สวัสดีค่ะสาวๆ
หลายคนคงประสบปัญหากับวันนั้นของเดือนอยู่เสมอไม่มากก็น้อย
บางคนปวดมาก บางคนปวดตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย
หรือบางคนก็สุดแสนจะโชคดีที่ไม่เคยปวดประจำเดือนเลย หรือปวดน้อยมากๆ
วันนี้เราขอเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ทุกคนได้อ่านกันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบอกก่อนว่า เราไม่ใช่คุณหมอนะ เป็นผู้ป่วยคนหนึ่งที่กำลังรับการรักษาอยู่
เราบอกเล่าได้เพียงประสบการณ์เท่านั้น ถ้าใครสงสัยว่าเป็น แนะนำให้รีบพบหมอนะคะ
เราเริ่มปวดประจำเดือนตอนช่วงมอปลาย
อาการปวดช่วงนั้นคือ ปวดมากช่วงสามวันแรก
ช่วงไหนเครียดสอบแล้วปจดมา จะปวดมากจนตัวสั่น มีไข้ คล้ายจะเป็นไข้ทับฤดู
เคยปวดถึงขนาดนั่งร้องไห้ตอนสอบ แล้วต้องขอครูออกมากินยา(พอนสแตน)
และเราก็เป็นแบบนั้นจนเข้ามหา'ลัย เราเริ่มรู้ตัวว่า พอนสแตนเริ่มไม่ได้ผลกับเราแล้ว 555
เพราะเราปวดมากแบบนี้ทุกๆเดือน ยิ่งช่วงมหา'ลัย จะปวดครบทุกวันที่ปจดมา เราเริ่มมีอาการหน้ามืดประกอบด้วย
ช่วงปี1 มหา'ลัยมีการให้นศ.ตรวจสุขภาพ และมีการแบ่งนศ.ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
เราก็ได้ป้ายแดงเลย เพราะตรวจพบว่าเราเป็นโลหิตจางด้วย (ก็พึ่งจะรู้วว จริงจริง) เราก็ได้แจ้งหมอด้วยว่าเราปวดปจดมาก
ช่วงนั้นมหา'ลัยกำลังริเริ่มโครงการฝังเข็มเพื่อลดอาการปวดปจด แต่ดูเหมือนโครงการยังไม่เรียบร้อยดี
เราได้รับแค่ยาบำรุงเลือดกับยาแก้ปวด ทุก6เดือน ตลอด4ปี (เราต้องเจาะเลือดทุก6เดือน)
เวลาผ่านไป จนอีก1เดือนเราจะเรียนจบ โครงการก็พร้อมเปิดรับผู้ป่วย ซึ่งก็ไม่ทันแล้วสำหรับเรา 5555 (ซวยจุง)
เราจบออกมา บอกเลยว่าอาการปวดนี้ส่งผลต่องานมากๆ เพราะส่วนมากแล้วพี่ๆที่ทำงานก็เป็นผู้ชาย
จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครเข้าใจ และมักถูกหาว่าเราโกหกเสมอ บางคนก็เม้าส์ถึงว่าเราเอาใบรับรองแพทย์ปลอมให้ (โถ่.. พ่อคุณ)
ตอนนั้นด้วยปัญหามากมายในที่ทำงานนั้น ทำให้เราต้องเปลี่ยนงาน
แต่การเปลี่ยนนี้นำพาให้เราได้รับการรักษาอาการปวดท้องปจดและได้รู้สาเหตุของมัน
ช่วงเราเข้าไปทำงานที่ใหม่เดือนแรก เราก็ยังคงมีอาการเช่นเดิม คือปวดท้องมากจนหน้ามืด
พี่เจ้าของก็ทักเราว่า "ปวดแบบนี้พี่กลัวว่าจะเป็นซีสนะ(ชอคโกแลตซีส) เพราะว่า พี่เขาเคยเป็นซีสมาแล้ว และเคยซีสแตกด้วย"
หื้มมม! ..เรารู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แต่อีกใจนึง ก็ดีใจ ที่ในที่สุดก็มีคนเข้าใจสิ่งที่เราเป็น วันนั้นพี่เขาพาเราหาหมอทันที
เรายังมีสิทธิ์ประกันสังคมจากที่ทำงานเดิมอยู่ รอคิว"นานนนน"หน่อย 5555 และเนื่องจากเราไปวันที่เรายังมีปจด ทำให้ยังตรวจไม่ได้
หมอเลยนัดอีก1อาทิตย์ รอให้ปจดหมดแล้วค่อยมาตรวจภายใน ตอนนั้นก็ได้แค่ยาแก้ปวดมา (แต่หมอก็ให้ตัวที่แรงนะ หมอว่ามาา)
พอถึงวันที่ตรวจ บอกเลยค่ะว่าการขึ้นขาหยั่งครั้งแรกนั้น ใจสั่นระรัว หมอเป็นผู้ชายด้วย กลัวไปหมด
แต่พี่เขาก็พูดให้เราหายกลัวว่า หมอคนนี้เก่ง และหมอเขาคงเห็นวันละเป็นสิบๆคน จำของเราไม่ได้หรอก 55555555
พอถึงคิวพบหมอ หมอก็ให้ไปใส่ผ้ารพ. คล้ายผ้าถุงแบบต้องมัดเองอ่ะค่ะ และก็ขึ้นขาหยั่ง
ตอนนั้นความตื่นเต้นมันหายไปนะ เพราะอยู่ๆหมอก็ทำหน้าเครียดมากๆ ตอนนั้นใจแป้วไปเลย เราลงมาพร้อมฟังผลว่า
หมอคิดว่าเราเป็น "เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่" และเป็นค่อนข้างมากเลยทีเดียว มันมาเจริญแถวปากมดลูกเรา
(เยื่อบุโพรงมดลูกคือ ส่วนที่มันจะหลุดออกมาเป็นปจดเดือนหนะค่ะ)
โรคนี้ทำให้เกิด2อย่างคือ จะปวดประจำเดือนมาก! และเราจะมีลูกยาก
แต่สิ่งที่ช็อคเราได้มากกว่านั้นคือ.. โรคนี้ไม่มีทางหาย ทำได้แค่คุมอาการไว้เท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมอพยามอธิบายเราโดยวาดภาพให้เราเข้าใจค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เราอ่านเจอมาว่า เนื่องจากโรคนี้และอาการประกอบอื่นๆ อาจจะทำให้เกิดสภาวะอันตรายต่างๆมากมายขณะตั้งครรภ์
แต่ถ้าสมมติว่าตั้งครรภ์ได้รอดปลอดภัย ก็อาจจะหายจากโรคนี้ได้ (เหมือนเป็นการรีตาร์ทภายในใหม่ ทำนองนั้น)
แต่คนเป็นโรคนี้โอกาสติดลูก เป็นไปได้ยากอยู่แล้ว หมอเลยว่าโรคนี้ไม่มีทางหายนั่นเอง
ทีนี้วิธีการรักษา มี2แบบ คือ
1. กินยาคุม/ฉีดยาคุม
2. ตัดมดลูกทิ้งไปทั้งยวงเลยจ้าาาา 55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การตัดมดลูกทิ้งอธิบายบ้านๆคือ ก็..เหมือนเป็นวัยทองอ่าค่ะ
ตัวสร้างฮอร์โมนผู้ญมันไม่มีแล้ว ความเป็นสาวก็หายไป 5555
ด้วยความที่เรายังอายุ20ต้นๆ หมอจึงมองว่ายังไม่ต้องตัดมดลูกทิ้งก็ได้ หมอแนะนำให้เราทานยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนไปก่อน
โรคนี้ถึงจะดูรุนแรง แต่ไม่ร้ายแรง ต้องดูแลตัวเองดีๆ ระวังอย่าให้เกิดซีสเท่านั้น แต่เคสเราเนี่ย เราเป็นสะสมมานาน
เหมือนว่าพอเราปวดท้อง เราก็กินยา หลายๆเดือนเข้า เยื่อบุมันออกไม่หมด พอมดลูกบีบตัว เราปวดท้อง กินยาไปอีก
ทีนี้มดลูกก็ลดอาการบีบตัวลง เมนก็ไม่ไหล กลายเป็นสะสมจ้าา และหมอก็กลัวเราจะปวดท้อง จึงให้เรากินยาคุมไปติดกันไม่มีกำหนดพัก
ทีนี้ ยาคุมตัวแรกที่เรากินคือ อาร์เดน หมอบอกว่า ยาคุมพวกนี้เป็นฮอร์โมนอ่อนๆ ผลข้างเคียงจะมีอาการตกเลือด ไม่ต้องวิตก
แต่ถ้าตกเลือดมากไปและมีอาการปวดท้องร่วมด้วยก็ให้รีบมาหาหมอทันที อันนั้นเป็นเพราะร่างกายเราแล้ว
เรากินได้ 1อาทิตย์ สิวบุกอย่างมหาศาล ตอนนั้นเครียดมาก ท้องก็ไม่ค่อยจะหายปวด
หลังจากกินได้ 2อาทิตย์ เราตกเลือดและปวดท้องอย่างมาก แฟนรีบพาเราไปรพ.แต่เช้า และก็ได้แอดมินที่รพ. 2คืน
หมอบอกว่าเป็นผลจากยาแน่นอน หมอให้เรากินยาที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว เพื่อให้เลือดหยุดไหล จะได้อัลตราซาวภายในได้
หลังจากซาวเสร็จ หมอก็ชี้ให้เห็นบริเวณที่เป็นปัญหา เราก็ดูไม่เป็นนะ แต่ที่หมอชี้ๆก็ดูผิดปกติเป็นวงกว้างอยู่
หมอก็ยังอยากให้เราอดทนอีกหน่อย หมอจะเปลี่ยนยาให้ แต่ก็ยังให้กินติดต่อกันไปเช่นเดิม
ยาตัวที่2 เราได้กิน มาร์วิลอน28 ทีนี้กินยาว3เดือน แล้วครบ3เดือนหมอนัดใหม่ เช่นเคย ยังคงตกเลือด แต่น้อยลง
และสิวก็ไม่ได้ลดลงเลย
ทีนี้หมอเลยจัดให้กิน Yasmin หมอบอกว่าตัวนี้ส่วนมากคนไข้จะยังมีสิวช่วงแรก แต่พอร่างกายปรับ จะดีขึ้น หมอก็จัดให้เรากินอีก3เดือน
และพอครบ3เดือนนี้หมอจะนัดตรวจภายในอีกครั้ง
ช่วงนั้นบอกเลยว่าสภาวะทางอารมณ์แปรปรวนอย่างมาก เราเหวี่ยงทุกคนรอบตัว แฟนเรารับหนักสุด
แต่เขาก็อดทนกับเรามากๆ หนักถึงขนาดเรื่องเล็กๆมาก เรานั่งร้องไห้ได้เป็นชั่วโมง 5555555 ตลกตัวเองสุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผลข้างเคียงของยา จะเกิดขึ้นกับบางคนเท่านั้น และจะมีอาการมากน้อยต่างกันไป
และเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ครบ 6เดือนที่เรากินยาคุมมาค่ะ
ผลจากการตรวจภายในคือ บริเวณที่เกิดปัญหายุบลงอย่างสัมผัสได้ หมอบอกว่าช่วงนี้จะตกเลือดเป็นลิ่มๆหน่อย
ก็ผลจากยานั่นแหละ ไม่เป็นอะไร อาการปวดท้องเราดีขึ้น จะปวดตุ๊บๆหน่อยๆ พอทนได้
หมอนัดอีกทีคือ3เดือน และหมอยังอยากให้เรากินยาต่อไปจนครบ 1ปี (คืออีก 6เดือน)
เพราะตอนนี้ยาทำให้เกิดผลลัพธ์ที่หมอค่อนข้างพอใจ ไม่จำเป็นต้องเฉือนมดลูกทิ้งจ้าา 555555
เราไม่ได้ทานพอนสแตนอีกตั้งแต่นั้นมา แอบรู้สึกดีนิดๆที่ปจดไม่มาเลย แต่ก็รำคาญอาการตกเลือดแทน
พยามออกกำลังกาย พักผ่อนมากๆ ทุกอย่างมันช่วยหมด
สุดท้าย อยากจะบอกสาวๆ หรือหนุ่มๆที่พบว่าสาวข้างกายมีอาการเช่นนี้
รีบหาหมอเนอะ อย่ามัวแต่อาย ไม่กล้าตรวจภายในเลย จะบอกว่าเป็นซีส ซีสแตกไม่ใช่เรื่องตลกเลย
ตรวจพบสาเหตุไวก็จะได้รีบรักษา แต่ก็อย่าแพนิกมากไปนะคะ อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น
ตอนนี้เรายังใช้ชีวิตลั๊นลาแฮปปี้ได้ตามปกติค่ะ สภาพจิตใจก็ดีขึ้น หายเครียด
และสำหรับสาวๆที่ไม่มีอาการปวดท้องนั้น อย่าชะล่าใจไปนะคะ
อีกโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้ญ ก็คือ "มะเร็งปากมดลูก" ที่ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นได้
ไปตรวจ และฉีดวัคซีนกันไว้เถอะค่ะ
ถ้ามีโอกาสเราจะมาอัพเดทหลังวันที่หมอนัดให้ฟัง ว่าผลการรักษาจะเป็นยังไงบ้างนะคะ
และถ้าว่างๆจะมาเล่าอาการซีสแตกของพี่ที่ออฟฟิศให้ฟังเป็นอุทาหรณ์กันค่ะ
ดูแลสุขภาพนะคะ บายยย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เราบอกเล่าจากคำอธิบายของคุณหมอที่พยามอธิบายเป็นภาษาชาวบ้านให้เราเข้าใจนะคะ
เราจึงถ่ายทอดตามความเข้าใจของเราอีกที หากเราเล่าอะไรคลาดเคลื่อน ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ยินดีให้ผู้รู้อธิบายเพิ่มเติมได้ค่ะ
"ปวดประจำเดือนมาก" สัญญาณบอกโรคของผู้หญิง
หลายคนคงประสบปัญหากับวันนั้นของเดือนอยู่เสมอไม่มากก็น้อย
บางคนปวดมาก บางคนปวดตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย
หรือบางคนก็สุดแสนจะโชคดีที่ไม่เคยปวดประจำเดือนเลย หรือปวดน้อยมากๆ
วันนี้เราขอเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ทุกคนได้อ่านกันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเริ่มปวดประจำเดือนตอนช่วงมอปลาย
อาการปวดช่วงนั้นคือ ปวดมากช่วงสามวันแรก
ช่วงไหนเครียดสอบแล้วปจดมา จะปวดมากจนตัวสั่น มีไข้ คล้ายจะเป็นไข้ทับฤดู
เคยปวดถึงขนาดนั่งร้องไห้ตอนสอบ แล้วต้องขอครูออกมากินยา(พอนสแตน)
และเราก็เป็นแบบนั้นจนเข้ามหา'ลัย เราเริ่มรู้ตัวว่า พอนสแตนเริ่มไม่ได้ผลกับเราแล้ว 555
เพราะเราปวดมากแบบนี้ทุกๆเดือน ยิ่งช่วงมหา'ลัย จะปวดครบทุกวันที่ปจดมา เราเริ่มมีอาการหน้ามืดประกอบด้วย
ช่วงปี1 มหา'ลัยมีการให้นศ.ตรวจสุขภาพ และมีการแบ่งนศ.ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
เราก็ได้ป้ายแดงเลย เพราะตรวจพบว่าเราเป็นโลหิตจางด้วย (ก็พึ่งจะรู้วว จริงจริง) เราก็ได้แจ้งหมอด้วยว่าเราปวดปจดมาก
ช่วงนั้นมหา'ลัยกำลังริเริ่มโครงการฝังเข็มเพื่อลดอาการปวดปจด แต่ดูเหมือนโครงการยังไม่เรียบร้อยดี
เราได้รับแค่ยาบำรุงเลือดกับยาแก้ปวด ทุก6เดือน ตลอด4ปี (เราต้องเจาะเลือดทุก6เดือน)
เวลาผ่านไป จนอีก1เดือนเราจะเรียนจบ โครงการก็พร้อมเปิดรับผู้ป่วย ซึ่งก็ไม่ทันแล้วสำหรับเรา 5555 (ซวยจุง)
เราจบออกมา บอกเลยว่าอาการปวดนี้ส่งผลต่องานมากๆ เพราะส่วนมากแล้วพี่ๆที่ทำงานก็เป็นผู้ชาย
จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครเข้าใจ และมักถูกหาว่าเราโกหกเสมอ บางคนก็เม้าส์ถึงว่าเราเอาใบรับรองแพทย์ปลอมให้ (โถ่.. พ่อคุณ)
ตอนนั้นด้วยปัญหามากมายในที่ทำงานนั้น ทำให้เราต้องเปลี่ยนงาน
แต่การเปลี่ยนนี้นำพาให้เราได้รับการรักษาอาการปวดท้องปจดและได้รู้สาเหตุของมัน
ช่วงเราเข้าไปทำงานที่ใหม่เดือนแรก เราก็ยังคงมีอาการเช่นเดิม คือปวดท้องมากจนหน้ามืด
พี่เจ้าของก็ทักเราว่า "ปวดแบบนี้พี่กลัวว่าจะเป็นซีสนะ(ชอคโกแลตซีส) เพราะว่า พี่เขาเคยเป็นซีสมาแล้ว และเคยซีสแตกด้วย"
หื้มมม! ..เรารู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แต่อีกใจนึง ก็ดีใจ ที่ในที่สุดก็มีคนเข้าใจสิ่งที่เราเป็น วันนั้นพี่เขาพาเราหาหมอทันที
เรายังมีสิทธิ์ประกันสังคมจากที่ทำงานเดิมอยู่ รอคิว"นานนนน"หน่อย 5555 และเนื่องจากเราไปวันที่เรายังมีปจด ทำให้ยังตรวจไม่ได้
หมอเลยนัดอีก1อาทิตย์ รอให้ปจดหมดแล้วค่อยมาตรวจภายใน ตอนนั้นก็ได้แค่ยาแก้ปวดมา (แต่หมอก็ให้ตัวที่แรงนะ หมอว่ามาา)
พอถึงวันที่ตรวจ บอกเลยค่ะว่าการขึ้นขาหยั่งครั้งแรกนั้น ใจสั่นระรัว หมอเป็นผู้ชายด้วย กลัวไปหมด
แต่พี่เขาก็พูดให้เราหายกลัวว่า หมอคนนี้เก่ง และหมอเขาคงเห็นวันละเป็นสิบๆคน จำของเราไม่ได้หรอก 55555555
พอถึงคิวพบหมอ หมอก็ให้ไปใส่ผ้ารพ. คล้ายผ้าถุงแบบต้องมัดเองอ่ะค่ะ และก็ขึ้นขาหยั่ง
ตอนนั้นความตื่นเต้นมันหายไปนะ เพราะอยู่ๆหมอก็ทำหน้าเครียดมากๆ ตอนนั้นใจแป้วไปเลย เราลงมาพร้อมฟังผลว่า
หมอคิดว่าเราเป็น "เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่" และเป็นค่อนข้างมากเลยทีเดียว มันมาเจริญแถวปากมดลูกเรา
(เยื่อบุโพรงมดลูกคือ ส่วนที่มันจะหลุดออกมาเป็นปจดเดือนหนะค่ะ)
โรคนี้ทำให้เกิด2อย่างคือ จะปวดประจำเดือนมาก! และเราจะมีลูกยาก
แต่สิ่งที่ช็อคเราได้มากกว่านั้นคือ.. โรคนี้ไม่มีทางหาย ทำได้แค่คุมอาการไว้เท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมอพยามอธิบายเราโดยวาดภาพให้เราเข้าใจค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทีนี้วิธีการรักษา มี2แบบ คือ
1. กินยาคุม/ฉีดยาคุม
2. ตัดมดลูกทิ้งไปทั้งยวงเลยจ้าาาา 55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้วยความที่เรายังอายุ20ต้นๆ หมอจึงมองว่ายังไม่ต้องตัดมดลูกทิ้งก็ได้ หมอแนะนำให้เราทานยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนไปก่อน
โรคนี้ถึงจะดูรุนแรง แต่ไม่ร้ายแรง ต้องดูแลตัวเองดีๆ ระวังอย่าให้เกิดซีสเท่านั้น แต่เคสเราเนี่ย เราเป็นสะสมมานาน
เหมือนว่าพอเราปวดท้อง เราก็กินยา หลายๆเดือนเข้า เยื่อบุมันออกไม่หมด พอมดลูกบีบตัว เราปวดท้อง กินยาไปอีก
ทีนี้มดลูกก็ลดอาการบีบตัวลง เมนก็ไม่ไหล กลายเป็นสะสมจ้าา และหมอก็กลัวเราจะปวดท้อง จึงให้เรากินยาคุมไปติดกันไม่มีกำหนดพัก
ทีนี้ ยาคุมตัวแรกที่เรากินคือ อาร์เดน หมอบอกว่า ยาคุมพวกนี้เป็นฮอร์โมนอ่อนๆ ผลข้างเคียงจะมีอาการตกเลือด ไม่ต้องวิตก
แต่ถ้าตกเลือดมากไปและมีอาการปวดท้องร่วมด้วยก็ให้รีบมาหาหมอทันที อันนั้นเป็นเพราะร่างกายเราแล้ว
เรากินได้ 1อาทิตย์ สิวบุกอย่างมหาศาล ตอนนั้นเครียดมาก ท้องก็ไม่ค่อยจะหายปวด
หลังจากกินได้ 2อาทิตย์ เราตกเลือดและปวดท้องอย่างมาก แฟนรีบพาเราไปรพ.แต่เช้า และก็ได้แอดมินที่รพ. 2คืน
หมอบอกว่าเป็นผลจากยาแน่นอน หมอให้เรากินยาที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว เพื่อให้เลือดหยุดไหล จะได้อัลตราซาวภายในได้
หลังจากซาวเสร็จ หมอก็ชี้ให้เห็นบริเวณที่เป็นปัญหา เราก็ดูไม่เป็นนะ แต่ที่หมอชี้ๆก็ดูผิดปกติเป็นวงกว้างอยู่
หมอก็ยังอยากให้เราอดทนอีกหน่อย หมอจะเปลี่ยนยาให้ แต่ก็ยังให้กินติดต่อกันไปเช่นเดิม
ยาตัวที่2 เราได้กิน มาร์วิลอน28 ทีนี้กินยาว3เดือน แล้วครบ3เดือนหมอนัดใหม่ เช่นเคย ยังคงตกเลือด แต่น้อยลง
และสิวก็ไม่ได้ลดลงเลย
ทีนี้หมอเลยจัดให้กิน Yasmin หมอบอกว่าตัวนี้ส่วนมากคนไข้จะยังมีสิวช่วงแรก แต่พอร่างกายปรับ จะดีขึ้น หมอก็จัดให้เรากินอีก3เดือน
และพอครบ3เดือนนี้หมอจะนัดตรวจภายในอีกครั้ง
ช่วงนั้นบอกเลยว่าสภาวะทางอารมณ์แปรปรวนอย่างมาก เราเหวี่ยงทุกคนรอบตัว แฟนเรารับหนักสุด
แต่เขาก็อดทนกับเรามากๆ หนักถึงขนาดเรื่องเล็กๆมาก เรานั่งร้องไห้ได้เป็นชั่วโมง 5555555 ตลกตัวเองสุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ครบ 6เดือนที่เรากินยาคุมมาค่ะ
ผลจากการตรวจภายในคือ บริเวณที่เกิดปัญหายุบลงอย่างสัมผัสได้ หมอบอกว่าช่วงนี้จะตกเลือดเป็นลิ่มๆหน่อย
ก็ผลจากยานั่นแหละ ไม่เป็นอะไร อาการปวดท้องเราดีขึ้น จะปวดตุ๊บๆหน่อยๆ พอทนได้
หมอนัดอีกทีคือ3เดือน และหมอยังอยากให้เรากินยาต่อไปจนครบ 1ปี (คืออีก 6เดือน)
เพราะตอนนี้ยาทำให้เกิดผลลัพธ์ที่หมอค่อนข้างพอใจ ไม่จำเป็นต้องเฉือนมดลูกทิ้งจ้าา 555555
เราไม่ได้ทานพอนสแตนอีกตั้งแต่นั้นมา แอบรู้สึกดีนิดๆที่ปจดไม่มาเลย แต่ก็รำคาญอาการตกเลือดแทน
พยามออกกำลังกาย พักผ่อนมากๆ ทุกอย่างมันช่วยหมด
สุดท้าย อยากจะบอกสาวๆ หรือหนุ่มๆที่พบว่าสาวข้างกายมีอาการเช่นนี้
รีบหาหมอเนอะ อย่ามัวแต่อาย ไม่กล้าตรวจภายในเลย จะบอกว่าเป็นซีส ซีสแตกไม่ใช่เรื่องตลกเลย
ตรวจพบสาเหตุไวก็จะได้รีบรักษา แต่ก็อย่าแพนิกมากไปนะคะ อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น
ตอนนี้เรายังใช้ชีวิตลั๊นลาแฮปปี้ได้ตามปกติค่ะ สภาพจิตใจก็ดีขึ้น หายเครียด
และสำหรับสาวๆที่ไม่มีอาการปวดท้องนั้น อย่าชะล่าใจไปนะคะ
อีกโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้ญ ก็คือ "มะเร็งปากมดลูก" ที่ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นได้
ไปตรวจ และฉีดวัคซีนกันไว้เถอะค่ะ
ถ้ามีโอกาสเราจะมาอัพเดทหลังวันที่หมอนัดให้ฟัง ว่าผลการรักษาจะเป็นยังไงบ้างนะคะ
และถ้าว่างๆจะมาเล่าอาการซีสแตกของพี่ที่ออฟฟิศให้ฟังเป็นอุทาหรณ์กันค่ะ
ดูแลสุขภาพนะคะ บายยย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้