คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 31
สมัย ป1 ได้มั้ง ผมเป็นเด็กอ้วนๆ ผิวค่อนข้างดำ สมัยนั้นมีซีรีย์ซิดคอม Diff'rent Strokes ตัวเอกเป็นเด็กผิวดำ อาโนล์ด กำลังดังมากในไทย ครูเลยชอบเรียกผมเป็น อาโนล์ดๆ (ถ้าลองหา vdo มาดูได้จะรู้ว่าแกเรียกเพราะเด็กนั่นมันน่ารักจริงๆ) ครูเรียกทีไรเพื่อนๆก็หัวเราะชอบใจตลอด
โตขึ้นมาหน่อย น้าต๋อยเซมเบ้ดังมาก หน้าผมกับน้าต๋อยนี่บล็อคเดียวกันเลย โดนแซวเป็นน้าต๋อยอีกรอบ
ทั้งสองอย่างนี้ฝังใจผมมาตลอดเหมือนกัน เลยมีความคิดว่าตัวเอง ดำ ไม่หล่อ ทำไงชาตินี้ก็ไม่หล่อแน่นอน เวลาสาวทิ้งหรืออกหักก็จะคิดเสมอว่าเพราะเราไม่หล่อ กลายเป็นคนไม่มั่นใจกับรูปร่างหน้าตามาก จะแต่งตัวอะไรก็ไม่กล้าแต่ง ชอบใส่เสื้อผ้าหลวมๆโคร่งๆ หลังๆเริ่มไม่แต่งตัวเลย ผมเผ้าบางทีปล่อยยาวไม่เป็นทรง จะไปตัดก็ตอนรำคาญมากๆเท่านั้น เป็นแบบนี้มาจนวัยทำงาน จนมาเมื่อสมัย facebook ไม่กี่ปีมานี้นี่เอง ได้มีโอกาสเจอเพื่อนสมัยเด็กๆ ได้นั่งมองตัวเองผ่านรูปถ่ายเก่าๆ มองผ่านสายตา กับคำบอกเล่าของเพื่อนสมัยเด็ก
ความจริงก็คือ ผมไม่อ้วนตั้งแต่ ม.ต้นแล้ว รูปร่างดีมาก สูงเกิน 180 แถมเป็นนักกีฬาด้วย หน้าตาเหมือนน้าต๋อยมันก็ไม่ได้ "ไม่หล่อ" อะไรขนาดนั้น ทุกอย่างผมคิดไปเองทั้งนั้น ตอน ม.ต้น มีสาวๆฝากเพื่อนมาบอกว่าชอบตั้งหลายคน(สมัยนั้นเขาทำกันแบบนี้แหละ) เพื่อนผู้หญิงต่างห้องผมก็เยอะ รู้จักกันเพราะเขาเป็นฝ่ายเข้ามาสนิทด้วย วาเลนไทน์ได้ดอกไม้กลับบ้านตรึม แต่เชื่อไหมว่าผมไม่รู้เรื่องเลย เพราะในหัวคิดตลอดเวลาว่าตัวเองไม่หล่อ ไม่มีหญิงที่ไหนมาสนใจหรอก กลัวโดนอำ กลัวโดนล้อ
ผู้หญิงในชีวิตเกือบทุกคน ยกเว้นภรรยา ก็เป็นฝ่ายจีบผมก่อน เพราะผมไม่กล้าจีบใคร ภาพอาโนล์ด กับน้าต๋อย มันเป็นปมด้อยที่ฝังอยู่ลึกมาก
จนมาเจอภรรยาผมนี่แหละ ครั้งแรกที่เห็นเขาตั้งใจกับตัวเองเลยว่ายังไงจะต้องจีบผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่ของลูกให้ได้ คือแบบว่าสวยถูกสเปคมากๆทั้งหน้าตา ทั้งรูปร่าง แถมรู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด
....คิดว่าภรรยาผมเขาจะเป็นประเภทผู้หญิงมั่นใจ มาให้กำลังใจผมจนลืมปมด้อยกันซินะ..
จริงๆตรงข้ามกันเลย พอได้รู้จักปรากฏว่าภรรยาผมเป็นคนที่มีปมด้อยหนักกว่าผมซะอีก เพราะตอนเด็กๆเขาถูกล้อมาว่า "ดำ" และ "หน้าอกโต" เหมือนกัน การจีบเขาก็ค่อนข้างยากเหมือนล่ากวางน้อยในป่าลึกเลยทีเดียว เพราะเขาก็คิดเหมือนกันว่าเขาไม่สวย ไม่มีใครมาชอบเขาจริงหรอก ถ้าผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มากับตัวเองนี่คงถอดใจไปละ
นั่นแหละการได้รู้จักเขาถึงเป็นกระจกสะท้อนตัวเอง ถึงได้เริ่มรู้จักปัญหาตัวเองจริงๆจังๆ ปมด้อยไม่ใช่และไม่เคยใช่ปัญหา สิ่งที่เป็นปัญหาคือการที่เราไม่เคารพ ไม่มั่นใจในตัวเองตลอดมาต่างหาก คิดย้อนไปแล้วเสียดายมากๆความไม่มั่นใจทำให้เสียโอกาสหลายๆอย่าง และเสียคนดีๆที่มีใจให้เราไปหลายคน (แต่ก็แอบขอบคุณ ไม่งั้นคงไม่ได้เจอคนที่รักที่สุดคนนี้)
เล่ามายืดยาวคืออยากจะบอกน้อง จขกท. ว่า
- บางครั้งคนอื่นล้อ เพราะเขาแคร์ เขาอยากรู้จัก อยากพูดอยากสนิทกับเรานะ คนไทยเป็นแบบนี้แหละ
- การเคารพ มั่นใจในตัวเองสำคัญที่สุด พ่อพี่ก็สอนพี่แบบนี้ แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจ นึกว่าเขาปลอบใจ จนแก่แล้วถึงเข้าใจด้วยตัวเองนี่แหละ
- คนเราจะเป็นคนสวย คนมีเสน่ห์ไปไม่ได้เลย
ถ้าวันๆเรามัวแต่ไม่มั่นใจสิ่งที่เราคิดว่าเป็นปมด้อย ตัวอย่างง่ายๆอย่างลุงหัวล้านสองคน คนหนึ่งพยายามไว้ผมปอยน้อยๆซึ่งมีประมาณ 18 เส้นข้างกะโหลก แล้วหวีมาแปะกลางหัวล้านไว้ตลอดเวลา เวลาเดินไปไหน หรือเจอลมแรงๆก็ก้มหน้าเอามือคอยจับหัวตลอดเวลา กับอีกคนพอรู้ว่าล้านก็ไว้ทรงสกินเฮด หรือโกนหัวไปเลย แต่เดินเหิรมั่นใจ คิดว่าลุงคนไหนดูดีกว่ากัน ในมุมของลุงทั้ง 2 คนหัวล้านเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเขามาก แต่เด็กมัธยมอย่าง จขกท. สนใจจริงๆหรือเปล่าว่าลุง 2 คนนั้นเขาจะหัวล้านหรือไม่ล้าน?
ส่วนเรื่องผิวดำ พี่เองก็ดำนะ แต่พออายุเยอะๆได้กลับมาดูแลสุขภาพตัวเองอีกครั้ง ขอบอกว่าผิวดำก็ดูดีได้ ดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 3 ลิตรขึ้นไป ออกกำลังกาย นอนให้พอ นอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้า กินผักผลไม้โดยเฉพาะพวกมีเบต้าแคโรทีน มะเขือเทศ ฝักทอง ผิวมันจะใส เรียบเนียนขึ้น ดูเหมือนมี ออร่า ผิวดีมันจะดีจากภายใน
สารเคมีที่ทา ขัด หรือ กินเข้าไปมันไม่มีผลอะไรเท่าไหร่ นอกจากวิตามินที่เราขาด ไอ้พวกขัดๆนี่ทำได้แค่กำจัดผิวเก่าเราออกไป แต่ถ้าผิวใหม่มันไม่ดีเพราะสุขภาพไม่ดี ยังไงๆผิวมันก็ไม่ดี กูลต้าไทโอนที่ขายๆไปอย่าไปกินมันเป็นสารสำหรับฉีดต้องซื้อโดยมีใบสั่งยาเท่านั้น ไอ้ขวดที่กินเข้าไปมันผสมอะไรมาไม่รู้ไม่ใช่กลูต้า งงมากสาวๆทุกวันนี้กล้ากินเข้าไปได้ยังไง ถ้าของพวกนี้กินแล้วสวยจริง ป่านนี้ดารา นางแบบ ไม่ต้องออกกำลังกายกันตับแล่บแบบทุกวันนี้หรอกครับ
พิมพ์ยาว แต่อยากให้อ่านจริงๆนะ สุดท้ายความสวยมันมาจากความคิด และสุขภาพของเราทั้งนั้น คำพูดพี่มันดูเชยนะแต่ประสบการณ์ทั้งชีวิตมันบอกพี่อย่างนี้จริงๆ อย่าไปเชื่อโฆษณาฉาบฉวยหลอกตังค์ทุกวันนี้เลย
โตขึ้นมาหน่อย น้าต๋อยเซมเบ้ดังมาก หน้าผมกับน้าต๋อยนี่บล็อคเดียวกันเลย โดนแซวเป็นน้าต๋อยอีกรอบ
ทั้งสองอย่างนี้ฝังใจผมมาตลอดเหมือนกัน เลยมีความคิดว่าตัวเอง ดำ ไม่หล่อ ทำไงชาตินี้ก็ไม่หล่อแน่นอน เวลาสาวทิ้งหรืออกหักก็จะคิดเสมอว่าเพราะเราไม่หล่อ กลายเป็นคนไม่มั่นใจกับรูปร่างหน้าตามาก จะแต่งตัวอะไรก็ไม่กล้าแต่ง ชอบใส่เสื้อผ้าหลวมๆโคร่งๆ หลังๆเริ่มไม่แต่งตัวเลย ผมเผ้าบางทีปล่อยยาวไม่เป็นทรง จะไปตัดก็ตอนรำคาญมากๆเท่านั้น เป็นแบบนี้มาจนวัยทำงาน จนมาเมื่อสมัย facebook ไม่กี่ปีมานี้นี่เอง ได้มีโอกาสเจอเพื่อนสมัยเด็กๆ ได้นั่งมองตัวเองผ่านรูปถ่ายเก่าๆ มองผ่านสายตา กับคำบอกเล่าของเพื่อนสมัยเด็ก
ความจริงก็คือ ผมไม่อ้วนตั้งแต่ ม.ต้นแล้ว รูปร่างดีมาก สูงเกิน 180 แถมเป็นนักกีฬาด้วย หน้าตาเหมือนน้าต๋อยมันก็ไม่ได้ "ไม่หล่อ" อะไรขนาดนั้น ทุกอย่างผมคิดไปเองทั้งนั้น ตอน ม.ต้น มีสาวๆฝากเพื่อนมาบอกว่าชอบตั้งหลายคน(สมัยนั้นเขาทำกันแบบนี้แหละ) เพื่อนผู้หญิงต่างห้องผมก็เยอะ รู้จักกันเพราะเขาเป็นฝ่ายเข้ามาสนิทด้วย วาเลนไทน์ได้ดอกไม้กลับบ้านตรึม แต่เชื่อไหมว่าผมไม่รู้เรื่องเลย เพราะในหัวคิดตลอดเวลาว่าตัวเองไม่หล่อ ไม่มีหญิงที่ไหนมาสนใจหรอก กลัวโดนอำ กลัวโดนล้อ
ผู้หญิงในชีวิตเกือบทุกคน ยกเว้นภรรยา ก็เป็นฝ่ายจีบผมก่อน เพราะผมไม่กล้าจีบใคร ภาพอาโนล์ด กับน้าต๋อย มันเป็นปมด้อยที่ฝังอยู่ลึกมาก
จนมาเจอภรรยาผมนี่แหละ ครั้งแรกที่เห็นเขาตั้งใจกับตัวเองเลยว่ายังไงจะต้องจีบผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่ของลูกให้ได้ คือแบบว่าสวยถูกสเปคมากๆทั้งหน้าตา ทั้งรูปร่าง แถมรู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด
....คิดว่าภรรยาผมเขาจะเป็นประเภทผู้หญิงมั่นใจ มาให้กำลังใจผมจนลืมปมด้อยกันซินะ..
จริงๆตรงข้ามกันเลย พอได้รู้จักปรากฏว่าภรรยาผมเป็นคนที่มีปมด้อยหนักกว่าผมซะอีก เพราะตอนเด็กๆเขาถูกล้อมาว่า "ดำ" และ "หน้าอกโต" เหมือนกัน การจีบเขาก็ค่อนข้างยากเหมือนล่ากวางน้อยในป่าลึกเลยทีเดียว เพราะเขาก็คิดเหมือนกันว่าเขาไม่สวย ไม่มีใครมาชอบเขาจริงหรอก ถ้าผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มากับตัวเองนี่คงถอดใจไปละ
นั่นแหละการได้รู้จักเขาถึงเป็นกระจกสะท้อนตัวเอง ถึงได้เริ่มรู้จักปัญหาตัวเองจริงๆจังๆ ปมด้อยไม่ใช่และไม่เคยใช่ปัญหา สิ่งที่เป็นปัญหาคือการที่เราไม่เคารพ ไม่มั่นใจในตัวเองตลอดมาต่างหาก คิดย้อนไปแล้วเสียดายมากๆความไม่มั่นใจทำให้เสียโอกาสหลายๆอย่าง และเสียคนดีๆที่มีใจให้เราไปหลายคน (แต่ก็แอบขอบคุณ ไม่งั้นคงไม่ได้เจอคนที่รักที่สุดคนนี้)
เล่ามายืดยาวคืออยากจะบอกน้อง จขกท. ว่า
- บางครั้งคนอื่นล้อ เพราะเขาแคร์ เขาอยากรู้จัก อยากพูดอยากสนิทกับเรานะ คนไทยเป็นแบบนี้แหละ
- การเคารพ มั่นใจในตัวเองสำคัญที่สุด พ่อพี่ก็สอนพี่แบบนี้ แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจ นึกว่าเขาปลอบใจ จนแก่แล้วถึงเข้าใจด้วยตัวเองนี่แหละ
- คนเราจะเป็นคนสวย คนมีเสน่ห์ไปไม่ได้เลย
ถ้าวันๆเรามัวแต่ไม่มั่นใจสิ่งที่เราคิดว่าเป็นปมด้อย ตัวอย่างง่ายๆอย่างลุงหัวล้านสองคน คนหนึ่งพยายามไว้ผมปอยน้อยๆซึ่งมีประมาณ 18 เส้นข้างกะโหลก แล้วหวีมาแปะกลางหัวล้านไว้ตลอดเวลา เวลาเดินไปไหน หรือเจอลมแรงๆก็ก้มหน้าเอามือคอยจับหัวตลอดเวลา กับอีกคนพอรู้ว่าล้านก็ไว้ทรงสกินเฮด หรือโกนหัวไปเลย แต่เดินเหิรมั่นใจ คิดว่าลุงคนไหนดูดีกว่ากัน ในมุมของลุงทั้ง 2 คนหัวล้านเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเขามาก แต่เด็กมัธยมอย่าง จขกท. สนใจจริงๆหรือเปล่าว่าลุง 2 คนนั้นเขาจะหัวล้านหรือไม่ล้าน?
ส่วนเรื่องผิวดำ พี่เองก็ดำนะ แต่พออายุเยอะๆได้กลับมาดูแลสุขภาพตัวเองอีกครั้ง ขอบอกว่าผิวดำก็ดูดีได้ ดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 3 ลิตรขึ้นไป ออกกำลังกาย นอนให้พอ นอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้า กินผักผลไม้โดยเฉพาะพวกมีเบต้าแคโรทีน มะเขือเทศ ฝักทอง ผิวมันจะใส เรียบเนียนขึ้น ดูเหมือนมี ออร่า ผิวดีมันจะดีจากภายใน
สารเคมีที่ทา ขัด หรือ กินเข้าไปมันไม่มีผลอะไรเท่าไหร่ นอกจากวิตามินที่เราขาด ไอ้พวกขัดๆนี่ทำได้แค่กำจัดผิวเก่าเราออกไป แต่ถ้าผิวใหม่มันไม่ดีเพราะสุขภาพไม่ดี ยังไงๆผิวมันก็ไม่ดี กูลต้าไทโอนที่ขายๆไปอย่าไปกินมันเป็นสารสำหรับฉีดต้องซื้อโดยมีใบสั่งยาเท่านั้น ไอ้ขวดที่กินเข้าไปมันผสมอะไรมาไม่รู้ไม่ใช่กลูต้า งงมากสาวๆทุกวันนี้กล้ากินเข้าไปได้ยังไง ถ้าของพวกนี้กินแล้วสวยจริง ป่านนี้ดารา นางแบบ ไม่ต้องออกกำลังกายกันตับแล่บแบบทุกวันนี้หรอกครับ
พิมพ์ยาว แต่อยากให้อ่านจริงๆนะ สุดท้ายความสวยมันมาจากความคิด และสุขภาพของเราทั้งนั้น คำพูดพี่มันดูเชยนะแต่ประสบการณ์ทั้งชีวิตมันบอกพี่อย่างนี้จริงๆ อย่าไปเชื่อโฆษณาฉาบฉวยหลอกตังค์ทุกวันนี้เลย
สุดยอดความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
คนดำกรรมพันธุ์มีสิทธิ์ขาวมั้ยคะ?