เหล่าฆราวาสมีการกำหนดกติกาให้คนไทยทั้งประเทศใช้ร่วมกัน ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับ ต่างๆ เหล่านี้ โดยมีความสำคัญลดหลั่นกันไป และบอกว่า คนไทยทุกคน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
ใช้นิติศาสตร์ พิฆาตสังฆมณฑล
ตอน รึฆราวาส ต้องการปกครองพระ ???
...........................
@@@ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงประกาศให้ประเทศไทย ประกอบด้วย 3 สถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
โดยเฉพาะศาสนา พระองค์ทรงหมายเอาพระรัตนตรัย ซึ่งก็คือพระพุทธศาสนาเท่านั้น และยังทรงใช้ธงไตรรงค์ ( 3 สี) เป็นสัญลักษณ์ของ 3 สถาบันหลัก นั่นเอง และยังคงใช้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น ถ้ากล่าวถึงพระพุทธศาสนา ก็ต้องหมายถึงเสาหลักของประเทศไทยเสาหนึ่งเลยทีเดียว
ส่วนสถาบันชาติ ก็มีแยกออกเป็น 3 ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ มีลักษณะอิสระต่อกัน ไม่ก้าวล่วงกัน
.............
@@@ เหล่าฆราวาสมีการกำหนดกติกาให้คนไทยทั้งประเทศใช้ร่วมกัน ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับ ต่างๆ เหล่านี้ โดยมีความสำคัญลดหลั่นกันไป และบอกว่า คนไทยทุกคน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
...............
@@@ ที่นี่มากล่าวเฉพาะพระพุทธศาสนา
……………
รัฐธรรมนูญทุกฉบับบังคับให้พระเป็นแค่พลเมืองชั้น 2 และพลเมืองชั้น 2 ของประเทศประกอบด้วย 4 กลุ่ม คือ
1.พระภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
2.อยู่ระหว่างการเพิกถอนการเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะสิ้นสุดแล้วหรือไม่
3.ต้องคุมขังอยู่ โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
4.วิกลจริต จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
................
ที่บอกว่า ทั้ง 4 กลุ่มเป็นพลเมืองชั้น 2 เพราะถูกตัดสิทธิไม่ให้เลือกตั้ง ไม่ให้เป็นผู้สมัครลงเลือกตั้ง ไม่ให้มีสิทธิเสนอกฎหมาย ไม่ให้มีสิทธิคัดค้านกฎหมาย ไม่ให้มีสิทธิถอดถอนนักการเมือง
...................
ศาสนาในประเทศไทย มี 5 ศาสนา คือ พุทธ คริตส์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกซ์
ใน 4 กลุ่มที่กลายเป็นพลเมืองชั้น 2 นี้ มีระบุไว้เฉพาะพระพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่นรอดหมด แต่ตัวแทนพระพุทธศาสนาโดนหมดแม้กระทั่งแม่ชี
ดังนั้นในทางกฎหมาย พระ/สามเณร/แม่ชี จึงมีสถานะทางกฎหมายเท่ากับคนวิกลจริต จิตฟั่นเฟือน
..............
ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงยกย่องพระพุทธศาสนาไว้อย่างสูง คือ 1 ใน 3 เสาหลักของประเทศ
แต่รัฐธรรมนูญ กลับบังคับให้พระเป็นแค่พลเมืองชั้น 2 ซึ่งมีสถานะทางกฎหมายเท่ากับคนวิกลจริต จิตฟั่นเฟือน
.............
พอพระอยากใช้สิทธิต่างๆ ก็โดนว่า พระไม่มีสิทธิใดๆ จึงไม่สามารถทำได้
แต่พอมีการเกณฑ์ทหาร ก็บังคับให้พระที่ครบกำหนดเกณฑ์ ต้องเข้าไปเกณฑ์ทหารด้วย ถ้าจับได้ใบแดงก็ต้องลาสิกขา
...........
นอกจากพระมีสถานะเป็นพลเมืองชั้น 2 แล้ว วันนี้มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งมาพูดกรอกหูคนไทยว่า พระต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
พอพูดเสร็จก็พยายามเสนอกฎหมายต่างๆ นานา โดยใช้วาทกรรมว่า จะดูแลปกป้องคุ้มครองพระ
.............
คำว่า ดูแล ปกป้อง คุ้มครอง ถ้าเราตีความหมาย ควรจะมีลักษณะของการ ยกย่อง เชิดชู ไม่ให้ใครมาเล่นงานได้ เพราะแม้แต่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ยังทรงยกย่องพระพุทธศาสนาว่าเป็น 1 ใน 3 สถาบันหลัก
............
@@@ พอมาดูกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระ เพื่อย้อนไปดูว่า การที่ฆราวาสต้องการดูแลปกป้องคุ้มครอง จะเป็นการยกย่อง เชิดชู พระพุทธศาสนาจริงไหม
………….
@@@ กฎหมายที่ออกมาบังคับใช้แล้ว
รัฐธรรมนูญ บังคับให้พระเป็นพลเมืองชั้น 2 มีสถานะทางกฎหมายเทียบเท่า คนวิกลจริต จิตฟั่นเฟือน ก็ไม่มีลักษณะของการยกย่อง เชิดชูเลยสักนิด
การเกณฑ์ทหาร พระก็ไม่ได้รับการยกเว้น ถ้าถึงเกณฑ์จับได้ใบแดง ก็ต้องลาสิกขา อันนี้ก็ไม่มีลักษณะของการยกย่อง เชิดชูเลยสักนิด (แต่ข้อนี้ผมยอมรับได้ เพราะถ้ายกเว้นอาจเป็นข้ออ้างให้คนหนีมาบวชเพื่อไม่ต้องเกณฑ์ทหาร)
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฆราวาส เขียนมาบังคับให้พระปฏิบัติตามนั้น แล้วก็มีการแก้กันหลายรอบ ซึ่งฆราวาส นึกอยากแก้ตรงไหน ก็แก้เพื่อสนองความรู้สึกความต้องการของเหล่าฆราวาส โดยเฉพาะการแก้รอบสุดท้าย มีการเสนอเข้าสภาและพิจารณาอย่างรวดเร็ว 3 วาระรวด โดยไม่มีการถามความเห็นของคณะสงฆ์เลย ที่สำคัญ เรื่องนี้ เป็นเรื่องพระพุทธศาสนา สนช.ที่เป็นศาสนาอื่น ควรที่จะงดออกเสียง แต่กลับสนับสนุนกันอย่างไม่สนใจความรู้สึกของพระเลยแม้แต่นิด อันนี้ นอกจากจะไม่เป็นการเชิดชู พระแล้ว ยังพยายาม ออกกฎหมายบีบบังคับให้พระปฏิบัติตามฆราวาส ก็เท่ากับว่า ฆราวาส ต้องการปกครองพระเช่นกัน
................
http://www.winnews.tv/news/14063
ใช้นิติศาสตร์พิฆาตสังฆมณฑล 1 นายกรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย นายกสมาคมทางสายกลาง
ใช้นิติศาสตร์ พิฆาตสังฆมณฑล
ตอน รึฆราวาส ต้องการปกครองพระ ???
...........................
@@@ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงประกาศให้ประเทศไทย ประกอบด้วย 3 สถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
โดยเฉพาะศาสนา พระองค์ทรงหมายเอาพระรัตนตรัย ซึ่งก็คือพระพุทธศาสนาเท่านั้น และยังทรงใช้ธงไตรรงค์ ( 3 สี) เป็นสัญลักษณ์ของ 3 สถาบันหลัก นั่นเอง และยังคงใช้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น ถ้ากล่าวถึงพระพุทธศาสนา ก็ต้องหมายถึงเสาหลักของประเทศไทยเสาหนึ่งเลยทีเดียว
ส่วนสถาบันชาติ ก็มีแยกออกเป็น 3 ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ มีลักษณะอิสระต่อกัน ไม่ก้าวล่วงกัน
.............
@@@ เหล่าฆราวาสมีการกำหนดกติกาให้คนไทยทั้งประเทศใช้ร่วมกัน ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับ ต่างๆ เหล่านี้ โดยมีความสำคัญลดหลั่นกันไป และบอกว่า คนไทยทุกคน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
...............
@@@ ที่นี่มากล่าวเฉพาะพระพุทธศาสนา
……………
รัฐธรรมนูญทุกฉบับบังคับให้พระเป็นแค่พลเมืองชั้น 2 และพลเมืองชั้น 2 ของประเทศประกอบด้วย 4 กลุ่ม คือ
1.พระภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
2.อยู่ระหว่างการเพิกถอนการเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะสิ้นสุดแล้วหรือไม่
3.ต้องคุมขังอยู่ โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
4.วิกลจริต จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
................
ที่บอกว่า ทั้ง 4 กลุ่มเป็นพลเมืองชั้น 2 เพราะถูกตัดสิทธิไม่ให้เลือกตั้ง ไม่ให้เป็นผู้สมัครลงเลือกตั้ง ไม่ให้มีสิทธิเสนอกฎหมาย ไม่ให้มีสิทธิคัดค้านกฎหมาย ไม่ให้มีสิทธิถอดถอนนักการเมือง
...................
ศาสนาในประเทศไทย มี 5 ศาสนา คือ พุทธ คริตส์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกซ์
ใน 4 กลุ่มที่กลายเป็นพลเมืองชั้น 2 นี้ มีระบุไว้เฉพาะพระพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่นรอดหมด แต่ตัวแทนพระพุทธศาสนาโดนหมดแม้กระทั่งแม่ชี
ดังนั้นในทางกฎหมาย พระ/สามเณร/แม่ชี จึงมีสถานะทางกฎหมายเท่ากับคนวิกลจริต จิตฟั่นเฟือน
..............
ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงยกย่องพระพุทธศาสนาไว้อย่างสูง คือ 1 ใน 3 เสาหลักของประเทศ
แต่รัฐธรรมนูญ กลับบังคับให้พระเป็นแค่พลเมืองชั้น 2 ซึ่งมีสถานะทางกฎหมายเท่ากับคนวิกลจริต จิตฟั่นเฟือน
.............
พอพระอยากใช้สิทธิต่างๆ ก็โดนว่า พระไม่มีสิทธิใดๆ จึงไม่สามารถทำได้
แต่พอมีการเกณฑ์ทหาร ก็บังคับให้พระที่ครบกำหนดเกณฑ์ ต้องเข้าไปเกณฑ์ทหารด้วย ถ้าจับได้ใบแดงก็ต้องลาสิกขา
...........
นอกจากพระมีสถานะเป็นพลเมืองชั้น 2 แล้ว วันนี้มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งมาพูดกรอกหูคนไทยว่า พระต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
พอพูดเสร็จก็พยายามเสนอกฎหมายต่างๆ นานา โดยใช้วาทกรรมว่า จะดูแลปกป้องคุ้มครองพระ
.............
คำว่า ดูแล ปกป้อง คุ้มครอง ถ้าเราตีความหมาย ควรจะมีลักษณะของการ ยกย่อง เชิดชู ไม่ให้ใครมาเล่นงานได้ เพราะแม้แต่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ยังทรงยกย่องพระพุทธศาสนาว่าเป็น 1 ใน 3 สถาบันหลัก
............
@@@ พอมาดูกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระ เพื่อย้อนไปดูว่า การที่ฆราวาสต้องการดูแลปกป้องคุ้มครอง จะเป็นการยกย่อง เชิดชู พระพุทธศาสนาจริงไหม
………….
@@@ กฎหมายที่ออกมาบังคับใช้แล้ว
รัฐธรรมนูญ บังคับให้พระเป็นพลเมืองชั้น 2 มีสถานะทางกฎหมายเทียบเท่า คนวิกลจริต จิตฟั่นเฟือน ก็ไม่มีลักษณะของการยกย่อง เชิดชูเลยสักนิด
การเกณฑ์ทหาร พระก็ไม่ได้รับการยกเว้น ถ้าถึงเกณฑ์จับได้ใบแดง ก็ต้องลาสิกขา อันนี้ก็ไม่มีลักษณะของการยกย่อง เชิดชูเลยสักนิด (แต่ข้อนี้ผมยอมรับได้ เพราะถ้ายกเว้นอาจเป็นข้ออ้างให้คนหนีมาบวชเพื่อไม่ต้องเกณฑ์ทหาร)
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฆราวาส เขียนมาบังคับให้พระปฏิบัติตามนั้น แล้วก็มีการแก้กันหลายรอบ ซึ่งฆราวาส นึกอยากแก้ตรงไหน ก็แก้เพื่อสนองความรู้สึกความต้องการของเหล่าฆราวาส โดยเฉพาะการแก้รอบสุดท้าย มีการเสนอเข้าสภาและพิจารณาอย่างรวดเร็ว 3 วาระรวด โดยไม่มีการถามความเห็นของคณะสงฆ์เลย ที่สำคัญ เรื่องนี้ เป็นเรื่องพระพุทธศาสนา สนช.ที่เป็นศาสนาอื่น ควรที่จะงดออกเสียง แต่กลับสนับสนุนกันอย่างไม่สนใจความรู้สึกของพระเลยแม้แต่นิด อันนี้ นอกจากจะไม่เป็นการเชิดชู พระแล้ว ยังพยายาม ออกกฎหมายบีบบังคับให้พระปฏิบัติตามฆราวาส ก็เท่ากับว่า ฆราวาส ต้องการปกครองพระเช่นกัน
................
http://www.winnews.tv/news/14063