บ่อยครั้งที่ผมจะหาเวลาออกต่างจังหวัด ไปหาที่เงียบๆ เดินเล่น ถ่ายรูปเพื่อพักผ่อน แต่ครั้งนี้ขอฉีกแนว มาหาความสุขใจกลางเมืองหลวงดูบ้าง มันก็ได้อีกความรู้สึกหนึ่งจริงๆ ครับ
เมื่อสองปีก่อนผมมีโอกาสได้เข้าพักที่ Double Tree By Hilton Sukhumvit ซึ่งเป็นแบรนด์น้องของ Hilton Sukhumvit มาแล้วครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้ผมมีโอกาสได้เข้าพักที่ Hilton Sukhumvit Bangkok ซึ่งทำเลที่ตั้งผมว่าดีมากๆ ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งธุรกิจ แวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า และยังอยู่ใกล้พื้นที่สีเขียวของอุทยานเบญจสิริด้วยครับ
Hilton Sukhumvit Bangkok ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 เดินทางไม่ยาก ถ้าไม่อยากปวดหัวกับสภาพการจราจร สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ ออกทางออกที่ 4 ลงบันไดมา ก็จะเจอซอยสุขุมวิท 24 เลย เดินเข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร ก็จะพบโรงแรมอยู่ทางซ้ายมือครับ
เห็นป้ายแบบนี้ แปลว่ามาถึงแล้ว ด้านนอกโรงแรมมองเห็นกำแพงต้นไม้สีเขียวขนานยาวไปกับตัวโรงแรม ดูแล้วสดชื่นเลยทีเดียวครับ
เปิดประตูเข้ามาด้านใน มองเห็นโถงกว้าง ด้านซ้ายมือเป็นมุม Concierge แต่ที่เตะตาผมที่สุดเห็นจะเป็นรูปปั้นชายหญิงหุ่นอวบอั๋น รอต้อนรับอยู่ครับ
รูปปั้นชายหญิงคู่นี้ ถือเป็นพระเอก นางเอก ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่องของ Hilton Sukhumvit Bangkok ครับ
“เจย์” หนุ่มอิตาลี ที่เติบโตในอเมริกามาตั้งแต่เด็กๆ เขาชอบค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ และตัดสินใจที่จะสำรวจทวีปเอเซีย โดยเลือกประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้น
“เดซี่” นักสังคมสงเคราะห์สาวชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งยังไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลย เธอต้องการทิ้งชีวิตที่วุ่นวายในนิวยอร์ก เลยตัดสินใจพาเจ้า “มะลิ” สุนัขคู่ใจ มาเริ่มชีวิตใหม่ที่ประเทศไทย
คุณเจย์ และ คุณเดซี่ มีโอกาสพบกันครั้งแรก เมื่อเจ้ามะลิเห่าขึ้นที่ Lobby คุณเจย์พยายามมองหาต้นเสียงเห่านั้น เขาจึงได้พบเจอกับคุณเดซี่ และจุดนี้เองทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน
บริเวณ Lobby ค่อนข้างกว้างขวาง ดูสบายตา มีที่ให้แขกได้นั่งพักผ่อน ระหว่างรอ check in/check out ครับ
มี Welcome drink เป็นน้ำส้ม อยู่บริเวณ Lobby ครับ
พื้นที่ให้แขกได้นั่งพักผ่อนค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว เก้าอี้หลากหลายสีสัน เพิ่มความสดใสให้กับพื้นที่ในส่วนนี้ได้ดีเลยทีเดียว
มุมนี้สำหรับให้แขกได้ซื้อของที่ระลึก รวมถึงเบเกอรี่ติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน ด้านข้างยังมีตู้ ATM ให้ด้วยครับ
เราสามารถพบเจอคุณเจย์และคุณเดซี่ได้โดยรอบของโรงแรมครับ
ในการเข้าพักครั้งนี้ ผมเข้าพักห้อง Executive King Bed แขกที่เข้าพักแบบ Executive จะ Check in ที่ Executive Lounge ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 4 โดยเมื่อเราเดินมา Check in ที่ Lobby ชั้น 1 จะมีเจ้าหน้าที่พาขึ้นไปยัง Executive Lounge ครับ
การตกแต่งภายในโรงแรม ดูหรูหรา แฝงด้วยความเก๋ สามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมจริงๆ ครับ
ด้านหน้าลิฟต์มีป้ายแนะนำว่าโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวก อยู่ที่ชั้นใดบ้าง
สำหรับการขึ้นลงลิฟต์ ต้องนำ Key card สัมผัสที่ตัวอ่านด้านในลิฟต์ ถึงจะกดหมายเลขชั้นได้ครับ
[SR] ตักความสุข เติมความสบาย ให้กับการพักผ่อน ที่ Hilton Sukhumvit Bangkok
บ่อยครั้งที่ผมจะหาเวลาออกต่างจังหวัด ไปหาที่เงียบๆ เดินเล่น ถ่ายรูปเพื่อพักผ่อน แต่ครั้งนี้ขอฉีกแนว มาหาความสุขใจกลางเมืองหลวงดูบ้าง มันก็ได้อีกความรู้สึกหนึ่งจริงๆ ครับ
เมื่อสองปีก่อนผมมีโอกาสได้เข้าพักที่ Double Tree By Hilton Sukhumvit ซึ่งเป็นแบรนด์น้องของ Hilton Sukhumvit มาแล้วครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้ผมมีโอกาสได้เข้าพักที่ Hilton Sukhumvit Bangkok ซึ่งทำเลที่ตั้งผมว่าดีมากๆ ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งธุรกิจ แวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า และยังอยู่ใกล้พื้นที่สีเขียวของอุทยานเบญจสิริด้วยครับ
Hilton Sukhumvit Bangkok ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 เดินทางไม่ยาก ถ้าไม่อยากปวดหัวกับสภาพการจราจร สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ ออกทางออกที่ 4 ลงบันไดมา ก็จะเจอซอยสุขุมวิท 24 เลย เดินเข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร ก็จะพบโรงแรมอยู่ทางซ้ายมือครับ
เห็นป้ายแบบนี้ แปลว่ามาถึงแล้ว ด้านนอกโรงแรมมองเห็นกำแพงต้นไม้สีเขียวขนานยาวไปกับตัวโรงแรม ดูแล้วสดชื่นเลยทีเดียวครับ
เปิดประตูเข้ามาด้านใน มองเห็นโถงกว้าง ด้านซ้ายมือเป็นมุม Concierge แต่ที่เตะตาผมที่สุดเห็นจะเป็นรูปปั้นชายหญิงหุ่นอวบอั๋น รอต้อนรับอยู่ครับ
รูปปั้นชายหญิงคู่นี้ ถือเป็นพระเอก นางเอก ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่องของ Hilton Sukhumvit Bangkok ครับ
“เจย์” หนุ่มอิตาลี ที่เติบโตในอเมริกามาตั้งแต่เด็กๆ เขาชอบค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ และตัดสินใจที่จะสำรวจทวีปเอเซีย โดยเลือกประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้น
“เดซี่” นักสังคมสงเคราะห์สาวชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งยังไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลย เธอต้องการทิ้งชีวิตที่วุ่นวายในนิวยอร์ก เลยตัดสินใจพาเจ้า “มะลิ” สุนัขคู่ใจ มาเริ่มชีวิตใหม่ที่ประเทศไทย
คุณเจย์ และ คุณเดซี่ มีโอกาสพบกันครั้งแรก เมื่อเจ้ามะลิเห่าขึ้นที่ Lobby คุณเจย์พยายามมองหาต้นเสียงเห่านั้น เขาจึงได้พบเจอกับคุณเดซี่ และจุดนี้เองทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน
บริเวณ Lobby ค่อนข้างกว้างขวาง ดูสบายตา มีที่ให้แขกได้นั่งพักผ่อน ระหว่างรอ check in/check out ครับ
มี Welcome drink เป็นน้ำส้ม อยู่บริเวณ Lobby ครับ
พื้นที่ให้แขกได้นั่งพักผ่อนค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว เก้าอี้หลากหลายสีสัน เพิ่มความสดใสให้กับพื้นที่ในส่วนนี้ได้ดีเลยทีเดียว
มุมนี้สำหรับให้แขกได้ซื้อของที่ระลึก รวมถึงเบเกอรี่ติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน ด้านข้างยังมีตู้ ATM ให้ด้วยครับ
เราสามารถพบเจอคุณเจย์และคุณเดซี่ได้โดยรอบของโรงแรมครับ
ในการเข้าพักครั้งนี้ ผมเข้าพักห้อง Executive King Bed แขกที่เข้าพักแบบ Executive จะ Check in ที่ Executive Lounge ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 4 โดยเมื่อเราเดินมา Check in ที่ Lobby ชั้น 1 จะมีเจ้าหน้าที่พาขึ้นไปยัง Executive Lounge ครับ
การตกแต่งภายในโรงแรม ดูหรูหรา แฝงด้วยความเก๋ สามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมจริงๆ ครับ
ด้านหน้าลิฟต์มีป้ายแนะนำว่าโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวก อยู่ที่ชั้นใดบ้าง
สำหรับการขึ้นลงลิฟต์ ต้องนำ Key card สัมผัสที่ตัวอ่านด้านในลิฟต์ ถึงจะกดหมายเลขชั้นได้ครับ