หลังจากเกิดดราม่ากันมากๆ สำหรับรายการ The Mask Singer ในวันที่หาผู้ชนะเลิศระหว่าง หน้ากากทุเรียน และหน้ากากอีกาดำ ผมเกิดคำตามขึ้นมาว่า รายการนี้ต้องการใช้ดราม่าเพื่อขับดันเรตติ้งใช่หรือไม่ เพื่อตอบคำถามดังกล่าวนี้ ผมก็พยายามย้อนรอยดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเน้นไปที่
http://www.ppantip.com แจมด้วยข่าวจากเว็บไซต์อื่นๆ
ทั้งนี้ผมจะย้อนกลับไปให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาดราม่าต่อไปนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ social media เพื่อสร้างกระแส ทั้งนี้ขอไม่เรียงตามลำดับเวลา คือเจอกรณีไหนก็เอามาเล่าสู่กันฟัง
(1) กรณีเสนาหอยพูดล้อเลียนครอบครัวของตั๊ก ศิริพร มาด้วยหน้ากากเจ้าหญิง ด้วยคำพูดต่อไปนี้
“สามีคุณเพิ่งไปผ่าตัด กระดูกทับเส้นประสาท กำลังจะตายใช่มั้ยครับ ”
“คุณมีลูกเป็นผู้ชาย แต่กำลังจะเป็นตุ๊ด ใช่มั้ยครับ”
“ฟังจากสำเนียงน่าจะบ้านนอกๆ”
“ไม่เป็นไร รับจ๊อบเพิ่มเก็บเงินไว้ … แปลงเพศให้ลูก”
ทำให้เกิดกระแสว่าเสนาหอย ใช้คำพูดที่แรวจนเกินไป โดยเฉพาะคำพูดที่เกี่ยวกับลูกของตั๊ก

(2) กรณีใบเฟริ์น พัสกร ถามสุนารี ราชสีมา ซึ่งเป็นหน้ากากแม่มด ด้วยคำว่า “คุณเคยไถนาไหมคะ” เท่านี้ก็เป็นกระแสให้หลายๆ คนรู้สึกอยากจะด่าใบเฟริ์นแล้ว นอกจากนี้ยังโดนดราม่าเรื่องการพูดที่ดูเหมือนจะแรง และใช้คำหยาบ
(3) กรณีหน้ากากจิ้งโจ ที่ก่อนเปิดหน้ากาก มีคนชมและชื่นชอบในน้ำเสียงอย่างมากมาย แต่พอเปิดหน้ากากออกมาเป็น เป๊ก ผลิตโชค คำด่าก็ตามมาไม่ว่าจะเป็นการพูดสไตส์ไม่ชัด หน้าตาที่ผ่านศัลยกรรม รวมไปถึงเรื่องเพศสภาพของเป๊กเอง จนทำให้เป๊กต้องออกมาโพสต์อินสตราแกรมด้วยข้อความต่อไปนี้ ที่เติมดราม่าเข้าไปให้หนักขึ้น
“ช่างพูด ช่างอ่อย จีบผมหน่อยผมโสด อะแอร๊!! วันนี้จิงโจ้ไม่ชนะก็ไม่เสียใจเลย มาไกลแค่นี้ผมก็ภูมิใจแล้วครับ ต้องยอมรับว่าทุเรียนเค้าเก่งจิงๆ และผลิตก็ทำเต็มที่แล้วครับ ชื่นชมความสามารถของหน้ากากทุเรียนมาก รอดูอยู่ว่า คุณจะเป็นใครและหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกันครับ
แล้ววันนี้ ก็ถึงเวลาสักทีนะ ที่ผลิตจะได้มีโอกาสออกมากล่าว “ขอบคุณ” หลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตช่วงที่ผ่านมาเร็วๆนี้ ผมก็อยากจะขอบคุณ Workpoit ทั้งทีมงานและผู้ใหญ่ทุกๆท่าน ที่เชิญผมมาร่วมในรายการนี้ครับ
และที่สำคัญผลิตได้มีโอกาสร้องเพลงให้ทุกคนฟังอีกครั้ง  ขอบคุณ หน้ากากจิงโจ้เพื่อนรักด้วยนะ ที่ช่วยเราไว้ ช่วยปิดบังอคติ ของข่าวและสังคม ที่ยัดเยียดใส่ให้ผมมาตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา จนคนมองข้ามผมไป และไม่เห็นตัวตนที่แท้จิงของผมเป็นยังไง
หน้ากากจิงโจ้เพื่อนรัก ช่วยทำให้หลายๆคนได้ “ฟัง” เสียงเพลงที่ผมอยากจะร้องให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้ง…”
เท่านี้คนเห็นใจ เป๊ก ผลิตโชค กันทั้งประเทศ ทำให้คนอยากดู The Mask Singer เพิ่มมากขึ้น

(4) หรือการเปิดหน้ากากโพนี่ ก็เป็นดราม่า เช่นกัน คือ เจ้าของหน้ากาก คือ น้องแปม ไกอา แต่ตอนเปิดหน้ากากออกมา คนก็ยังงงเพราะไม่รู้ว่าใคร จนเกิดเป็นกระแสบนเว็บบอร์ดถามถึงการเชิญแปมมาใส่หน้ากาก เพราะเธอเป็นนักร้องในสังกัดของเวิร์คพอยท์ นั่นเอง ทำให้หลายๆคนกลับไปดูผลงานของไกอาบนยูทูปต่อ
(5) กรณีบุ๋ม ปนัดดา ในนามของหน้ากากมังกร ได้ไลฟ์สดเปิดใจพร้อมพูดคุยกับแฟนคลับ แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่เป็นประเด็นดราม่า เมื่อสาวบุ๋ม บอกเล่าทั้งน้ำตาว่า ทางรายการ The Mask Singer กำลังจะมีคอนเสิร์ตของเหล่าหน้ากากในรายการกัน มีทุกคน แต่ไม่มีหน้ากากมังกร โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีคิว ทั้งที่ตัวเธอเคลียร์คิวให้แล้ว ทำเอาเจ้าตัวเสียใจมาก ๆ
(6) มาดูดราม่าในวันจัดสด ซึ่งแสดงดราม่าออกมาในหลายๆ จุด เช่น การเชิญแตงโมมาเป็นกรรมการ แต่ไม่เปิดโอกาสให้ถาม จนเกิดความสงสารแตงโมและด่ารายการกลับไป หรืออยากกรณีให้แชมป์รอรองแชมป์ให้สัมภาษณ์นาน และไม่มีเก้าอี้ให้แชมป์นั่งรอ จนถึงกับนั่งบนพื้น นอกจากนี้การลอกคนดูจากพิธีกร ว่าจะมีการเปิดหน้ากากทุเรียนหลังข่าวจบ ปรากฏว่าไม่มี สิ่งเหล่านี้ก่อกระแสให้ร้อนขึ้นเป็นหมื่นฟาเรนไฮต์ จนบนโซเชียลมีเดียวิพากย์วิจารณ์กันอย่างมากมาย แต่นั่นทำให้เรตติ้งดูจะยิ่งพุ่งกระฉูด
(7) ดราม่าต่อมา คือ ใบเฟิร์น-พัสกร ออกมาตัดพ้อในอินสตราแกรมของเธอเอง ในเรื่องการที่ให้ตนเองเป็นกรรมการในวันจัดสด และบอกว่าจะไม่ได้เห็นเธอเป็นกรรมการ รายการนี้อีก หลังมีเสียงต่อว่าเธอตามเว็บไซต์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก อีกทั้งเธอบอกถึงสาเหตุในการทำให้เกิดดราม่าตามข้อ 6 ทำให้กระแสหลากยาวให้พูดถึงนานขึ่น

(8) ดราม่าเรื่องกรรมการ กรรมการหลายๆ คนถูกต่อว่า เช่น แอร์ หนูเล็ก โวยวายเกินไป เสนาหอย ไม่ชอบที่ถามตั๊กอย่างที่เล่ามาข้งต้น ดี้ นิ่งเกินไป รายการไม่สนุก ครูอ้วน เวิ่นเว้นเกินไป ตั๊กใช้คำหยาบ เปลืองไปหน่อย สิ่งเหล่านี้แม้ดูจะเป็นคำวิจารณ์ของแฟนๆ แต่ก็เป็นตัวที่เร่งให้ The Mask Singer เป็นเรื่องที่พูดถึง
(9) นอกจากเรื่องดราม่าตามเวปบอร์ดต่างๆ แล้ว ยังมีหลายๆ สำนักข่าวที่เขียนเรื่องดราม่าของ The Mask Singer เป็นข่าวใหญ่อีกด้วย สิ่งนี้เป็นตัวเร่งความดราม่าให้ทะลุจุดเดือด เมื่อรายการฮิตฮอตขนาดนี้ ก็ทำให้สำนักข่าวต่างๆ เอาเรื่องราวของรายการไปเขียนอยู่เสมอ
ที่ผมยกตัวอย่างของดราม่ารายการนี้มา เพื่อบอกว่า รายการนี้เขาน่าจะกำหนดการทำให้เกิดเรื่องราวขึ้นมาในทุกๆ สัปดาห์ ให้คนได้พูดถึง เมื่อมีคนพูดถึงกันมากๆ ทำให้เกิดการอยากจะดู แล้วก็ไปหาดูกันทางยูทูป หรือดูจากการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ จนทำให้เรตติ้งของรายการเอาชนะเรตติ่งละควรของทั้งช่อง 7 และ 3 ได้ ถือเป็นการทำการตลาดที่สุดยอดที่น่าจดจำจริงๆ
The Mask Singer ใช้ดราม่าผ่าน Social Media ดันเรตติ้ง
ทั้งนี้ผมจะย้อนกลับไปให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาดราม่าต่อไปนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ social media เพื่อสร้างกระแส ทั้งนี้ขอไม่เรียงตามลำดับเวลา คือเจอกรณีไหนก็เอามาเล่าสู่กันฟัง
(1) กรณีเสนาหอยพูดล้อเลียนครอบครัวของตั๊ก ศิริพร มาด้วยหน้ากากเจ้าหญิง ด้วยคำพูดต่อไปนี้
“สามีคุณเพิ่งไปผ่าตัด กระดูกทับเส้นประสาท กำลังจะตายใช่มั้ยครับ ”
“คุณมีลูกเป็นผู้ชาย แต่กำลังจะเป็นตุ๊ด ใช่มั้ยครับ”
“ฟังจากสำเนียงน่าจะบ้านนอกๆ”
“ไม่เป็นไร รับจ๊อบเพิ่มเก็บเงินไว้ … แปลงเพศให้ลูก”
ทำให้เกิดกระแสว่าเสนาหอย ใช้คำพูดที่แรวจนเกินไป โดยเฉพาะคำพูดที่เกี่ยวกับลูกของตั๊ก

(2) กรณีใบเฟริ์น พัสกร ถามสุนารี ราชสีมา ซึ่งเป็นหน้ากากแม่มด ด้วยคำว่า “คุณเคยไถนาไหมคะ” เท่านี้ก็เป็นกระแสให้หลายๆ คนรู้สึกอยากจะด่าใบเฟริ์นแล้ว นอกจากนี้ยังโดนดราม่าเรื่องการพูดที่ดูเหมือนจะแรง และใช้คำหยาบ
(3) กรณีหน้ากากจิ้งโจ ที่ก่อนเปิดหน้ากาก มีคนชมและชื่นชอบในน้ำเสียงอย่างมากมาย แต่พอเปิดหน้ากากออกมาเป็น เป๊ก ผลิตโชค คำด่าก็ตามมาไม่ว่าจะเป็นการพูดสไตส์ไม่ชัด หน้าตาที่ผ่านศัลยกรรม รวมไปถึงเรื่องเพศสภาพของเป๊กเอง จนทำให้เป๊กต้องออกมาโพสต์อินสตราแกรมด้วยข้อความต่อไปนี้ ที่เติมดราม่าเข้าไปให้หนักขึ้น
“ช่างพูด ช่างอ่อย จีบผมหน่อยผมโสด อะแอร๊!! วันนี้จิงโจ้ไม่ชนะก็ไม่เสียใจเลย มาไกลแค่นี้ผมก็ภูมิใจแล้วครับ ต้องยอมรับว่าทุเรียนเค้าเก่งจิงๆ และผลิตก็ทำเต็มที่แล้วครับ ชื่นชมความสามารถของหน้ากากทุเรียนมาก รอดูอยู่ว่า คุณจะเป็นใครและหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกันครับ
แล้ววันนี้ ก็ถึงเวลาสักทีนะ ที่ผลิตจะได้มีโอกาสออกมากล่าว “ขอบคุณ” หลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตช่วงที่ผ่านมาเร็วๆนี้ ผมก็อยากจะขอบคุณ Workpoit ทั้งทีมงานและผู้ใหญ่ทุกๆท่าน ที่เชิญผมมาร่วมในรายการนี้ครับ
และที่สำคัญผลิตได้มีโอกาสร้องเพลงให้ทุกคนฟังอีกครั้ง  ขอบคุณ หน้ากากจิงโจ้เพื่อนรักด้วยนะ ที่ช่วยเราไว้ ช่วยปิดบังอคติ ของข่าวและสังคม ที่ยัดเยียดใส่ให้ผมมาตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา จนคนมองข้ามผมไป และไม่เห็นตัวตนที่แท้จิงของผมเป็นยังไง
หน้ากากจิงโจ้เพื่อนรัก ช่วยทำให้หลายๆคนได้ “ฟัง” เสียงเพลงที่ผมอยากจะร้องให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้ง…”
เท่านี้คนเห็นใจ เป๊ก ผลิตโชค กันทั้งประเทศ ทำให้คนอยากดู The Mask Singer เพิ่มมากขึ้น

(4) หรือการเปิดหน้ากากโพนี่ ก็เป็นดราม่า เช่นกัน คือ เจ้าของหน้ากาก คือ น้องแปม ไกอา แต่ตอนเปิดหน้ากากออกมา คนก็ยังงงเพราะไม่รู้ว่าใคร จนเกิดเป็นกระแสบนเว็บบอร์ดถามถึงการเชิญแปมมาใส่หน้ากาก เพราะเธอเป็นนักร้องในสังกัดของเวิร์คพอยท์ นั่นเอง ทำให้หลายๆคนกลับไปดูผลงานของไกอาบนยูทูปต่อ
(5) กรณีบุ๋ม ปนัดดา ในนามของหน้ากากมังกร ได้ไลฟ์สดเปิดใจพร้อมพูดคุยกับแฟนคลับ แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่เป็นประเด็นดราม่า เมื่อสาวบุ๋ม บอกเล่าทั้งน้ำตาว่า ทางรายการ The Mask Singer กำลังจะมีคอนเสิร์ตของเหล่าหน้ากากในรายการกัน มีทุกคน แต่ไม่มีหน้ากากมังกร โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีคิว ทั้งที่ตัวเธอเคลียร์คิวให้แล้ว ทำเอาเจ้าตัวเสียใจมาก ๆ
(6) มาดูดราม่าในวันจัดสด ซึ่งแสดงดราม่าออกมาในหลายๆ จุด เช่น การเชิญแตงโมมาเป็นกรรมการ แต่ไม่เปิดโอกาสให้ถาม จนเกิดความสงสารแตงโมและด่ารายการกลับไป หรืออยากกรณีให้แชมป์รอรองแชมป์ให้สัมภาษณ์นาน และไม่มีเก้าอี้ให้แชมป์นั่งรอ จนถึงกับนั่งบนพื้น นอกจากนี้การลอกคนดูจากพิธีกร ว่าจะมีการเปิดหน้ากากทุเรียนหลังข่าวจบ ปรากฏว่าไม่มี สิ่งเหล่านี้ก่อกระแสให้ร้อนขึ้นเป็นหมื่นฟาเรนไฮต์ จนบนโซเชียลมีเดียวิพากย์วิจารณ์กันอย่างมากมาย แต่นั่นทำให้เรตติ้งดูจะยิ่งพุ่งกระฉูด
(7) ดราม่าต่อมา คือ ใบเฟิร์น-พัสกร ออกมาตัดพ้อในอินสตราแกรมของเธอเอง ในเรื่องการที่ให้ตนเองเป็นกรรมการในวันจัดสด และบอกว่าจะไม่ได้เห็นเธอเป็นกรรมการ รายการนี้อีก หลังมีเสียงต่อว่าเธอตามเว็บไซต์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก อีกทั้งเธอบอกถึงสาเหตุในการทำให้เกิดดราม่าตามข้อ 6 ทำให้กระแสหลากยาวให้พูดถึงนานขึ่น

(8) ดราม่าเรื่องกรรมการ กรรมการหลายๆ คนถูกต่อว่า เช่น แอร์ หนูเล็ก โวยวายเกินไป เสนาหอย ไม่ชอบที่ถามตั๊กอย่างที่เล่ามาข้งต้น ดี้ นิ่งเกินไป รายการไม่สนุก ครูอ้วน เวิ่นเว้นเกินไป ตั๊กใช้คำหยาบ เปลืองไปหน่อย สิ่งเหล่านี้แม้ดูจะเป็นคำวิจารณ์ของแฟนๆ แต่ก็เป็นตัวที่เร่งให้ The Mask Singer เป็นเรื่องที่พูดถึง
(9) นอกจากเรื่องดราม่าตามเวปบอร์ดต่างๆ แล้ว ยังมีหลายๆ สำนักข่าวที่เขียนเรื่องดราม่าของ The Mask Singer เป็นข่าวใหญ่อีกด้วย สิ่งนี้เป็นตัวเร่งความดราม่าให้ทะลุจุดเดือด เมื่อรายการฮิตฮอตขนาดนี้ ก็ทำให้สำนักข่าวต่างๆ เอาเรื่องราวของรายการไปเขียนอยู่เสมอ
ที่ผมยกตัวอย่างของดราม่ารายการนี้มา เพื่อบอกว่า รายการนี้เขาน่าจะกำหนดการทำให้เกิดเรื่องราวขึ้นมาในทุกๆ สัปดาห์ ให้คนได้พูดถึง เมื่อมีคนพูดถึงกันมากๆ ทำให้เกิดการอยากจะดู แล้วก็ไปหาดูกันทางยูทูป หรือดูจากการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ จนทำให้เรตติ้งของรายการเอาชนะเรตติ่งละควรของทั้งช่อง 7 และ 3 ได้ ถือเป็นการทำการตลาดที่สุดยอดที่น่าจดจำจริงๆ