“ความบกพร่องของคนอื่น
เห็นง่ายกว่าของตัวเราเสมอ”
นาทีนี้คงไม่มีรายการไหนเป็นที่กล่าวถึงมากเท่า The Mask Singer อีกแล้ว
และเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมคิดว่าหน้ากากจิงโจ้ได้บอกอะไรบางอย่างกับเรา
คือ เรามักเผลอมองข้อบกพร่องของคนอื่นก่อนเสมอ
ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ที่หน้ากากจิงโจ้ร้องเพลงบนเวทีภายใต้หน้ากากนั้น
ผมว่าเขาทำหน้าที่นักร้องและเอนเตอร์เทนเนอร์ได้ดีมาก
จริงๆ แล้วผมแอบเชียร์เขาด้วยซ้ำนะ
เพราะผมรู้สึกสนุกเวลาเห็นเขาร้องเพลง เวลาเห็นเขาอยู่บนเวที
และผมว่าทุกคนก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
ว่าเขาเป็นหนึ่งในนักร้องที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย
โดยที่เรายังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
ผมว่ารายการทำให้เราได้รู้สึกว่า
เอาจริงๆ แล้วสำหรับการเป็นนักร้อง ไม่จำเป็นต้องหน้าตาดีได้
ถ้าร้องดี สร้างความสุขให้คนฟัง เราพร้อมจะฟังและติดตามผลงานเขาแล้วแหละ
ขนาดเราไม่รู้ว่าเขาหน้าตายังไง เรายังมีความสุขที่ได้ฟังเลย
ก็ใช่ไง เขาเป็นนักร้อง ดังนั้นเรื่องสำคัญคือการร้องเพลงให้ผู้ฟังไง
แต่พอวินาทีที่หน้ากากจิงโจ้ถอดหน้ากากออกมา
แล้วเขากลับมาเป็นคุณเป๊ก ผลิตโชค
กลายเป็นมีกระแสความคิดเห็นแตกต่างจนเป็นดราม่าว่า
นี่หน้าตาเปลี่ยนไปอีกแล้วหรือเปล่า ทำไมพูดไม่ชัด
กระแดะพูดไทยติดสำเนียงอังกฤษหรือเปล่า บลาๆๆๆ
อ้าว เฮ้ย ไม่เหมือนที่เคยชมกันไว้นี่หว่า
บนผ้าขาวผืนกว้าง รอยเปื้อนเพียงจุดเดียว
ทำให้เราเฝ้ามองแต่มันมากกว่าพื้นที่อื่นที่เหลือ
เพื่อนเราที่เคยคบกันมา พูดไม่ถูกหูเราบางเรื่อง
ทำให้เราหมางเมิน
ภรรยาที่อดทนดูแลงานบ้านเลี้ยงลูกทุกวัน
เราไปเที่ยวกับเพื่อนดึกกลับมา โดนบ่น เราโกรธ
พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาจนวันหนึ่งท่านแก่เฒ่า
พอท่านถามนั่นถามนี่จากเรามากไป เรากลับรำคาญ
เรามองดูข้อบกพร่องของคนอื่น
จนบางครั้งมันบดบังสิ่งดีสิ่งอื่นของเขาที่เราควรให้ความสำคัญ
และบางทีเราก็มองเห็นข้อบกพร่องของคนอื่น
ก่อนที่จะมองเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง
แย่กว่านั้นคือ เรามักเห็นความผิดของคนอื่นใหญ่กว่าของเราเสมอ
หลายครั้งมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ข้อบกพร่องของคนอื่น ความผิดของคนอื่น เราให้อภัยยาก
เรามองข้ามยาก เราติดใจกับมัน
แต่จริงๆ แล้วตัวเราเองก็มีหลายเรื่องที่บกพร่องไม่แพ้กัน
บนเวทีตอนที่พิธีกรบอกให้คุณเป๊กพูดความในใจ ผมประทับใจที่
เขาไม่ได้พูดอะไรที่เป็นเชิงบ่นหรือตัดพ้อ ทั้งที่เขาก็น่าจะใช้โอกาสนี้พูดได้
แต่เราได้มารับรู้ผ่านเฟซบุ๊คของเขาว่า
ที่ผ่านมาเขาต่อสู้กับการที่ต้องพยายามให้คนมองข้ามเรื่องหน้าตา
เรื่องสำเนียงพูดของเขา หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องส่วนตัว
เพื่อจะได้เห็นว่าเขามีความสามารถอะไร
ว่าเขาร้องเพลงเพราะไหม ว่าเขาเต้นเก่งไหม ว่าเขาเป็นคนสนุกสนานไหม
สมกับความเป็นนักร้องของเขา
เขาคือคนคนเดียวกับที่สวมหน้ากากจิงโจ้และสร้างความสุขให้ผู้ชมอย่างเรา
ด้วยความเป็นนักร้องของเขานั่นแหละ
ถ้าเรามองข้ามความบกพร่องใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้เป็นสาระสำคัญ
แล้วไปชื่นชมคนในสิ่งที่เขาสมควรได้รับจริงๆ
เหมือนอย่างที่เราชื่นชมและสนุกไปกับหน้ากากจิงโจ้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
และก่อนที่เราจะไปชี้นิ้วตัดสินความบกพร่องของคนอื่น
สำรวจดูตัวเองก่อนว่ามีอะไรหรือเปล่าที่เราก็บกพร่องไม่แพ้เขา
เราคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
และคนดี คนมีความสามารถก็จะได้รับในสิ่งที่เขาสมควรได้รับ
บ่อยครั้งที่เราเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
ผงในตาคนอื่น เรามองเห็นชัดเจน
แต่ไม้ทั้งท่อนในตาเรา เรากลับไม่เห็นเอาซะเลย
พอดีเขียนไว้ในเพจ แต่อยากเอามาโพสต์ด้วย
อยากให้คุณเป๊กมีกำลังใจก้าวข้ามเสียงวิจารณ์และผลิตงานดีๆ ออกมาต่อไปครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://web.facebook.com/asfarasi/
สิ่งที่เรียนรู้จากหน้ากากจิงโจ้ "ฝุ่นในตาเขาเราเห็นชัดเจน แต่ไม้ทั้งท่อนในตาเรากลับมองไม่เห็น"
เห็นง่ายกว่าของตัวเราเสมอ”
นาทีนี้คงไม่มีรายการไหนเป็นที่กล่าวถึงมากเท่า The Mask Singer อีกแล้ว
และเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมคิดว่าหน้ากากจิงโจ้ได้บอกอะไรบางอย่างกับเรา
คือ เรามักเผลอมองข้อบกพร่องของคนอื่นก่อนเสมอ
ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ที่หน้ากากจิงโจ้ร้องเพลงบนเวทีภายใต้หน้ากากนั้น
ผมว่าเขาทำหน้าที่นักร้องและเอนเตอร์เทนเนอร์ได้ดีมาก
จริงๆ แล้วผมแอบเชียร์เขาด้วยซ้ำนะ
เพราะผมรู้สึกสนุกเวลาเห็นเขาร้องเพลง เวลาเห็นเขาอยู่บนเวที
และผมว่าทุกคนก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
ว่าเขาเป็นหนึ่งในนักร้องที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย
โดยที่เรายังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
ผมว่ารายการทำให้เราได้รู้สึกว่า
เอาจริงๆ แล้วสำหรับการเป็นนักร้อง ไม่จำเป็นต้องหน้าตาดีได้
ถ้าร้องดี สร้างความสุขให้คนฟัง เราพร้อมจะฟังและติดตามผลงานเขาแล้วแหละ
ขนาดเราไม่รู้ว่าเขาหน้าตายังไง เรายังมีความสุขที่ได้ฟังเลย
ก็ใช่ไง เขาเป็นนักร้อง ดังนั้นเรื่องสำคัญคือการร้องเพลงให้ผู้ฟังไง
แต่พอวินาทีที่หน้ากากจิงโจ้ถอดหน้ากากออกมา
แล้วเขากลับมาเป็นคุณเป๊ก ผลิตโชค
กลายเป็นมีกระแสความคิดเห็นแตกต่างจนเป็นดราม่าว่า
นี่หน้าตาเปลี่ยนไปอีกแล้วหรือเปล่า ทำไมพูดไม่ชัด
กระแดะพูดไทยติดสำเนียงอังกฤษหรือเปล่า บลาๆๆๆ
อ้าว เฮ้ย ไม่เหมือนที่เคยชมกันไว้นี่หว่า
บนผ้าขาวผืนกว้าง รอยเปื้อนเพียงจุดเดียว
ทำให้เราเฝ้ามองแต่มันมากกว่าพื้นที่อื่นที่เหลือ
เพื่อนเราที่เคยคบกันมา พูดไม่ถูกหูเราบางเรื่อง
ทำให้เราหมางเมิน
ภรรยาที่อดทนดูแลงานบ้านเลี้ยงลูกทุกวัน
เราไปเที่ยวกับเพื่อนดึกกลับมา โดนบ่น เราโกรธ
พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาจนวันหนึ่งท่านแก่เฒ่า
พอท่านถามนั่นถามนี่จากเรามากไป เรากลับรำคาญ
เรามองดูข้อบกพร่องของคนอื่น
จนบางครั้งมันบดบังสิ่งดีสิ่งอื่นของเขาที่เราควรให้ความสำคัญ
และบางทีเราก็มองเห็นข้อบกพร่องของคนอื่น
ก่อนที่จะมองเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง
แย่กว่านั้นคือ เรามักเห็นความผิดของคนอื่นใหญ่กว่าของเราเสมอ
หลายครั้งมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ข้อบกพร่องของคนอื่น ความผิดของคนอื่น เราให้อภัยยาก
เรามองข้ามยาก เราติดใจกับมัน
แต่จริงๆ แล้วตัวเราเองก็มีหลายเรื่องที่บกพร่องไม่แพ้กัน
บนเวทีตอนที่พิธีกรบอกให้คุณเป๊กพูดความในใจ ผมประทับใจที่
เขาไม่ได้พูดอะไรที่เป็นเชิงบ่นหรือตัดพ้อ ทั้งที่เขาก็น่าจะใช้โอกาสนี้พูดได้
แต่เราได้มารับรู้ผ่านเฟซบุ๊คของเขาว่า
ที่ผ่านมาเขาต่อสู้กับการที่ต้องพยายามให้คนมองข้ามเรื่องหน้าตา
เรื่องสำเนียงพูดของเขา หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องส่วนตัว
เพื่อจะได้เห็นว่าเขามีความสามารถอะไร
ว่าเขาร้องเพลงเพราะไหม ว่าเขาเต้นเก่งไหม ว่าเขาเป็นคนสนุกสนานไหม
สมกับความเป็นนักร้องของเขา
เขาคือคนคนเดียวกับที่สวมหน้ากากจิงโจ้และสร้างความสุขให้ผู้ชมอย่างเรา
ด้วยความเป็นนักร้องของเขานั่นแหละ
ถ้าเรามองข้ามความบกพร่องใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้เป็นสาระสำคัญ
แล้วไปชื่นชมคนในสิ่งที่เขาสมควรได้รับจริงๆ
เหมือนอย่างที่เราชื่นชมและสนุกไปกับหน้ากากจิงโจ้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
และก่อนที่เราจะไปชี้นิ้วตัดสินความบกพร่องของคนอื่น
สำรวจดูตัวเองก่อนว่ามีอะไรหรือเปล่าที่เราก็บกพร่องไม่แพ้เขา
เราคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
และคนดี คนมีความสามารถก็จะได้รับในสิ่งที่เขาสมควรได้รับ
บ่อยครั้งที่เราเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
ผงในตาคนอื่น เรามองเห็นชัดเจน
แต่ไม้ทั้งท่อนในตาเรา เรากลับไม่เห็นเอาซะเลย
พอดีเขียนไว้ในเพจ แต่อยากเอามาโพสต์ด้วย
อยากให้คุณเป๊กมีกำลังใจก้าวข้ามเสียงวิจารณ์และผลิตงานดีๆ ออกมาต่อไปครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้