ราชดำเนิน : กวีการเมือง และบทกวี ข้อควรรู้ ...แม่ไก่ตัวเล็ก

กระทู้สนทนา
วันนี้มาชวนคุยเรื่องการแต่งกลอนค่ะ

ถ้าใครเป็นนักอ่าน นักเขียน นักคิด น้อยคนที่จะไม่รู้จักบทกวีกัน บทกวีในบ้านเรามีหลายแบบ หลายลักษณะ
มีการแบ่งจำแนก บทกวีออกมาหลายรูปแบบ เรียกกันว่า กาพย์ กลอน โคลง และ ฉันท์  ขึ้นอยู่กับการข้อกำหนด
และฉันท์ลักษณ์นั้นๆ ( หากใครสนใจ หรืออยากเรียนรู้ ก็สามารถ เข้าไปหาดูได้ในกูเกิ้ล มีหลายบทความดีๆ ให้อ่าน)


และถ้ามองย้อนไปในประวัติศาสตร์ คนไทยเป็นคนเจ้าสำบัด สำนวนและใช้ภาษาเชื่อมโยงได้อย่างงดงาม อ่อนโยน
และล้ำลึกในการแฝงความหมาย เพื่อให้คนอ่านตีความ และรู้สึกถึงความสุนทรีย์ในการใช้ภาษาไทย  ที่ยากหาจะหาประเทศใด
เทียมเสมอกับการใช้ภาษาทางด้านกวี ของเราได้ มันน่าภูมิใจนะ ที่ภาษาไทยที่เป็นเอกลักษณ์ไทย สามารถนำมาสื่อสารให้สวยงาม
ตามอักษรที่คนเขียนคิดประดิษฐ์ โดยการนำมาร้อยเรียงคำได้อย่างสวยงาม และน่าอ่าน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ในบทกวีหนึ่งๆ  เราสามารถ เขียนเรื่องราวที่ต้องการถ่ายทอดได้ออกมาได้หลายหลากแนว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
เรื่องความรัก ที่สมหวัง หรือผิดหวัง เรื่องการเมือง การปกครอง เรียกว่าแทบจะทุกเรื่อง เราสามารถานำมาเขียนเป็นโคลงกลอน
ได้ทั้งนั้น ภาษาไทยจึงน่ามหัศจรรย์เป็นยิ่งนัก


และในอดีต เราจะเห็นว่าคนที่เป็นนักเขียน เป็นกวี มักจะมีมีศิลป์ และมุมมองที่ต่างจากคนทั่วไป การเขียนเรื่องราวที่เป็นทั้งบทความ
เป็นทั้งข่าวสาร บันทึก บทเพลงหรือกลอน ที่ถ่ายทอดออกมา จึงเป็นยุคที่คนสนใจมาก นั่นเพราะสมัยก่อน การศึกษายังไม่ทั่วถึง
คนที่กล้าเขียนอะไรๆ ออกมาสู่สังคม ในวงกว้างจนเป็นการยอมรับ  จึงถูกยกย่องให้เป็นปราชญ์


มีหลายคนที่ผ่านยุคการเปลี่ยนแปลงบ้านเรา เคยเขียนเรื่องราวที่สะท้อนมุมความคิด และประสบการณ์ที่เจอออกมา ทั้งในรูปบทความ
และบทกวี  บทเพลง  ในยุคนั้น กลอนที่มีเนื้อหาหนักๆ ทางการเมือง ยังไม่เป็นที่ยอมรับกับฝ่ายกุมอำนาจมากนัก เนื่องจากผู้กุมอำนาจ
มองว่าเป็นการปลุกระดม จนเกิดการแข็งข้อนั่นเอง แต่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง แรงกดใด มาก แรงต้านก็จะมีเยอะ

เราจึงเห็น กวีการเมือง เกิดขึ้นมาหลายท่าน และเกิดมาทุกยุคทุกสมัย ตราบใดที่ความคิดในเสรี ที่เป็นอิสระ ยังเกิดขึ้นกับเสรีชน
ผู้ที่มองเห็นว่าความเท่าเทียม ความเป็นธรรม  ต้องปลดแอกจากการกดขี่

ขออนุญาต แปะลิงค์บทกวีการเมือง จากท่านผู้ทรงคุณวุฒิผ่านยุค 14 ตุลามา และกวีซีไรซ ์ที่ จขกท ชื่นชอบ อย่างคุณจีระนันท์
และอีกหลายท่านค่ะ   Cr : M thai  

http://talk.mthai.com/topic/26254


และเท่าที่เห็นในห้องการเมือง เห็นหลายท่านเลยแต่งกลอนเก่งมาก ระดับฝีมือไม่ธรรมดาเลย

มีหลายท่านเขียนด้วยการใช้ภาษาได้อย่างน่าทึ่ง และน่าเคารพ ภาษาสวย จนน่านำเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เช่น

คุณช่างอาร์ต ( ปรศุราม)  คุณอาร์ต โฟลค์สวาเก้น คุณหล่อขวัญ  คุณพิราบขาว  คุณเป็นต่อ คุณลุงโอลด์ คุณกุลมิตรา
คุณครูเคียงเดือน  คุณเพรียว คุณร้ายสาระ คุณมาลาริน คุณจิ้งจก และคุณมาริโอ้  ซึ่งแต่ละท่านจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
และมีอีกหลายท่านที่เป็นตัวเลข ที่จขกท ไม่ได้เอ่ยนาม ต้องขออภัย  คนในนี้เขียนกลอนเก่งเยอะ

แต่ก็เห็นมีหลายท่าน ที่เขียนสัมผัสระหว่างบทผิดไป แต่ไม่ได้หมายความว่า อรรรถในการอ่านจะเสียไปนะ
เพราะถ้าเราอ่าน และเห็นความตั้งใจในการสื่ออักษร เราก็จะเข้าใจว่าคนแต่งกลอน ใช้ความพยายามแค่ไหน
มันก็เป็นความสวยงามของความคิดที่ส่งออกมา

จขกท เลยขออนุญาต เอาข้อชี้แนะ ที่เป็นวิธีเขียนกลอนมาแปะไว้ให้อ่านกัน เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมนะคะ
เผื่อเด็กรุ่นใหม่ มาเห็นมาอ่านเข้าจะได้เข้าใจว่า กลอนแปด นั้น เขียนไม่ยากหากใจรัก และการใช้สัมผัสใน สัมผัสนอก
สัมผัสระหว่างบท เป็นอย่างไร อย่างน้อยการเขียนกลอนที่ถูกวิธี ก็คือการรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยของเราให้ยาวนานต่อไป

เอามาฝาก 2 ลิงค์ค่ะ ใครสนใจว่าเขียนกลอนอย่างไรให้ถูกวิธี ลองคลิ๊กเข้าไปอ่านค่ะ เป็นความรู้ที่ติดตัวเราหากเราสนใจจะเขียนกลอนค่ะ


http://www.looktan.4t.com/poem/howto.htm

https://sites.google.com/site/chanthalakklonthai/1-klxn-xan/klxn-paed


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


เพิ่มเติม ผังกลอนที่ถูกต้องตามข้อกำหนดค่ะ




ปล  จขกท ไม่ได้เป็นผู้เก่งกาจด้านอักษรศาสคร์นะคะ เพียงแต่อยากเสนอมุมมองในความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น
จึงยังต้องใช้การอ้างอิง บทเขียน ข้อกำหนดการเขียนกลอนที่ถูกต้องจาก ท่านผู้รู้อื่นๆ ที่ท่านกรุณาเขียนไว้ในบล๊อคต่างๆมาประกอบ

หากมีใครที่เป็นผู้รู้ จะกรุณามาเพิ่มเติม ชี้แนะประการใด จขกท ก็น้อมรับ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

นานาขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่