ตะลุยญี่ปุ่น 13 วัน แบบตามใจฉัน (โตเกียว-โอซาก้า-ฮอกไกโด) ประสบการณ์นอน Airbnb ครั้งแรก

สวัสดีค่าาาา วันนี้จะมาเขียนรีวิวท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก หลังจากที่ตามอ่านรีวิวมานาน ^^

             


ค่อนข้างมั่นใจมากว่าไปประเทศนี้แล้วจะล้มละลายกลับมาแน่นอน เนื่องจากเราเป็นสายการ์ตูน แล้วที่นี่ก็มีทั้งดิสนี่ย์แลนด์
ทั้งยูยิเวิร์ลเซิล ซาริโอ้ ไหนจะออริจินัลการ์ตูนในประเทศเค้าอีก  ดูมาหมดโดเรม่อน เซเล่อร์มูน อาราเล่ ดราก้อนบอล โคนัน วันพีช บลีช บลาๆ
ไม่น่ารอด ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวแน่ๆ แล้วโดยเฉพาะตัวการ์ตูนที่ชอบที่สุด คือเจ้าLittle Green Men จาก Toy Story
หรือไอ้มนุษย์ต่างดาว3ตา ที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นลูกของคุณโปเตโต้นั่นแหละ เอ็นดูมากกกก เห็นไม่ได้เลยซื้อตลอด
แล้วก็ชอบสั่งจากดิสนี่ย์สโตร์ที่ญี่ปุ่นนี่แหละ ฮ่าๆๆ



แต่เนื่องจากน้องสาวเอาตั๋วเครื่องบินAir Asia X มาขายในราคา10,000.- รวมนน.กระเป๋า25กิโล และอาหารบนเครื่อง1มื้อ
ประกอบกับนายให้ลาพักร้อนได้ยาวๆ ก็เลยตัดสินใจว่าต้องจัดแล้วล่ะ แล้วตอนนั้นก็กะว่าจะไปญี่ปุ่นแค่ครั้งเดียว คงไม่ติดใจอยากกลับไปอีกหรอก
(แต่ตอนนี้ขอถอนคำพูดนะคะ) ติดใจไปเรียบร้อย ฮ่าๆๆๆ

รีวิวนี่คงจะไม่พูดถึงเรื่องPassนะคะ เพราะในพันทิปก็มีผู้รู้มากมายให้คำแนะนำไว้เยอะแล้ว
ส่วนตัวศึกษาแล้วงงมากกกก ฮ่าๆๆ Passที่ซื้อไปจากH.i.s.คราวนี้มีแค่ตั๋วดิสนี่ย์ ซี , ตั๋วยูนิเวิร์ลเซิล , คันไซพาส และ อะเมซิ่งโอซาก้าค่ะ
ใจเราอยากไปตามซื้อของเล่นที่ชอบให้หมด เลยต้องการไปให้ครบทั้งดิสนี่ย์แลนด์ และยูนิเวิร์ลเซิล (หลักๆเลยต้องไปล่ะ2เมืองคือโตเกียวกับโอซาก้า)
แล้วพอดีว่ามีเมืองนึงที่ชอบมากในญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนม.ปลาย นั่นคือเมืองโอตารุ ที่ซัปโปโร ในจังหวัดฮอกไกโด ภาคเหนือของญี่ปุ่นนั่นเอง
เพื่อการ์ตูนที่รักและเมืองในฝัน ทริปนี้เลยถือกำเนิดขึ้นมาในที่สุด
ระหว่างเมืองเราเลือกเดินทางด้วยสายการบินระหว่างประเทศ ตอนนั้นเจอตั๋วของพีชแอร์ ไปกลับคนล่ะเมืองได้ ราคาไม่เกินสองพันสาม เลยจองเลย
เราเลือกจากโตเกียวไปซัปโปโร และกลับมาโอซาก้า ประหยัดเวลาได้มาก แล้วก็ถูกกว่าชิงคันเซนด้วยค่ะ (เกือบจองชินคันเซนไปตอนแรก)

มาถึงวันเดินทางกันดีกว่า ตื่นเต้นๆ เพิ่งเคยไปญี่ปุ่นครั้งแรก แล้วก็เพิ่งเคยลางานไปยาวขนาดนี้ด้วยค่า ฮ่าๆๆ


ระหว่างทาง .. คิดถึงอิลูกหมาตัวแสบที่บ้านนน อิแม่ไม่อยู่ตั้งหลายวันอย่าซนมากนะ



ถึงแว้วววววววววว




พอหลุดจากตม.มาได้ก็เริ่มตะลุยกันเลยจ้าาาาา
เริ่มจากวัดอาสากุซะที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี หรือวัดเซนโซจิ ไหว้ศาลเจ้าคู่บ้านคู่เมืองเค้าก่อนเลย
แต่ไหนๆก็ไหนๆ เค้าบอกว่าแถวนี้เทมปุระอร่อย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จัดสักหน่อยค่าาาาา


อร่อยมากกกกกกกกกกกกกก
เป็นร้านริมถนน อยู่ข้างๆร้านของของฝากที่มีคุมะมง ตรงข้ามกับทางเข้าวัดเลยค่ะ ร้านเป็นแบบดูภาพแล้วหยอดเหรียญเอา สนุกดีอ่ะสั่งใหญ่เลย

พอทานข้าวเสร็จก็เดินไปไหว้พระกันค่ะ แต่ระหว่าง2ข้างทางก็นะ ขายของกระจุกกระจิ๊กเต็มไปหมดเลย
ขนมที่อร่อยที่นี่ก็มีเมล่อนปัง และซาลาเปาที่อยู่ร้านติดทางเข้าวัดที่คนต่อแถวกันเยอะๆนั่นแหละค่ะ อร่อยขนาดKingของญี่ปุ่นก็ยังต้องมาต่อแถวซื้อ
ว่าแล้วก็จัดสิคะ รออะไร ฮ่าๆๆๆ
โชคดีมากกกกก ได้เห็นดอกซากุระบานในวัดนี้พอดี ตอนเราไปนี่เดือนเมษายนแล้ว ซากุระร่วงหมดแล้ว
แต่โชคดีที่ยังได้เห็น ใครไม่ทันที่โตเกียว ตามไปดูที่ฮอกไกโดได้น้าาาา
ดอกไม้ดอกไม้
เสร็จจากไหว้พระขอพร เสี่ยงเซียมซีก็ไปหาขนมกิน (ว่ากันว่าเซียมซี่ที่นี่แม่นมากกกก) เราว่าก็แอบตรงนะ ^^

สายการ์ตูนอย่างเรา ไหนๆก็อยู่โซนนี้แล้ว ไปต่อกันที่โตเกียวสกายทรีค่ะ
และร้านขนมที่ว่าก็คือ



คาเฟ่ มูมินนนนนน นั่นเองงงงงงงงงง <3


น่าร๊ากกกกกกกกกกกก


ทานเสร็จก็ไปชมวิวบนโตเกียวสกายทรี สวยๆ ^^

แล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก ตอนจองมาในAirbnb โฮสบอกว่าที่พักเค้าเป็นบ้าน และมีห้องแบ่งกับเรานอน แล้วอยู่ใกล้กับอากิฮาบาระแบบเดินไปได้
แต่เอาเข้าจริงออกไปไกลมากเลยยยย ต่อรถไฟสายLocalออกไปอีกกกก คือกว่าจะหาที่พักเจอเกือบ3ทุ่มครึ่ง (ทั้งที่เราออกจากโตเกียวสกายทรีมาตั้งแต่6โมงครึ่ง)
โฮสก็ช่วยอะไรไม่ได้ อธิบายอะไรไม่ชัดเจนเลย อีชะนี2คนก็เหนื่อยมากกกก เพราะเดินแบกกระเป่า20กว่าโลขึ้นลงบันไดรถใต้ดินมาทั้งวัน
... ในที่สุดก็เจอ

แต่ปรากฎว่าเป็นอพาร์ทเม้นท์ แล้วห้องก็เล็กมากกก ต้องนอนด้วยกัน ทั้งที่ห้องแคบมาก 3คนนอนเบียดกัน
คืนนั้นหมดแรง ทำได้แค่เดินไปกินราเม็งกับเบียร์ แล้วคุยกันกับน้องว่าพรุ่งนี้ไปหาโรงแรมในเมืองนอนเอา (คืออยู่ตรงนั้นมันเปลืองค่ารถไฟไปกลับมากๆ)
ว่าแล้วก็กลับไปนอน (แอบกลัวเลยว่าที่อื่นที่จองไว้จะเป็นแบบนี้รึเปล่าาา) ฮือออ ...



วันที่2 เช้ามาเลยตัดสินใจบอกโฮสว่ามันไกล ฉันจะไปหาที่อยู่ใหม่นะ ไม่ต้องคืนเงินพวกเราหรอก ไม่เป็นไร T.T
ก็จากกันด้วยดี ..

เม่าตาสว่าง

วันที่สอง มาต่อกันที่ชิบูย่า อยากเจอฮาชิ แล้วก็อยากเดินข้ามถนนด้วย ฮ่าๆๆๆ
ปรากฎว่า หลงจ้าาาาา หลงอยู่ในสถานีชิบูย่า หาทางออกไม่เจอ สถานีบ้าบออะไรจะใหญ่ขนาดนี้
(ขนาดตอนไปฮอกไกโด เล่าให้คนที่โน่นฟัง เค้าก็บอกว่าขนาดเค้ายังหลงเลย) ฮ่าๆๆ
สรุปต้องให้คนญี่ปุ่นจูงมือเดินออกมา ฮ่าๆๆๆๆๆ
เราแอบชอบคนที่นี่มากเลย เค้าใจดีนะ เราไปขอความช่วยเหลืออะไร ถึงเค้าจะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เค้าเข้าใจนะ
เหมือนกับคนนี้ที่ช้วยเราออกมา เค้าพยายามจะอธิบายว่าให้ไปทางไหน แต่เค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เค้าเลยจับมือพาเดินไปส่งทางออกเลย ฮ่าๆๆ
น่ารักมาก ประทับใจมากกกกกก หลงรักประเทศนี้ไปเป็นรอบที่100ขนาดเพิ่งมาถึงได้แค่วัน2วัน >///<


เดินออกมานิดเดียวก็เจอฮาชิแล้วววววววววววว


ปู่ฮาชิมีเพื่อนด้วยแหะวันนี้ คนมุงถ่ายรูปกันเยอะแยะเลย ฮ่าๆๆๆๆ



ไปข้ามถนนกันเถอะ >///<




อ่านรีวิวมาว่าถ้าอยากได้มุมนี้สวยๆให้ขึ้นไปนั่งบนชั้น2ของร้านสตาร์บั๊ค ว่าแล้วก็ไปจ่ะ

จากนั้นก็เดินหาโรงแรมกัน เดินจนเมื่อยเลยใช้วิธีจิ้มลงไปในจีพีเอช เจออันไหนเอาอันนั้น
สรุปไปจิ้มเจอโรงแรมAPA แพงหน่อยแต่ว่าอยู่ในชิบูย่าเลย เอาก็เอา สะดวกดี
เชคอินเรียบร้อย เก็บของแล้วก็ไปเดินหาอะไรกิน

เดินไปเจออาหารสเปน




เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมากกกก แต่ในส่วนของรสชาตินั้น ... ไม่ชินนน ฮ่าๆๆๆ

พอช่วงบ่าย ก็ไปต่อกันที่ tokyo one piece tower ที่โตเกียวทาวเวอร์นั่นเองงงงง ใครชอบวันพีชไม่น่าพลาดที่นี่แน่ๆ
(ค่าบัตรเข้าชมน่าจะประมาณ900.- ถ้าจำไม่ผิด) แค่ได้เจอโซโลก็คุ้มค่าแล้ว แต่นี่ได้เจอทั้งเอส ทั้งแซงครูส กรี๊ดดดดดดดดดดด >///<


เพลิดเพลินนน


มีความสุขขข

ปิดท้ายวันนี้ด้วยภาพโตเกียวทาวเวอร์ยามค่ำคืน สวยงามอลังการมากมายยยย



วันที่ 3 วันนี้วันของเรา ได้เวลาไปสวนสนุกแล้ววว เย้ !!
ใช่แล้วค่าาา วันนี้เราไปกันที่โตเกียวดิสนี่ย์ซี love
เจ้าหญิงดิสนี่ยืที่ชอบที่สุดคือเอเรี่ยล แน่นอนว่าเลือกซีไม่ต้องคิดเลย ฮ่าๆๆ


แต่มาถึงก็ต้องไม่ลืมภารกิจช้อปปิ้งเจ้าวู้ววว์ (เราจะเรียกLittle green men ว่าตัววู้ววว์ เพราะในเรื่องมันจะชอบทำเสียงวู้ววว์)
ลองไปดูดิ นางน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆนะ ว่าแล้วก็ไปช้อปปิ้งกันเถอะ เดี๊ยวค่อยเล่นนะ 555

ไร้ซึ่งสติ ถุงเท้าคู่ล่ะ700ก้ยังอุตส่าห์เอามา ราวกับโดนสะกดจิต ฮ่าาาาา >///<


อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขจนเกือบเย็นนนนน

อยากได้มานานนนน เจ้าถังป๊อบคอร์นตัวนี้ >///<
แบกให้มันหนักเข้าไปอีก แต่มีความสุขก็ทำไป เนอะๆๆ
(ข้ามวันนี้ไปแล้วกันนะคะ อยู่แต่ในดินนี่ย์ซีอย่างเดียว) 555555

พลุพลุพลุ

วันที่ 4 วันนี้ไปแหล่งท่องเที่ยวหลักๆกันบ้าน ทั้งอุเอโนะ โอไดบะ ชินจูกุ ฮาราจูกุ อากิฮาบาระ

ไปถึงฮาราจูกุคือแยกกับน้อง น้องเข้าโอนิสึกะ เราไปคิดดี้แลนด์ มันอยู่ตรงข้ามกันพอดี
ที่นี่คือสวรรค์เลยยย ชั้น1มีอาราเล่ โคนัน
ชั้นสองมีสตาร์วอล ชั้น3 เซเลอร์มูน ชั้น4 มีไข่ขี้เกียจ มูมิน ชั้น5 มีวันพีช มีซาริโอ้ สนู้ปปี้ บลาๆๆ
คือเยอะมากกกก วิ่งขึ้นวิ่งลง อยู่นี่นานมากกกกก และซื้อของมาจนต้องไปซื้อกระเป๋าเพิ่ม (นี่แกลืมรึเปล่าว่าแกต้องไปอีกหลายที่) ด่าตัวเอง


สายการ์ตูนคงเข้าใจความรู้สึกเราใช่มั๊ย หาพวก 555

ส่วนที่อากิฮาบาระก็หยอดตู้กันมันส์มากกกกก

คีบตีกตาก็มี


กรี๊ดดดดดดด ซูโทเปียยยยยย


(แต่ไม่ได้อะไรกลับมาสักตัว ฮือออ) ร้องไห้

แวะดิสนี่ย์ สโตร์ ก็ยังเจอซูโทเปีย เสียตังค์โดยละม่อมมมม ><


วันที่5 แวะไปโปเกม่อนเซนเตอร์ ครึ่งเช้า เพราะบ่ายต้องไปฮอกไกโดกันแล้ววว
อยู่โตเกียว5วันหมดตังค์ไปแล้วเกือบ2หมื่น เฉพาะที่ซื้อการ์ตูนมาเนี่ยยย อย่าไปเครียด ยิ้มไว้ๆ ถ้าต่อไปมีลูกก็เก็บไว้ให้ลูกได้ ปลอบใจตัวเองกันไป
(ดีนะที่ไม่ได้คลั่งกันดั้มไม่งั้นหนีกเลยยย) ฮ่าาาาา

ช่วงบ่ายก็ไปขึ้นเครื่องเปลี่ยนเมืองกันจ้าาาาา พระจันทร์

ถึงแล้วววววววว ฮอกไกโดวววววว
หนาวควันออกปากกันเลยทีเดียว



โฮสบอกทางละเอียดมาก เราสามารถออกจากสนามบินมารอรถประจำทางเข้าเมืองได้สบายๆ
ที่ฮอกไกโดรถไฟดูง่ายกว่าโตเกียวเยอะ สบายล่ะ ^^

มาถึงท่ารถ ตรงแถวๆสถานีมารุยาม่า โฮสก็มารอรับเรากลับที่พัก โฮสน่ารักมากกกก ใจดีมากกกกกกก
ทำอาหารเช้าให้เราทุกเช้าเลยยย ส่วนของห้องพักก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะที่นี่ ประทับใจตั้งแต่การเซอร์วิสของโฮสแล้ว ^^

วันแรกเรามาถึงกันดึก แล้วก็หิวมากกก ท้องร้องจนโฮสถามว่าหิวเหรอ เลยยอมรับไปแบบจ๋อยๆ
โฮสก็พาไปกินข้าว จำได้ว่าเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย
ทุกวันนี้ก็ยังจำรสชาติได้ดี ถ้าไปอีกก็จะกลับไปกินร้านนี้ และพักที่นี่อีกรอบแน่นอน

สำหรับร้านนี้ชื่อ Soul Store

รักคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่