ถ้ามีรางวัล STOCK OF THE MONTH เดือนมีนาคมนี้คงต้องยกรางวัลนี้ให้ GL นักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายหุ้นใน ตลท. ในช่วงที่ผ่านมา
คงมีน้อยรายที่ไม่รู้จักหุ้นชื่อ GL - บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) ซึ่งถ้าเปรียบเป็นหนัง ก็คงมีครบรส เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ขื่น ขม
ร้องไห้ และหัวเราะเคล้าน้ำตา
ขอมองจากอีกมุมของนักลงทุนมือใหม่ (อีกครั้ง) ความเห็นส่วนตัวครับ ไม่ใช่การวิเคราะห์หรือให้เป้าราคาหุ้น ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ-ขาย
ไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมด เพราะผมก็ไม่ใช่คนวงใน วิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่เรามีข้อมูลอย่างเป็นทางการจากเว็บไซต์ ตลท.
(www.set.or.th) และข่าวสารที่ปรากฏตามสื่อ เว็บไซต์และเว็บบอร์ดสาธารณะ
จากที่ทราบกันดีว่าในช่วงต้นเดือนมีนาคม ราคาหุ้น GL ดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว และวันที่ 7 มีนาคม GL มีมูลค่าซื้อขายเกิน
หนึ่งหมื่นล้านบาทคิดเป็นเกือบ 18% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งวันของตลาด และราคาซื้อขายผันผวนอย่างหนัก
มีซิลลิ่ง มีฟลอร์กันหลายรอบ ทำเอาคนที่บ่นเซ็งกับตลาดหุ้นที่ไซด์เวย์อยู่นานเลิกบ่น (แต่อาจเริ่มรำคาญกับกระทู้ GL
ในห้องสินธรของพันทิปที่มีเต็มไปหมด) และมีข่าวในทางลบที่กระทบกับตัวบริษัทค่อนข้างมาก
จนบริษัทต้องชี้แจงกับ ตลท. หลายครั้ง
มีคนซื้อขาย เก็งกำไรจากความผันของราคาหุ้นอย่างรวดเร็ว บางส่วนได้กำไร บางส่วนขาดทุน ชุลมุนกันอยู่หลายวัน
ท้ายที่สุดวันที่ขึ้นจาก 23 ไปเกือบแตะ ลิ่ง 29.75 (คือถึงแค่ 29.5 ในวันพุธ) แล้วกดลงมาติดฟลอร์ 16.1 ก่อนเด้งไปปิดที่ 16.6
คนที่น่าจะโดนหนัก คือ คนที่เล่น DW (ไม่รู้ผมเรียกถูกรึเปล่า เพราะไม่คิดสนใจเล่น แต่ดูจาก หลายๆ กระทู้ในวันอังคาร-พุธ)
จากที่วันก่อน เห็นบอกเล่นแล้วได้กำไรหลายเปอร์เซ็นต์ คนอาจแห่เข้าไปเล่น จ้าวเขาเลยน่าจะไล่ทุบกินตับเม่า DW เอา
ในช่วงตะลุมบอนวันพุธที่ถูกกดราคาท้ายตลาดน่าจะมีเม่าทิ้งหุ้นหนีตายมาก (น่าจะมีหรั่งด้วยเพราะขายมากเหลือเกิน)
จ้าวเขาอาจเก็บหุ้นกลับไปได้เยอะพอสมควร รวมถึง VI ตัวจริง บริษัทหลักทรัพย์ที่มั่นใจก็น่าจะเข้ามาเก็บหุ้นราคาถูกด้วย
กองทุนด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ ส่วนหรั่ง ซื้อสะสมมาตลอดในช่วงที่ราคากำลังลงหลุด 50 บาท ยกเว้นวันที่ 9 และขายหนัก
ในวันที 15 มี.ค. (32 ล้านหุ้น สงสัยขายหนีตายก่อน) ส่วนวันที่ 16 ก็เห็นหอบหุ้นกลับไปอีก 4 ล้านหุ้นตอนนี้รอดูยอด
NVDR วันศุกร์อีกวันครับ รวมเกือบ 3 สัปดาห์ (ขาดวันศุกร์) จากยอด NVDR หรั่งเก็บหุ้น GL ประมาณกลับไป 14.4 ล้านหุ้น
และน่าจะขาดทุนจากการซื้อขายพอสมควร เฉพาะหุ้นหลักนะครับ
ในส่วนของหุ้นหลัก คงไม่น่ากังวลเท่าไรแล้ว สำหรับราคาปิดระดับนี้ และสำหรับคนที่ยังมีหุ้นอยู่ในวันนี้ เพราะหลายคน
คงเก็บมาในราคาต่ำพอจะถือยาวๆ ได้ โดยเสียบเข้ามาประดับพอร์ตทำตัวเป็น VI สำหรับหุ้นตัวนี้สัก 2-3 ปีโดยไม่เดือดร้อน
หลังจากนี้ ราคาน่าจะค่อยๆ ปรับกลับไปสู่ระดับปกติ น่าจะมีคนปล่อยหุ้นออกมาน้อยลง (เพราะมีของถูกในมือแล้ว
รอกำไรในเวลาที่เหมาะสม) ภาวะการเทรดปกติ ก็น่าจะค่อยๆ ขึ้น-ลง ตามผลประกอบการ
ไม่ใช่ราคา 50-60 ที่โอเวอร์แวลู, P/E สูงเกินความคาดหวัง ช่วงที่ราคาลงหนักๆ ในช่วงต้นเดือน
เดาใจว่า VI ที่มีหุ้นทุนต่ำ ขายเพื่อ Take Profit อย่างที่เราทราบว่า P/E สูงเกินความคาดหวัง
ราคาคงไปต่อได้ยาก เงินไม่งอก แต่ดันทำให้เกิด Panic Sell
สุดท้าย เจ้าของบริษัท ก็คงกลับไปทำธุรกิจของตัวเองตามปกติ หลังจากต้องวุ่นวายกับการชี้แจง ไม่รู้กี่รอบ คนก็ไม่ยอมเชื่อ
ตลาดหลักทรัพย์ก็ชี้แจงให้นักลงทุนรับผิดชอบการตัดสินใจซื้อ-ขายของตนเอง
ช่วงที่ผ่านมาคนไม่เชื่อมั่นก็พยายามขุดหาประเด็นต่างๆ ซึ่งเล็กน้อย และเป็นเรื่องธรรมดามากในการทำธุรกิจ
สำหรับผม ถ้าเรามีเงินและไว้ใจเจ้าของธุรกิจนั้นว่าจะทำผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้ก็ซื้อหุ้นเขาครับ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นก็ไม่ต้องไปซื้อหุ้นเขา
อย่าพยายามขุดประเด็นลงลึก เพราะจริงๆ แล้ว การทำธุรกิจเขาก็ต้องอาศัยเครือข่าย ความเชื่อมั่นของลูกค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจ
และอาศัยภาพลักษณ์ที่ดีในสังคม ถ้าสิ่งเหล่านี้เสียหายหมดแล้ว ผลกระทบจริงๆ จะตามมา แล้วเราจะรับผิดชอบกันไหวหรือ?
บทสรุปและมุมมองอีกมุม กับ STOCK OF THE MONTH - GL
คงมีน้อยรายที่ไม่รู้จักหุ้นชื่อ GL - บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) ซึ่งถ้าเปรียบเป็นหนัง ก็คงมีครบรส เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ขื่น ขม
ร้องไห้ และหัวเราะเคล้าน้ำตา
ขอมองจากอีกมุมของนักลงทุนมือใหม่ (อีกครั้ง) ความเห็นส่วนตัวครับ ไม่ใช่การวิเคราะห์หรือให้เป้าราคาหุ้น ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ-ขาย
ไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมด เพราะผมก็ไม่ใช่คนวงใน วิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่เรามีข้อมูลอย่างเป็นทางการจากเว็บไซต์ ตลท.
(www.set.or.th) และข่าวสารที่ปรากฏตามสื่อ เว็บไซต์และเว็บบอร์ดสาธารณะ
จากที่ทราบกันดีว่าในช่วงต้นเดือนมีนาคม ราคาหุ้น GL ดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว และวันที่ 7 มีนาคม GL มีมูลค่าซื้อขายเกิน
หนึ่งหมื่นล้านบาทคิดเป็นเกือบ 18% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งวันของตลาด และราคาซื้อขายผันผวนอย่างหนัก
มีซิลลิ่ง มีฟลอร์กันหลายรอบ ทำเอาคนที่บ่นเซ็งกับตลาดหุ้นที่ไซด์เวย์อยู่นานเลิกบ่น (แต่อาจเริ่มรำคาญกับกระทู้ GL
ในห้องสินธรของพันทิปที่มีเต็มไปหมด) และมีข่าวในทางลบที่กระทบกับตัวบริษัทค่อนข้างมาก
จนบริษัทต้องชี้แจงกับ ตลท. หลายครั้ง
มีคนซื้อขาย เก็งกำไรจากความผันของราคาหุ้นอย่างรวดเร็ว บางส่วนได้กำไร บางส่วนขาดทุน ชุลมุนกันอยู่หลายวัน
ท้ายที่สุดวันที่ขึ้นจาก 23 ไปเกือบแตะ ลิ่ง 29.75 (คือถึงแค่ 29.5 ในวันพุธ) แล้วกดลงมาติดฟลอร์ 16.1 ก่อนเด้งไปปิดที่ 16.6
คนที่น่าจะโดนหนัก คือ คนที่เล่น DW (ไม่รู้ผมเรียกถูกรึเปล่า เพราะไม่คิดสนใจเล่น แต่ดูจาก หลายๆ กระทู้ในวันอังคาร-พุธ)
จากที่วันก่อน เห็นบอกเล่นแล้วได้กำไรหลายเปอร์เซ็นต์ คนอาจแห่เข้าไปเล่น จ้าวเขาเลยน่าจะไล่ทุบกินตับเม่า DW เอา
ในช่วงตะลุมบอนวันพุธที่ถูกกดราคาท้ายตลาดน่าจะมีเม่าทิ้งหุ้นหนีตายมาก (น่าจะมีหรั่งด้วยเพราะขายมากเหลือเกิน)
จ้าวเขาอาจเก็บหุ้นกลับไปได้เยอะพอสมควร รวมถึง VI ตัวจริง บริษัทหลักทรัพย์ที่มั่นใจก็น่าจะเข้ามาเก็บหุ้นราคาถูกด้วย
กองทุนด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ ส่วนหรั่ง ซื้อสะสมมาตลอดในช่วงที่ราคากำลังลงหลุด 50 บาท ยกเว้นวันที่ 9 และขายหนัก
ในวันที 15 มี.ค. (32 ล้านหุ้น สงสัยขายหนีตายก่อน) ส่วนวันที่ 16 ก็เห็นหอบหุ้นกลับไปอีก 4 ล้านหุ้นตอนนี้รอดูยอด
NVDR วันศุกร์อีกวันครับ รวมเกือบ 3 สัปดาห์ (ขาดวันศุกร์) จากยอด NVDR หรั่งเก็บหุ้น GL ประมาณกลับไป 14.4 ล้านหุ้น
และน่าจะขาดทุนจากการซื้อขายพอสมควร เฉพาะหุ้นหลักนะครับ
ในส่วนของหุ้นหลัก คงไม่น่ากังวลเท่าไรแล้ว สำหรับราคาปิดระดับนี้ และสำหรับคนที่ยังมีหุ้นอยู่ในวันนี้ เพราะหลายคน
คงเก็บมาในราคาต่ำพอจะถือยาวๆ ได้ โดยเสียบเข้ามาประดับพอร์ตทำตัวเป็น VI สำหรับหุ้นตัวนี้สัก 2-3 ปีโดยไม่เดือดร้อน
หลังจากนี้ ราคาน่าจะค่อยๆ ปรับกลับไปสู่ระดับปกติ น่าจะมีคนปล่อยหุ้นออกมาน้อยลง (เพราะมีของถูกในมือแล้ว
รอกำไรในเวลาที่เหมาะสม) ภาวะการเทรดปกติ ก็น่าจะค่อยๆ ขึ้น-ลง ตามผลประกอบการ
ไม่ใช่ราคา 50-60 ที่โอเวอร์แวลู, P/E สูงเกินความคาดหวัง ช่วงที่ราคาลงหนักๆ ในช่วงต้นเดือน
เดาใจว่า VI ที่มีหุ้นทุนต่ำ ขายเพื่อ Take Profit อย่างที่เราทราบว่า P/E สูงเกินความคาดหวัง
ราคาคงไปต่อได้ยาก เงินไม่งอก แต่ดันทำให้เกิด Panic Sell
สุดท้าย เจ้าของบริษัท ก็คงกลับไปทำธุรกิจของตัวเองตามปกติ หลังจากต้องวุ่นวายกับการชี้แจง ไม่รู้กี่รอบ คนก็ไม่ยอมเชื่อ
ตลาดหลักทรัพย์ก็ชี้แจงให้นักลงทุนรับผิดชอบการตัดสินใจซื้อ-ขายของตนเอง
ช่วงที่ผ่านมาคนไม่เชื่อมั่นก็พยายามขุดหาประเด็นต่างๆ ซึ่งเล็กน้อย และเป็นเรื่องธรรมดามากในการทำธุรกิจ
สำหรับผม ถ้าเรามีเงินและไว้ใจเจ้าของธุรกิจนั้นว่าจะทำผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้ก็ซื้อหุ้นเขาครับ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นก็ไม่ต้องไปซื้อหุ้นเขา
อย่าพยายามขุดประเด็นลงลึก เพราะจริงๆ แล้ว การทำธุรกิจเขาก็ต้องอาศัยเครือข่าย ความเชื่อมั่นของลูกค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจ
และอาศัยภาพลักษณ์ที่ดีในสังคม ถ้าสิ่งเหล่านี้เสียหายหมดแล้ว ผลกระทบจริงๆ จะตามมา แล้วเราจะรับผิดชอบกันไหวหรือ?