ แต่คราวนี้ไม่มีขา...
เห้ยยยยย ผีแยกส่วน ครีเอทสุด ถือว่าน่ากลัวพอได้ คืนนั้นความตั้งใจในการอาบน้ำก่อนนอนก็เป็นอันยกเลิกไป โอเค
อคติ เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของคนเรา และหนึ่งในสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด ก็คือการตัดสินใครคนหนึ่งไปก่อนที่จะรู้จักเค้าดีพอ จขกท.เองก็เช่นกัน คนที่นี่บางส่วนจะมีทัศนคติในแง่ลบกับเจ้าหน้าที่รัฐ แต่สิ่งที่จขกท.ทำก็คือ เอานายทหารชั้นสัญญาบัตรคนหนึ่ง เข้าไปในค่ายติว
นายทหารคนนั้นเล่าให้ฟังถึงวิธีสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย แชร์ประสบการณ์ต่างๆในโรงเรียน ตอบคำถามน้องๆทีเล่นทีจริง ตลอดวเลาที่อยู่ในค่าย พวกเค้าถ่ายรูป หยอกเล่น หัวเราะ แลกเปลี่ยน เมื่อจบค่ายไปจขกท.ไม่รู้เลยว่าจะมีใครสักคนในห้องที่ได้เป็นนายทหารอย่างที่อยากเป้นรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ วันนี้เด๊ะๆ(น้องๆ) ได้มีแบ(พี่ชาย) เพิ่มขึ้นมาอีกคน แบที่เป็นทหาร แบที่พร้อมให้คำปรึกษากับเด๊ะทุกเรื่อง และแบเองก็มีน้องๆที่เป็นชาวมุสลิมแล้วเหมือนกันตอนนี้... นี่คือสิ่งที่จขกท.อยากเห็น รอยต่อความแตกต่างที่ค่อยๆเจือจางลง การยอมรับตัวตนของกันและกันและอยู่ร่วมท่ามกลางพี่น้องของเรา มันสวยงาม...
ตลอดเวลาที่จขกท.อยู่ที่นี่ จขกท.ได้รับความรักความเอาใจใส่เหมือนเป็นลูกหลานของคนที่นี่ กินข้าวหม้อเดียวกัน ไว้ใจให้ใกล้ชิดลูกหลานของเค้า ช่วยจขกท.วิน(คลุม)ฮิญาบ(ผ้าคลุมผม) พวกเค้าเรียกจขกท.ว่าก๊ะ ว่าเด๊ะ ว่าลูก... ที่นี่ เป็นบ้านของจขกท.พอๆกับที่จขกท.จากมา พอๆกับที่เป็นบ้านของเราทุกคน...เตรีมอกาเซะ(ขอบคุณ)นะคะ
เวลาเกิดปัญหาขึ้นผู้ใหญ่มักจะพูดว่าไม่ใช่เรื่องของเด็กๆ แต่ทำไมเด็กๆถึงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหารุนแรงที่สุดเสมอ ถ้าคุณอยากรู้ว่าในพื้นที่ ในบ้านของเราเอง กำลังมีปัญหาอะไรอยู่ บางทีการมองผ่านกระจกสะท้อนอย่างน้องๆกลุ่มนี้อาจจะเป็นคำตอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ไม่มีศาสนาไหนสอนให้เราเกลียดชังเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่มีภาษาไหนในโลกที่ไม่มีคำว่าขอโทษ ขอบคุณ และให้อภัย แล้วอะไรที่ทำให้เราขัดแย้ง แล้วอะไรที่ทำให้ไทยกับไทยช่างแตกต่างกัน...
ที่นี่ ปลายด้ามขวานแห่งนี้เป็นบ้านของจขกท.พอๆกับที่เป็นบ้านของทุกคน ภายใต้ผ้าคลุมฮิญาบ ภายใต้ภาพข่าวและความรุนแรงที่ทาบทับห่มคลุมที่นี่ จขกท.มองเห็นความใจดีของผู้คน ความอบอุ่นในน้ำเสียงต่างภาษา ความหวังในแววตาของเด็กๆ และสันติสุขที่คนในสังคมต่างศาสนิกอยู่ร่วมกัน หวังว่ากระทู้นี้จะให้ความรู้สึกดีๆกับผู้อ่านทุกท่านนะคะ ตัวจขกท.เองอาจจะเขียนได้ไม่ดีหรือขาดความรู้ความเข้าใจในบางส่วนไป ก็ต้องขอโทษ ขอมาอัฟไว้ในที่นี้ ตักเตือนกันได้นะคะ
ขอสันติสุขจงมีแด่ทุกคนค่ะ