จากหัวกระทู้เลยนะ จากดราม่าเรื่องไม่จำเป็นต้องเรียนครูแต่สามารถสอบครูผู้ช่วยได้จึงอยากขอเสนอความเห็นและสอบถามความเห็นจากคนอื่นๆด้วย
ขอออกตัวก่อนเราไม่ได้เรียนครูแต่คิดว่าจะมาอยู่ในวงการการศึกษานี่แหล่ะ พอดีเราชอบสอน
เราคิดมาเสมอว่าคนที่จะเป็นครูสอนคนได้ ต้องพร้อมทั้งองค์ความและรู้จิตวิทยาการสอน โดยแตกต่างกันออกไปในแต่ละระดับชั้น อนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย จากประสบการณ์ที่อยู่ในระบบการศึกษาไทยตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัยระบบยังไม่พร้อมสำหรับให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ได้สมวัยซึ่งในแต่ละวิชานั้นควรมุ่งเน้นในเรื่องการนำความรู้ไปใช้ได้จริง ที่ชัดเจนคือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ นักเรียนส่วนใหญ่ (คิดว่า) รวมทั้งตัวเราเอง
ถ้าพูดระดับประถมถึงมัธยมต้นเราเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียนภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ไปใช้ทำอะไร ในหัวก็แค่เรียนเพื่อให้ได้เกรดดีๆ สวยๆจะได้มีที่เรียนต่อ พ่อแม่ภูมิใจ (เรียนเพื่อเกรดว่างั้น) จนเราก็ทำได้อย่างที่คิดได้เกรดสูงๆแต่สุดท้ายก็ลืมหลังจากสอบเสร็จ จนเข้ามหาวิทยาลัยรูปแบบการเรียนการสอนแตกต่างจากประถมและมัธยม เน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเองสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาเอง ฝึกการคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบผ่านวิชาโปรเจคซึ่งเรารู้สึกชอบมาสำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัยเหมือนกับได้ใช้ความคิดอย่างเสรี แต่สุดท้ายก็ยังถามตัวเองอยู่เรื่อยๆว่าทำไมเราต้องเรียนวิชานี้ด้วยจบไปแล้วไม่เห็นจะได้ใช้หนิ สอบเสร็จแล้วทิ้งแล้วลืม รวมทั้งในมหาวิทยาลัยก็ยังเรียนภาษาอังกฤษอยู่แต่สุดท้ายเด็กส่วนใหญ่ก็ยังใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้รวมไปถึงวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่ในเนื้อหาตั้งแต่ประถมถึงมหาวิทยาลัยมีการสอดแทรกการฝึกกระบวนการคิด การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เด็กในระดับมหาวิทยาลัยก็เหมือนยังนำความรู้ที่สะสมมาตั้งแต่ประถมมาใช้ไม่ได้ อันนี้มาจากประสบการณ์การทำงานกลุ่มที่ต้องมีการวางแผน อภิปราย สรุปผล นำเสนอ บลาๆ เราก็ยังรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีได้พอ ตอนนี้เราใกล้จะจบปีสี่ เราก็ยังคิดเสมอว่าที่เรียนมา นี่เรียนบางวิชามาทำไมเอาไปใช้อะไรได้ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณการเรียนในมหาวิทยาลัยที่พอจะชี้ให้เห็นว่าที่เรียนมาพอเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้างโดยเฉพาะจากการเรียนวิชาโปรเจค
จริงตอนนี้ก็รู้ตัวเองแล้วแหล่ะว่าจะใช้ความรู้ที่ได้มาไปทำอาชีพอะไร
เอาหล่ะ เราพูดถึงปัญหาที่เราเจอมาตั้งแต่ประถมถึงมัธยมจนมาแก้ได้บ้างก่อนจะจบมหาวิทยาลัยอาจจะไม่สุภาพก็ต้องขออภัยด้วยนะ
มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวกับข่องกับการเรียนการสอนความเห้นส่วนตัวที่สำคัญต่อผู้เรียนมากที่สุด (คิดแบบเฉลี่ย) คือตัวผู้สอนคือครูและอาจารย์นั่นเอง ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ 1.ต้องภูมิใจในหน้าที่ตัวเอง 2. มีองค์ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำ 3. สามารถถ่ายทอดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียน เราคิดว่าคนสอนหลายคนขาดในส่วนนี้มากๆ จะขออธิบายเป็นข้อๆ
**มีครูบางคน**ไม่คิดจะปรับปรุงตัวด้วยซ้ำ แค่คิดว่าติดราชการแล้วมาทำงานไปวันๆก็ได้ เริ่มตั้งแต่ไม่ภูมิใจในหน้าที่ตัวเองเลย ก็รู้แหล่ะสังคมไทยยกย่องอาชีพทางสาธารณสุข จนลืมให้ความสำคัญไปว่าอาชีพครูก็สำคัญ อีกอย่างคนเก่งๆก็ไปสอบหมอ ทันตะ วิศวะ เภสัชกันซะหมด (ไม่ได้ว่าคนสอบครูไม่เก่งแต่เอาค่าเฉลี่ยคะแนนของคนที่สอบติดหมอกับครูมาเทียบกันสิ) คนสอนยังไม่ภูมิใจในตัวเองแล้วคนเรียนจะเอากำลังใจที่ไหนไปเรียนหล่ะ ?? ตัวอย่างที่เป็นข่าวครูอนุบาลทำร้ายนักเรียนด้วยเหตุผลที่คนอายุเป็นพ่อแม่คนไม่ควรทำ ถ้าภูมิใจในหน้าที่เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิด
มีองค์ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำ เชื่อว่า**ครูบางคน**ยังสอนผิดๆถูกๆ โดยไม่เตรียมตัวทำการสอนมาเพราะคิดว่าสอนมามากและหลายปี ติดในสมองแล้วแต่ลืมไปว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้เร็วมาก งานวิจัยออกมาใหม่เยอะมาก ถ้าลองอ่านงานวิจัยจากนิตยสาร Science หรือ Nature ดูจะรู้ว่าที่เรียนในระดับมัธยมเหมือนการเรียนอยู่กับอดีต ครูบางคนไม่อัพเดทข้อมูลและที่น่าเกลียดมากคือสอนผิดๆแต่มั่นใจว่าถูกนักเรียนก็จำเอาอันผิดๆนั่นไปใช้ตัวอย่างเช่น
ครูอิ้งมาสอนอิ้งนี่เห็นเยอะมากอัด grammar ไม่รู้อัดทำไม เอาไปใช้อะไรได้แล้วถามหน่อย มีครูอิ้งกี่คนที่พูดอิ้งในห้องเรียน และใช้อิ้งในชีวิตจริง สอนให้นักเรียนเอาไปใช้ทำให้นักเรียนสนุกกับการเรียนอิ้ง ครูบางคนยังออกเสียงผิดๆถูกๆ มาสอนทำไม นักเรียนมันก็จำผิดๆไปใช้สิ ต้องสอนตั้งแต่ฟังพูดอ่านเขียน (พังครูพูดอิ้งให้ถูกต้องก่อน พูดตามและนำไปใช้ได้ อ่าน อ่านตามครูให้ถูกต้อง พอทุกอย่างมันได้มันก็จะเขียนได้เอง)
ครูวิทยาศาตร์คณิตศาสตร์ บางคนเหอะข่าววิทยาศาสตร์ตามบ้างป่าวอะไรๆมันเปลี่ยนไปแล้ว สอนใอพวกงานวิจัยเต่าล้านปี ข้อมูลสามสิบสี่สิบปีที่แล้ว แล้วคิดแบบวิทยาศาสตร์มั้ย ข่าวที่ออกเด็กกินข้าวท้องเสียครูจะพิสูจน์ เพราะครูเป็นครูวิทยาศาตร์ถามหน่อย ถ้าเอามาสอบวัดความรู้เนี้ยจะผ่าน 80% ป่ะ ไม่ต้องเอาขนาดโอลิมปิกวิชาการ ม ปลายก็ได้ ขอเหอะถ้าความรู้ยังไม่แน่นอย่าสอนเลยนะ ครูเลขบางคนสอนสูตรลัด โดยบอกว่ามันดี มันง่ายแล้วไม่สอนที่ไปที่มาจริง นักเรียนมันก็จำๆแบบไม่เข้าใจ จริงๆคนสอนก็ไม่เข้าใจด้วยแหล่ะมั้ง เอาจริงๆอยากให้ครูคนไหนโดยเฉพาะข้าราชการเลยนะ สอบวัดความรู้ทุกปีประเมินการสอนทุกปี ประเมินจากนักเรียน ผู้ปกครอง ใครไม่ผ่านพักราชการหรือส่งไปอบรมใหม่ลดเงินเดือนก็ว่ากันไป คือต้องลงโทษจริงจังเพราะอาชีพนี้คืออาชีพที่สร้างคน
ครูสาขาอื่นๆ พละ ศิลปะ การงาน และ ฯลฯ บางคนนะ อย่าคิดว่าสอนวิชาง่ายแล้วจะอู้งาน โยนงานให้เด็กไปรวมหัวกันทำแล้วเอามาส่ง ถามจริงๆครูพละรู้หลักทางวิทยาศาสตร์การกีฬามากแค่ไหน รู้ป่ะกล้ามเนื้อมัดไหนใช้ทำอะไร เอาจริงๆขอให้นำแค่วอร์มออกกำลังกายก็ทำให้ถูกเถอะ ไม่ใช้สั่งนักเรียนวิ่งรอบสนามแล้วตัวเองนั่งอยู่ร่ม ครูพละควรเป็นแบบอย่างที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพลักษณ์บางคนอ้วยยังกะ......แล้วนักเรียนจะมีกำลังใจเรียนได้ไงโถ่วว เห็นมั้ยคนส่วนใหญ่มันก็ไปเสียเงินให้เทรนเนอร์กล้ามโตๆ หุ่นสวยๆ ลองคิดดูนะครูพละกล้ามโตนักเรียนจะชอบเข้าเรียนมั้ย ศิลปะ การงานมีเยอะ บอกให้ไปวาดรูปนี้ๆตามแบบแต่ไม่สอนหลักการไรเลย แล้วนักเรียนมันจะรู้ได้ไง การงานอีกเยอะแล้วแต่จะคิด
ความสามารถทางการถ่ายทอด แหม่ๆ ครูบางคนนี่บ่นจังนักเรียนโดดเรียน ไม่เข้าเรียนนู้นนี่นั่นแล้วเคยมองตัวเองบ้างป่ะ ตัวเองสอนเป็นไง อย่าว่าอย่างนุ้นอย่างนี้เลยลูกครูบางคนมันยังไม่รักดีเลยจะมาสอนลูกคนอื่นได้ไงอ่ะ คือแบบดูตัวเองบ้างไรบ้างประเมินตัวเองหน่อย พัฒนาเทคนิคการสอนทำไงให้นักเรียนเข้าเรียน สนใจตัวเอง การสอนมีความแปลกใหม่ เอาแบบอย่างใอพวกติวเตอร์ดังๆนะใน youtube มีเยอะแยะทำตามมันหน่อยอย่าติดแต่เรียนมา 5 ปี จบ โทแต่รักเรียนโดดเรียนหมดแบบนี้ก็ไม่ไหว แหม่เรียนมาตั้ง 5 ปี 6 ปี นักเรียนบอกสอนห่าไรวะ (นักเรียนพูดนะ) โดดเรียน
ก็พิจารณาตัวเองเถอะ จิตวิทยาอ่ะเอามาใช้เรียนมาเยอะ กรณีแบบนี้ขอนะอย่าโทษนักเรียนเลย นักเรียนมีหลายกลุ่มก็ต้องใช้จิตวิทยาให้เป็นทำให้เขาสนใจ มันภูมิใจนะเว้ยสอนเด็กไม่เอาไหนให้มันสอบติดแพทย์อ่ะ
ขอสรุปนะ
1. คืออยากให้ครูภูมิใจในความเป็นครู สอนคนให้เเป็นคนดี คนเก่ง เพื่อมาพัฒนาชาติบ้านเมือง คือบ้านเมืองมันจะพัฒนาหรือไม่พัฒนาก็อยู่กับครุนี่แหล่ะ
2. อยากให้ครูหมั่นประเมินตัวเอง ทบทวนอัพเดทความรู้อยู่บ่อยๆ จริงๆก็ลองเปิดเข้าไปอ่านงานวิจัยระดับนานาชาติดูนะ เห็นว่าวิชาสัมมนาต้องใช้เปเปอร์จากฐานข้อมูลที่เป็นระดับนานาชาติ
3. อยากให้ยกฐานนะครูในสังคมไทยให้เทียบเท่าอาชีพอื่นๆ เช่นหมอ อย่าให้มีแบบมาถามว่า สอบไม่ติดที่อื่นแล้วเรียนไร เรียนครูหรอ อยากให้เงินเดือนเยอะๆ ตำแหน่งว่างๆเยอะๆ คัดคนที่มีคุณภาพพร้อมสอนและความรู้แน่นจริงๆมาสอนที่สำคัญรับผิดชอบและเห็นความสำคัญในหน้าที่เสมอ
4. อยากให้มีระบบสอบประเมินครูที่สอบ วิชาตัวเองไม่ผ่านกี่ % ก็ว่าไป ว่ากันไม่ตามความสามารถพักราชการ ลดเงินเดือน ให้อบรมใหม่ บลาๆ จะได้เห็นถึงความสำคัญของอาชีพครูและอาจารย์
ปล.1ทั้งหมดนี้มาจากความเห็นส่วนตัวของเรา ไม่ได้มีเจตนาดูถูก ดูหมิ่นอาชีพครูอาจารย์เพราะเราก็อยากเป็นเหมือนกัน อยากให้ความเห็นเราเป็นหนึ่งในภาพสะท้อนที่จะช่วยแก้ปัญหาระบบการศึกษาของประเทศเรานะ มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันนะเต็มที่เลย
ปล.2 ใครที่คิดจะเป็นครูอย่าลืมหมั่นทบทวนความรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดนะ เพราะอาชีพครูต้องทำแบบนี้ตลอดทั้งชีวิต
ปล.3 เขียนผิดก็ต้องขออภัยด้วยนะขี้เกียจกลับไปตรวจใหม่
สุดท้ายแล้วขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะ
**วิทยาทาน คือการให้ทานที่สูงที่สุด**
อยากขอความเห็นเกี่ยวกับอาชีพครูและอาจารย์ ดราม่านิดหน่อย
ขอออกตัวก่อนเราไม่ได้เรียนครูแต่คิดว่าจะมาอยู่ในวงการการศึกษานี่แหล่ะ พอดีเราชอบสอน
เราคิดมาเสมอว่าคนที่จะเป็นครูสอนคนได้ ต้องพร้อมทั้งองค์ความและรู้จิตวิทยาการสอน โดยแตกต่างกันออกไปในแต่ละระดับชั้น อนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย จากประสบการณ์ที่อยู่ในระบบการศึกษาไทยตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัยระบบยังไม่พร้อมสำหรับให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ได้สมวัยซึ่งในแต่ละวิชานั้นควรมุ่งเน้นในเรื่องการนำความรู้ไปใช้ได้จริง ที่ชัดเจนคือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ นักเรียนส่วนใหญ่ (คิดว่า) รวมทั้งตัวเราเอง
ถ้าพูดระดับประถมถึงมัธยมต้นเราเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียนภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ไปใช้ทำอะไร ในหัวก็แค่เรียนเพื่อให้ได้เกรดดีๆ สวยๆจะได้มีที่เรียนต่อ พ่อแม่ภูมิใจ (เรียนเพื่อเกรดว่างั้น) จนเราก็ทำได้อย่างที่คิดได้เกรดสูงๆแต่สุดท้ายก็ลืมหลังจากสอบเสร็จ จนเข้ามหาวิทยาลัยรูปแบบการเรียนการสอนแตกต่างจากประถมและมัธยม เน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเองสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาเอง ฝึกการคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบผ่านวิชาโปรเจคซึ่งเรารู้สึกชอบมาสำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัยเหมือนกับได้ใช้ความคิดอย่างเสรี แต่สุดท้ายก็ยังถามตัวเองอยู่เรื่อยๆว่าทำไมเราต้องเรียนวิชานี้ด้วยจบไปแล้วไม่เห็นจะได้ใช้หนิ สอบเสร็จแล้วทิ้งแล้วลืม รวมทั้งในมหาวิทยาลัยก็ยังเรียนภาษาอังกฤษอยู่แต่สุดท้ายเด็กส่วนใหญ่ก็ยังใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้รวมไปถึงวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่ในเนื้อหาตั้งแต่ประถมถึงมหาวิทยาลัยมีการสอดแทรกการฝึกกระบวนการคิด การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เด็กในระดับมหาวิทยาลัยก็เหมือนยังนำความรู้ที่สะสมมาตั้งแต่ประถมมาใช้ไม่ได้ อันนี้มาจากประสบการณ์การทำงานกลุ่มที่ต้องมีการวางแผน อภิปราย สรุปผล นำเสนอ บลาๆ เราก็ยังรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีได้พอ ตอนนี้เราใกล้จะจบปีสี่ เราก็ยังคิดเสมอว่าที่เรียนมา นี่เรียนบางวิชามาทำไมเอาไปใช้อะไรได้ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณการเรียนในมหาวิทยาลัยที่พอจะชี้ให้เห็นว่าที่เรียนมาพอเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้างโดยเฉพาะจากการเรียนวิชาโปรเจค
จริงตอนนี้ก็รู้ตัวเองแล้วแหล่ะว่าจะใช้ความรู้ที่ได้มาไปทำอาชีพอะไร
เอาหล่ะ เราพูดถึงปัญหาที่เราเจอมาตั้งแต่ประถมถึงมัธยมจนมาแก้ได้บ้างก่อนจะจบมหาวิทยาลัยอาจจะไม่สุภาพก็ต้องขออภัยด้วยนะ
มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวกับข่องกับการเรียนการสอนความเห้นส่วนตัวที่สำคัญต่อผู้เรียนมากที่สุด (คิดแบบเฉลี่ย) คือตัวผู้สอนคือครูและอาจารย์นั่นเอง ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ 1.ต้องภูมิใจในหน้าที่ตัวเอง 2. มีองค์ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำ 3. สามารถถ่ายทอดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียน เราคิดว่าคนสอนหลายคนขาดในส่วนนี้มากๆ จะขออธิบายเป็นข้อๆ
**มีครูบางคน**ไม่คิดจะปรับปรุงตัวด้วยซ้ำ แค่คิดว่าติดราชการแล้วมาทำงานไปวันๆก็ได้ เริ่มตั้งแต่ไม่ภูมิใจในหน้าที่ตัวเองเลย ก็รู้แหล่ะสังคมไทยยกย่องอาชีพทางสาธารณสุข จนลืมให้ความสำคัญไปว่าอาชีพครูก็สำคัญ อีกอย่างคนเก่งๆก็ไปสอบหมอ ทันตะ วิศวะ เภสัชกันซะหมด (ไม่ได้ว่าคนสอบครูไม่เก่งแต่เอาค่าเฉลี่ยคะแนนของคนที่สอบติดหมอกับครูมาเทียบกันสิ) คนสอนยังไม่ภูมิใจในตัวเองแล้วคนเรียนจะเอากำลังใจที่ไหนไปเรียนหล่ะ ?? ตัวอย่างที่เป็นข่าวครูอนุบาลทำร้ายนักเรียนด้วยเหตุผลที่คนอายุเป็นพ่อแม่คนไม่ควรทำ ถ้าภูมิใจในหน้าที่เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิด
มีองค์ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำ เชื่อว่า**ครูบางคน**ยังสอนผิดๆถูกๆ โดยไม่เตรียมตัวทำการสอนมาเพราะคิดว่าสอนมามากและหลายปี ติดในสมองแล้วแต่ลืมไปว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้เร็วมาก งานวิจัยออกมาใหม่เยอะมาก ถ้าลองอ่านงานวิจัยจากนิตยสาร Science หรือ Nature ดูจะรู้ว่าที่เรียนในระดับมัธยมเหมือนการเรียนอยู่กับอดีต ครูบางคนไม่อัพเดทข้อมูลและที่น่าเกลียดมากคือสอนผิดๆแต่มั่นใจว่าถูกนักเรียนก็จำเอาอันผิดๆนั่นไปใช้ตัวอย่างเช่น
ครูอิ้งมาสอนอิ้งนี่เห็นเยอะมากอัด grammar ไม่รู้อัดทำไม เอาไปใช้อะไรได้แล้วถามหน่อย มีครูอิ้งกี่คนที่พูดอิ้งในห้องเรียน และใช้อิ้งในชีวิตจริง สอนให้นักเรียนเอาไปใช้ทำให้นักเรียนสนุกกับการเรียนอิ้ง ครูบางคนยังออกเสียงผิดๆถูกๆ มาสอนทำไม นักเรียนมันก็จำผิดๆไปใช้สิ ต้องสอนตั้งแต่ฟังพูดอ่านเขียน (พังครูพูดอิ้งให้ถูกต้องก่อน พูดตามและนำไปใช้ได้ อ่าน อ่านตามครูให้ถูกต้อง พอทุกอย่างมันได้มันก็จะเขียนได้เอง)
ครูวิทยาศาตร์คณิตศาสตร์ บางคนเหอะข่าววิทยาศาสตร์ตามบ้างป่าวอะไรๆมันเปลี่ยนไปแล้ว สอนใอพวกงานวิจัยเต่าล้านปี ข้อมูลสามสิบสี่สิบปีที่แล้ว แล้วคิดแบบวิทยาศาสตร์มั้ย ข่าวที่ออกเด็กกินข้าวท้องเสียครูจะพิสูจน์ เพราะครูเป็นครูวิทยาศาตร์ถามหน่อย ถ้าเอามาสอบวัดความรู้เนี้ยจะผ่าน 80% ป่ะ ไม่ต้องเอาขนาดโอลิมปิกวิชาการ ม ปลายก็ได้ ขอเหอะถ้าความรู้ยังไม่แน่นอย่าสอนเลยนะ ครูเลขบางคนสอนสูตรลัด โดยบอกว่ามันดี มันง่ายแล้วไม่สอนที่ไปที่มาจริง นักเรียนมันก็จำๆแบบไม่เข้าใจ จริงๆคนสอนก็ไม่เข้าใจด้วยแหล่ะมั้ง เอาจริงๆอยากให้ครูคนไหนโดยเฉพาะข้าราชการเลยนะ สอบวัดความรู้ทุกปีประเมินการสอนทุกปี ประเมินจากนักเรียน ผู้ปกครอง ใครไม่ผ่านพักราชการหรือส่งไปอบรมใหม่ลดเงินเดือนก็ว่ากันไป คือต้องลงโทษจริงจังเพราะอาชีพนี้คืออาชีพที่สร้างคน
ครูสาขาอื่นๆ พละ ศิลปะ การงาน และ ฯลฯ บางคนนะ อย่าคิดว่าสอนวิชาง่ายแล้วจะอู้งาน โยนงานให้เด็กไปรวมหัวกันทำแล้วเอามาส่ง ถามจริงๆครูพละรู้หลักทางวิทยาศาสตร์การกีฬามากแค่ไหน รู้ป่ะกล้ามเนื้อมัดไหนใช้ทำอะไร เอาจริงๆขอให้นำแค่วอร์มออกกำลังกายก็ทำให้ถูกเถอะ ไม่ใช้สั่งนักเรียนวิ่งรอบสนามแล้วตัวเองนั่งอยู่ร่ม ครูพละควรเป็นแบบอย่างที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพลักษณ์บางคนอ้วยยังกะ......แล้วนักเรียนจะมีกำลังใจเรียนได้ไงโถ่วว เห็นมั้ยคนส่วนใหญ่มันก็ไปเสียเงินให้เทรนเนอร์กล้ามโตๆ หุ่นสวยๆ ลองคิดดูนะครูพละกล้ามโตนักเรียนจะชอบเข้าเรียนมั้ย ศิลปะ การงานมีเยอะ บอกให้ไปวาดรูปนี้ๆตามแบบแต่ไม่สอนหลักการไรเลย แล้วนักเรียนมันจะรู้ได้ไง การงานอีกเยอะแล้วแต่จะคิด
ความสามารถทางการถ่ายทอด แหม่ๆ ครูบางคนนี่บ่นจังนักเรียนโดดเรียน ไม่เข้าเรียนนู้นนี่นั่นแล้วเคยมองตัวเองบ้างป่ะ ตัวเองสอนเป็นไง อย่าว่าอย่างนุ้นอย่างนี้เลยลูกครูบางคนมันยังไม่รักดีเลยจะมาสอนลูกคนอื่นได้ไงอ่ะ คือแบบดูตัวเองบ้างไรบ้างประเมินตัวเองหน่อย พัฒนาเทคนิคการสอนทำไงให้นักเรียนเข้าเรียน สนใจตัวเอง การสอนมีความแปลกใหม่ เอาแบบอย่างใอพวกติวเตอร์ดังๆนะใน youtube มีเยอะแยะทำตามมันหน่อยอย่าติดแต่เรียนมา 5 ปี จบ โทแต่รักเรียนโดดเรียนหมดแบบนี้ก็ไม่ไหว แหม่เรียนมาตั้ง 5 ปี 6 ปี นักเรียนบอกสอนห่าไรวะ (นักเรียนพูดนะ) โดดเรียนก็พิจารณาตัวเองเถอะ จิตวิทยาอ่ะเอามาใช้เรียนมาเยอะ กรณีแบบนี้ขอนะอย่าโทษนักเรียนเลย นักเรียนมีหลายกลุ่มก็ต้องใช้จิตวิทยาให้เป็นทำให้เขาสนใจ มันภูมิใจนะเว้ยสอนเด็กไม่เอาไหนให้มันสอบติดแพทย์อ่ะ
ขอสรุปนะ
1. คืออยากให้ครูภูมิใจในความเป็นครู สอนคนให้เเป็นคนดี คนเก่ง เพื่อมาพัฒนาชาติบ้านเมือง คือบ้านเมืองมันจะพัฒนาหรือไม่พัฒนาก็อยู่กับครุนี่แหล่ะ
2. อยากให้ครูหมั่นประเมินตัวเอง ทบทวนอัพเดทความรู้อยู่บ่อยๆ จริงๆก็ลองเปิดเข้าไปอ่านงานวิจัยระดับนานาชาติดูนะ เห็นว่าวิชาสัมมนาต้องใช้เปเปอร์จากฐานข้อมูลที่เป็นระดับนานาชาติ
3. อยากให้ยกฐานนะครูในสังคมไทยให้เทียบเท่าอาชีพอื่นๆ เช่นหมอ อย่าให้มีแบบมาถามว่า สอบไม่ติดที่อื่นแล้วเรียนไร เรียนครูหรอ อยากให้เงินเดือนเยอะๆ ตำแหน่งว่างๆเยอะๆ คัดคนที่มีคุณภาพพร้อมสอนและความรู้แน่นจริงๆมาสอนที่สำคัญรับผิดชอบและเห็นความสำคัญในหน้าที่เสมอ
4. อยากให้มีระบบสอบประเมินครูที่สอบ วิชาตัวเองไม่ผ่านกี่ % ก็ว่าไป ว่ากันไม่ตามความสามารถพักราชการ ลดเงินเดือน ให้อบรมใหม่ บลาๆ จะได้เห็นถึงความสำคัญของอาชีพครูและอาจารย์
ปล.1ทั้งหมดนี้มาจากความเห็นส่วนตัวของเรา ไม่ได้มีเจตนาดูถูก ดูหมิ่นอาชีพครูอาจารย์เพราะเราก็อยากเป็นเหมือนกัน อยากให้ความเห็นเราเป็นหนึ่งในภาพสะท้อนที่จะช่วยแก้ปัญหาระบบการศึกษาของประเทศเรานะ มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันนะเต็มที่เลย
ปล.2 ใครที่คิดจะเป็นครูอย่าลืมหมั่นทบทวนความรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดนะ เพราะอาชีพครูต้องทำแบบนี้ตลอดทั้งชีวิต
ปล.3 เขียนผิดก็ต้องขออภัยด้วยนะขี้เกียจกลับไปตรวจใหม่
สุดท้ายแล้วขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะ
**วิทยาทาน คือการให้ทานที่สูงที่สุด**