นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ มองว่า ตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศในปีนี้ ผู้ซื้อหลักยังคงเป็นคนไทยที่ต้องการซื้อคอนโดเป็นบ้านพักหลังที่สอง ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อจึงค่อนข้างใช้เวลาในการเปรียบเทียบหลายโครงการในบริเวณเดียวกัน ขณะที่กลุ่มคอนโดราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นชาวยุโรป โดยเฉพาะสแกนดิเนเวีย สวิตเซอร์แลนด์ และเนอร์แลนด์
ทั้งนี้ บริเวณทำเลที่อยู่นอกพื้นที่หัวหินที่ติดทะเล เป็นพื้นที่ใหม่ในการพัฒนาโครงการคอนโด และส่วนใหญ่พัฒนาเป็นโรงแรม คอนโด และโครงการประเภทอื่นๆ เต็มพื้นที่แล้ว มีที่ดินเปล่าที่จะพัฒนานั้นน้อยมาก ทำให้ราคาที่ดินที่มีการซื้อขายกันสูงมาก โดยในทำเลย่านเขาตะเกียบ ล่าสุดมีกลุ่มทุนรายหนึ่งได้ซื้อที่ดิน พร้อมบ้านเก่าอายุเป็น 100 ปีในหัวหินซอย 51 ไปกว่า 200 ล้านบาท หรือราคาต่อไร่กว่า 100 ล้านบาท คาดว่าน่าจะนำมาพัฒนาเป็นบูทิคโฮเทล เนื่องจากว่าทำเลดังกล่าวติดข้อจำกัดเรื่องความสูงที่สามารถสร้างได้ไม่เกิน 4 ชั้น

                          อีกทำเลที่น่าสนใจคือที่ดินติดทะเลบริเวณใกล้ๆ กับวนอุทยานปราณบุรี ซึ่งที่ดินในบริเวณดังกล่าวเดิมส่วนใหญ่เจ้าของแลนด์ลอร์ดคือ ครอบครัวของ “ภัทราวดี มีชูธน” ลักษณะที่ดินเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวตัด และได้มีการแบ่งขายให้ผู้ที่สนใจ ปัจจุบันมีการนำเอาที่ดินออกมาพัฒนาแล้ว คาดว่าจะมีการพัฒนาทั้งคอนโด วิลล่า และโรงแรม เป็นต้น

                          ล่าสุด บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวโครงการเบลล่า คอสต้า หัวหิน อย่างเป็นทางการ โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ริมชายหาดติดกับวนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์เมดิเตอร์เรเนียล รวม 6 อาคาร เป็นอาคารสูง 4 ชั้น 4 อาคาร และอาคารสูง 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวนรวม 323 ยูนิต พื้นที่โครงการ 11 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,677 ล้านบาท มีให้เลือกทั้งแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 45-56 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.15 ล้านบาท 2 ห้องนอน ขนาด 60-67 ตร.ม.เริ่ม 5.5 ล้านบาท แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 78-96 ตร.ม. เริ่ม 9.7 ล้านบาท และห้องแบบ MOFF ขนาด 62-81 ตร.ม. เริ่ม 5.5 ล้านบาท

                          นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการลงทุนที่หัวหินเป็น 1 ใน 3 โครงการที่บริษัทมีการขยายโครงการไปยังต่างจังหวัด ใน 3 เมืองท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ เขาใหญ่ และหัวหิน



จับตาทุนจีนรุกซื้อลงทุน


                          ด้านนายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใน อ.ชะอำ หัวหิน และปราณบุรี พยายามที่จะเพิ่มยอดขาย โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมทั้งออกบูธขายโครงการนอกพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ซื้อชาวไทยถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของชะอำ หัวหินและปราณบุรี โดยเฉพาะตลาดคอนโด ที่คนไทยจำนวนมากต้องการซื้อเพื่อเป็นบ้านพักวันหยุด หรือบ้านหลังที่สองในเมืองชายทะเล

                          โครงการคอนโดส่วนใหญ่ที่เปิดขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในพื้นที่ชะอำ หัวหิน และปราณบุรี จะมีราคาขายต่ำกว่า 4 ล้านบาทต่อยูนิต เนื่องจากสอดคล้องกับกำลังซื้อ นอกจากนี้ ยังคงมีโครงการบ้านจัดสรรหลายโครงการที่มีราคาขายต่อหลังน้อยกว่า 4 ล้านบาทอยู่ในพื้นที่ชะอำ และหัวหินฝั่งภูเขา โดยพื้นที่ชะอำ หัวหิน และปราณบุรียังคงมีการขยายตัวเล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง

                          ทั้งนี้ โครงการส่วนใหญ่เป็นของผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าตั้งแต่ระดับ High-end ลงมา และผู้ซื้อชาวไทยเป็นกล่มลูกค้าหลัก โดยเฉพาะในตลาดคอนโดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กับโครงการที่อยู่ในพื้นที่ติดชายหาด ผู้ซื้อชาวไทยส่วนใหญ่สนใจในโครงการคอนโดที่มีราคาขายต่ำกว่า 4 ล้านบาท เพราะว่าเหมาะสำหรับซื้อเป็นบ้านหลังที่สอง ส่วนผู้ซื้อชาวเอเชียก็มองหาโอกาสในการซื้อคอนโดในชะอำ หัวหิน และปราณบุรี โดยเฉพาะชาวจีน อีกทั้งผู้ประกอบการชาวจีนบางรายยังดึงดูดผู้ซื้อชาวจีนเข้ามาในพื้นที่ชะอำ และหัวหิน

                          ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับนางสุพินท์ ที่ระบุว่า นักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทบุคคล สถาบัน หรือกองทุน ยังคงให้ความสนใจลงทุนซื้ออสังหาฯ ในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีน ส่วนหนึ่งอาจเพราะยังมองว่าราคาอสังหาฯ ยังถูกเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน อีกทั้งยังมองว่า การเปิดตลาดเสรีภายใต้กรอบเออีซีน่าจะเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่จะส่งผลดีต่อการลงทุน

อ่านต่อ...http://www.komchadluek.net/news/economic/204968