ศรีลังกาเดินทางไม่ยาก แค่อึดนิดหน่อย ตอน 5 Polonnaruwa

กระทู้สนทนา
ตอน 1    https://ppantip.com/topic/36150781
ตอน 2    Sri Pada   https://ppantip.com/topic/36151502
ตอน 3    Kandy https://ppantip.com/topic/36180251
ตอน 4   Dambulla - Sigiriya  https://ppantip.com/topic/36207776
ตอน 5   Polonnaruwa  https://ppantip.com/topic/36240013
ตอน 6-1 Anuradhpurah  https://ppantip.com/topic/36268829
ตอน 6-2 Anuradhpurah https://ppantip.com/topic/36268970
ตอน 7-1 Colombo  https://ppantip.com/topic/36302037
ตอน 7-2 Colombo-Thailand https://ppantip.com/topic/36302217

Sigiriya

วันที่ 5 ตื่นเช้ากินอาหารศรีลังกาเสร็จ ออกมาโบกตุ๊กตุ๊กเพื่อเดินทางไปขึ้นรถบัสไปเมือง Polonnaruwa ต่อ เราถามจุดขึ้นรถบัสกับลูกสาวเจ้าของเกสต์เฮาส์ตั้งแต่เช้าเมื่อวาน เธอพูดภาษาอังกฤษดีมากแต่เธอมีงานประจำทำ คนที่คอยดูแลต้อนรับแขกจึงเป็นลุงกับป้า เธอบอกให้เราไปขึ้นรถบัสที่ป้ายรถเมล์เลยหอนาฬิกาไป พอไปถึงเราก็ตะโกนถามรถบัสทีละคันว่าไปเมืองอนุราธปุระหรือเปล่าเพราะด้านหน้ารถจะบอกไปเมืองอื่น รอกันประมาณ 20 นาทีได้ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง จนกระเป๋ารถเมล์คันนึงเดินมาถามพี่สาวเราว่าจะไปที่ไหนแล้วก็เดินจากไป สักพักมีรถบัสคันนึงมา กระเป๋าคนเดิมก็เดินมาบอกพี่สาวเราว่าคันนี้ไปอนุราธปุระได้ แต่ไม่ได้เป็นปลายทางนะคะ ให้เราดูป้ายเองก็ไม่รู้หรอกว่าคันนี้ไปได้ นี่แหละน้ำใจคนศรีลังกาที่ยินดีช่วยเหลือคนแปลกหน้าเสมอ

เราบอกว่าเราพักที่ Man Guest Polonnaruwa ตุ๊กตุ๊กส่ายหน้าไม่ยอมไปส่ง มีอยู่คนนึงบอกเราว่า I don’t like Man Guest. เราสองคนเหวอเลย แต่อย่างที่บอกว่าคนศรีลังกามีน้ำใจงาม ถึงจะปฏิเสธไม่ยอมไปส่งแต่ก็อธิบายเส้นทางซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 นาที เดินไม่ไกลหรอกค่ะ แต่เดินลากกระเป๋าไปด้วยบนถนนขรุขระแคบๆ ต้องคอยระวังรถที่วิ่งสวนไปมาด้วย มันเลยกลายเป็นความลำบาก แล้วพี่สาวเราก็แบกเป้คนปวดไหล่ ขาก็ยังเจ็บอยู่

ในที่สุดเราก็ถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ เจอเจ้าของเกสต์เฮาส์เป็นชายหนุ่มก็ต้อนรับดีแต่เป็นคนเงียบๆ เราจึงยังไม่ถามถึงสาเหตุว่าทำไมเราสองคนจึงถูกปฏิเสธจากตุ๊กตุ๊กไม่ยอมมาส่งที่นี่ พอวันรุ่งขึ้นเราก็ถึงบางอ้อ เพราะเจ้าของเกสต์เฮาส์มีตุ๊กตุ๊กไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว และยังมีจักรยานให้เช่าอีก เมืองมันเล็ก นักท่องเที่ยวที่มาเมืองนี้ก็น้อย ถ้าทุกอย่างถูกผูกขาดไม่มีการแบ่งกันทำมาหากิน นักท่องเที่ยวอย่างเราก็เลยโดนหางเลขโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่

เกสต์เฮาส์ที่นี่กว้าง สะอาดสะอ้านและบรรยากาศดีเพราะเป็นนาข้าว ในห้องมีทีวีจอแบนใหม่เอี่ยมให้ดูแต่ดูไม่ได้เพราะเจ้าของบอกว่าลิงมันมาเขย่าจนเสาอากาศด้านนอกพัง แต่ไม่เป็นไรค่ะเพราะที่พักที่เราพักทุกทีมีสัญญาณไวไฟในห้องพักแรงด้วยค่ะ


ไม่รู้เพราะเขม่นกับเจ้าของหรือเปล่า เพราะก่อนจะปล่อยให้เราเดินไปที่พักเองได้แนะนำเราสองคนว่า อย่ากินอาหารหรือเช่าจักรยานกับเกสต์เฮาส์เพราะราคาแพงมาก เราก็เชื่อฟังโดยดีโดยเดินออกมาหาร้านอาหารและเช่าจักรยานจากร้านที่อยู่ตรงข้ามป้ายรถเมล์นั่นแหละค่ะ เป็นร้านที่เราฝากท้องไว้ตลอดสองวันที่อยู่เมืองนี้ มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ด้วยนะคะ เราลองซื้อมันทอดซึ่งเป็นมันสำปะหลังที่ผลิตในโรงงานในโคลอมโบแบบ snack ค่ะ แข็งโป๊ก กินไม่ได้เลย คงเป็นมันสำปะหลังที่บ้านเราเอาไปทำอาหารสัตว์ค่ะ

ตอนบ่ายเราสองคนเดินไปเรื่อยๆ ก็เจอตลาดนัดชุมชนค่ะ เหมือนตลาดบ้านเราค่ะ มีขายแต่เสื้อผ้า อาหารสด แต่ไม่มีข้าวแกง กับข้าวเป็นถุงๆ เหมือนบ้านเรานะคะ เห็นมีของซื้อกินได้เลยอย่างเดียวคือขนมทอดๆ ค่ะ แต่เราไม่ได้ลองซื้อกิน

เช้าวันที่ 6 กินอาหารเช้ากับโรงแรมเสร็จ เดินออกมาเช่าจักรยาน วันนี้ตรงกับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันชาติศรีลังกา เลยได้เก็บภาพบรรยากาศรถขบวนแห่ เรียบๆ ง่ายๆ ค่ะ ไม่ครึกครื้นโครมคราม เราสองคนเช่าจักรยานคนละคัน คันละ 50 บาท ขี่ได้ทั้งวัน ขี่จักรยานที่นี่ไม่ยากนะคะ เส้นทางไปโบราณสถานไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไร แต่ก่อนเข้าโบราณสถานต้องไปแวะซื้อตั๋วก่อนที่พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ทางแยกด้านซ้ายมือก่อนถึงโบราณสถานสัก 100 เมตร เราไม่รู้เลยต้องนั่งรถมอเตอร์ไซค์ตรงป้อมเจ้าหน้าที่ย้อนออกมา แล้วเราก็ให้สินน้ำใจเค้าไป 40 บาท แล้วเค้าก็เสนอตัวของเป็นไกด์แต่เราก็ปฏิเสธกัน เพราะอยากขี่จักรยานกินลมชมวิวกันเอง


โบราณสถานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เราประทับใจมากที่สุด ก่อนจะเดินทางมาเราหาข้อมูลด้วยความยากลำบาก เพราะไม่ค่อยมีใครมารีวิวเลย ส่วนมากจาก Sigiriya ก็ตรงไปอนุราธปุระเลย เราเองก็เกือบถอดใจอยู่เหมือนกันถ้าเวลาไม่พอ แต่พี่สาวเราอยากมามาก พอได้มาแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ถนนด้านในปูพื้นอย่างดี ขี่จักรยานสบายมาก ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น โบราณสถานก็สวยงาม มีวัดพระเขี้ยวแก้วเก่าที่เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระเขี้ยวแก้วด้วย แต่โบราณสถานแห่งนี้เป็นเมืองหลวงเพียงไม่นาน จึงไม่มีลักษณะความเป็นเมืองขนาดใหญ่เหมือนอนุราธปุระ

ขี่ๆ จักรยานกันไป แล้วแวะมานั่งดื่มน้ำก่อนออกจากประตูโบราณสถาน ก็เจอกับเจ้าของเกสต์เฮาส์ค่ะ เขาขับตุ๊กตุ๊กพาแขกฝรั่งมาเที่ยวโบราณสถานค่ะ เราขี่จักรยานเที่ยวโบราณสถานประมาณสองชั่วโมง ก็แวะกินข้าวร้านเดิมก่อนกลับไปนอนเล่นในที่พัก ไม่ได้ไปไหนต่อเพราะไม่มีที่ให้ไป ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ค่ะ

ปิดท้ายด้วยภาพปลาทอดซึ่งเป็นเมนูง่ายๆ แต่อร่อยที่สุด เราสองคนรีบจองตั้งแต่ยังไม่ได้ลงกระทะเลย เค้าบอกต้องรอ 15 นาที เราก็รอได้ และรีบจองใส่ห่อกลับไปกินที่พักด้วยอมยิ้ม36
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่