สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งสำหรับ การท่องเที่ยวกับมนุษย์พ่อมนุษย์แม่ นะคะ กระทู้ที่แล้ว เราไปเกาหลีกับมนุษย์แม่มา ใครยังไม่เคยอ่าน ตามไปได้เลยค่า
ทริปพักหนาวแบคแพคตะลุยโซล 5 วัน 4 คืน https://ppantip.com/topic/33262769
กระทู้นี้เราจะไปไต้หวันกันค่ะ เราไปกัน 3 คน พ่อแม่ลูก โดยที่มนุษย์พ่อมนุษย์แม่นั้นอายุอยู่ที่ 55+ ยังเดินเหินคล่องตัวอยู่ แต่ถ้าเจอเนินเขาที่ชัน หรือบันได ก็มีอาการหน้าซีดกันไปค่ะ เราจะมาดูกันว่ามนุษย์ลูกนี้จะพาเหล่า สว. ไปที่ไหนกันบ้าง
มาเริ่มกันเลยค่ะ ทริปนี้เราไปกัน 5 วัน 4 คืนนะคะ
แผนการเดินทางคร่าวๆนะคะ
วันที่ 1 ---------- สุวรรณภูมิ --> Taoyuan Airport --> Taipei 101
วันที่ 2 ---------- National Palace Museum --> Ximending
วันที่ 3 ---------- ห้าง SOGO --> Shilin Night market
วันที่ 4 ---------- Jiufen --> Gold Ecological Park
วันที่ 5 ---------- Longshan Temple --> National Dr. Sun Yatsen Memorial Hall --> Chiang Kai Sek Memorial Hall --> เดินทางกลับ
จะเห็นได้เลยว่าตารางการเดินทางของเรานั้นค่อนข้างที่จะสบายๆ ไม่จำเป็นต้องเก็บให้หมดทุกที่ เน้นอำนวยความสะดวก ให้เหล่า สว. ค่ะ
เราเดินทางกันด้วยการบินไทย ชั้น Economy สนนราคาไปกลับอยู่ที่ 12,xxx ค่ะ
ขาไป Flight no. TG364 เวลา 07.10 - 11.50
ขากลับ Flight no. TG365 เวลา 20.05 - 22.50
ที่เลือกตอนเช้าเพราะว่าจะได้ไม่ต้องอดหลับอดนอนตอนกลางคืน ไม่งั้นเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกนะคะ
เมื่อมาถึงสนามบินแล้ว ผ่านตม. รับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย มาหาทางไปโรงแรมกันก่อนค่ะ
โดยเราจะเลือกใช้บริการรถบัสของสนามบินไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลยค่ะ ลงมาที่ชั้นล่างสุดก่อน
แล้วก็บอกปลายทางที่ต้องการเลยค่ะ
นี่ตรงที่ซื้อตั๋วรถบัสค่ะ
โรงแรมของเราชื่อ Grand Hotel อยู่ค่อนข้างไกลจากสนามบินเลยค่ะ นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง รถบัสก็จะมาจอดหน้าโรงแรมเลย
มาถึงก็อึ้งๆๆๆ ไปเลยค่ะ ใหญ่โตอลังการจริงๆ
เข้ามาข้างในก็อลังกว่าเดิมค่ะ โรงแรมนี้มีประวัติเก่าแก่มาก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 แล้วก็เคยถูกจัดให้ติดอยู่ใน 10 อันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก จากนิตยสารฟอร์จูน มาแล้วด้วยนะคะ ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมสัญลักษณ์ของประเทศไปแล้วค่ะ
เข้ามาชมภายในโรงแรมกันเลยค่ะ
นี่โรงแรมหรือกู้กง บอกที
ห้องอาหารที่ไม่เคยได้เข้าไปกิน ฮ่าๆ แพงค่ะ เลยซื้อแบบไม่รวมอาหารเช้า
ที่จองไปเป็นห้อง Deluxe มีเตียง double 2 เตียงค่ะ สะดวกสบายกว้างมากๆค่ะ ตกคืนละ 3996.- ค่ะ
เมื่อ Check in เสร็จแล้ว เขาก็ให้กุญแจห้องมาค่ะ
โอ้เลย ไม่ได้โอ้อะไร กลัวหล่นใส่หัวแม่โป้ง ฮ่าาาาา อันใหญ่ไปไหน
โอเค ให้สว. พักผ่อน ซักครู่ แล้ว ออกไปข้างนอกกันค่ะ
แผนของเราก็คือไป Taipei 101 กัน
ก่อนอื่นหาทางออกจากโรงแรมก่อน
โรงแรมนี้สะดวกมากค่ะ มีรถ shuttle bus คอยรับส่งนักท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มีตารางเวลาให้ด้วย
นู่นนนน เห็น Taipei 101 ได้แต่ไกล
พอ shuttle bus มาส่งที่สถานีใต้ดินแล้ว ก็นั่งมาลงที่สถานี Taipei City Hall แล้วเดินต่อค่ะ
แต่รู้สึกตอนนี้จะมีสถานีใต้ดินที่ไปโผล่ที่ชั้นใต้ดินของตึกแล้ว ต้องลองหาข้อมูลดูนะคะ
แชะ ซักหน่อย แต่แม้ว่ามนุษย์พ่อจะแหงนกล้องยังไง ก็เก็บไม่ครบอยู่ดี ฮ่าาาๆๆ เอาเถอะ ทำมนุษย์พ่อปวดหลังไปเลย
ด้านในมีความเรียบหรู
แต่จะขึ้นไปดูวิวข้างบน ชั้น 89 ต้องเดินไปอีกปีกอีกฝั่งนึงอะ ไกลจนมนุษย์พ่อบ่น
จัดการซื้อตั๋วไป คนละ 500 NT เกือบๆ 570 บาท กรี๊สสสส ไหนในหนังสือบอกว่า 450 ไง มีการขึ้นราคาได้อี้กกกก
เมื่อก่อนตึกนี้เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 508 เมตร 101 ชั้น มาแล้ว แต่โดน burj khalifa แซงหน้าไปแล้วค่า
ไม่เป็นไรแต่เขายังมีของดี คือ ลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก 1,010 เมตร/นาที ใช้เวลาเพียง 37 วินาที จากชั้น 5 ขึ้นไปถึงชั้น 89
แลดูเขาชอบเลข 101 เนาะ กรรมมาตกที่พวกเรานี่ไง หูอื้อแบบพึบพับๆ
ขึ้นมาถึงข้างบนแล้วค่ะ
มืดไปหน่อย ถ่ายอะไรไม่ค่อยชัดเลย
และภายในชั้นก็มีจัดนิทรรศการ(?) หรือ ร้านขาย น่าจะอย่างหลังมากกว่า คิดว่านะ
ทุกอย่างทำจากหินปะการัง
แล้วมนุษย์พ่อก็สนใจอยากจะไปดู dumper ลูกตุ้มยักษ์ ที่มีน้ำหนักถึง 660 ตัน เป็นตัวสร้างความสมดุลให้กับตัวอาคารเพื่อทนต่อการสั่นไหวที่เกิดจากแรงลมและพื้นดินที่อาจจะเกิดการเคลื่อน จากภัยพิบัติได้
มนุษย์พ่อสนใจมาก เดินวนดูอยู่นานทีเดียวเลย
อยู่จนดึก ก็หิวแล้วเนาะ ไปหาอะไรกินดีกว่า
นี่ก็กลับมาที่ Taipei city hall ชั้นใต้ดินจะมี food court อยู่ ก็เข้าไปนั่งกินเลยค่ะ
คิดอะไรไม่ออก ก็ต้องข้าวมันไก่แหละเนาะ ฮ่าาาาาๆๆ มาด้วยสไตล์ 3 คน 2 จาน เช่นเดิม
รสชาติดีค่ะ แต่จะออกเค็มๆ จืดๆ ที่นี่เขาไม่กินเผ็ดกัน แต่ก็ชอบนะ
เพราะสว. ก็กินไม่เยอะ สุดท้ายตกที่มนุษย์ลูกกินคนเดียวอยู่ดี กิกิ
และ สว. ก็ request ของหวาน
อื้มมม เชงๆไปตามสไตล์
มนุษย์ลูกขอกินชานมไข่มุกดีกว่า
ถามว่าแตกต่างกับที่ไทยมากมั้ย ก็ไม่มาก แต่ว่าชาจะกลิ่นเข้มกว่า แล้วก็ไม่หวานมาก กลิ่นจะแบบชงสดๆ หอมสดชื่นมากกว่าค่ะ
เอาล่ะ พาสว. เดินไปเดินมาจนเหนื่อยทั้งวันละ ได้เวลาพากลับโรงแรมแล้วล่ะค่ะ
ไว้เจอกันใหม่ วันต่อไปนะคะ
[SR] พาเที่ยว "ไต้หวัน" กับ "มนุษย์พ่อมนุษย์แม่"
ทริปพักหนาวแบคแพคตะลุยโซล 5 วัน 4 คืน https://ppantip.com/topic/33262769
กระทู้นี้เราจะไปไต้หวันกันค่ะ เราไปกัน 3 คน พ่อแม่ลูก โดยที่มนุษย์พ่อมนุษย์แม่นั้นอายุอยู่ที่ 55+ ยังเดินเหินคล่องตัวอยู่ แต่ถ้าเจอเนินเขาที่ชัน หรือบันได ก็มีอาการหน้าซีดกันไปค่ะ เราจะมาดูกันว่ามนุษย์ลูกนี้จะพาเหล่า สว. ไปที่ไหนกันบ้าง
มาเริ่มกันเลยค่ะ ทริปนี้เราไปกัน 5 วัน 4 คืนนะคะ
แผนการเดินทางคร่าวๆนะคะ
วันที่ 1 ---------- สุวรรณภูมิ --> Taoyuan Airport --> Taipei 101
วันที่ 2 ---------- National Palace Museum --> Ximending
วันที่ 3 ---------- ห้าง SOGO --> Shilin Night market
วันที่ 4 ---------- Jiufen --> Gold Ecological Park
วันที่ 5 ---------- Longshan Temple --> National Dr. Sun Yatsen Memorial Hall --> Chiang Kai Sek Memorial Hall --> เดินทางกลับ
จะเห็นได้เลยว่าตารางการเดินทางของเรานั้นค่อนข้างที่จะสบายๆ ไม่จำเป็นต้องเก็บให้หมดทุกที่ เน้นอำนวยความสะดวก ให้เหล่า สว. ค่ะ
เราเดินทางกันด้วยการบินไทย ชั้น Economy สนนราคาไปกลับอยู่ที่ 12,xxx ค่ะ
ขาไป Flight no. TG364 เวลา 07.10 - 11.50
ขากลับ Flight no. TG365 เวลา 20.05 - 22.50
ที่เลือกตอนเช้าเพราะว่าจะได้ไม่ต้องอดหลับอดนอนตอนกลางคืน ไม่งั้นเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกนะคะ
เมื่อมาถึงสนามบินแล้ว ผ่านตม. รับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย มาหาทางไปโรงแรมกันก่อนค่ะ
โดยเราจะเลือกใช้บริการรถบัสของสนามบินไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลยค่ะ ลงมาที่ชั้นล่างสุดก่อน
แล้วก็บอกปลายทางที่ต้องการเลยค่ะ
นี่ตรงที่ซื้อตั๋วรถบัสค่ะ
โรงแรมของเราชื่อ Grand Hotel อยู่ค่อนข้างไกลจากสนามบินเลยค่ะ นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง รถบัสก็จะมาจอดหน้าโรงแรมเลย
มาถึงก็อึ้งๆๆๆ ไปเลยค่ะ ใหญ่โตอลังการจริงๆ
เข้ามาข้างในก็อลังกว่าเดิมค่ะ โรงแรมนี้มีประวัติเก่าแก่มาก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 แล้วก็เคยถูกจัดให้ติดอยู่ใน 10 อันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก จากนิตยสารฟอร์จูน มาแล้วด้วยนะคะ ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมสัญลักษณ์ของประเทศไปแล้วค่ะ
เข้ามาชมภายในโรงแรมกันเลยค่ะ
นี่โรงแรมหรือกู้กง บอกที
ห้องอาหารที่ไม่เคยได้เข้าไปกิน ฮ่าๆ แพงค่ะ เลยซื้อแบบไม่รวมอาหารเช้า
ที่จองไปเป็นห้อง Deluxe มีเตียง double 2 เตียงค่ะ สะดวกสบายกว้างมากๆค่ะ ตกคืนละ 3996.- ค่ะ
เมื่อ Check in เสร็จแล้ว เขาก็ให้กุญแจห้องมาค่ะ
โอ้เลย ไม่ได้โอ้อะไร กลัวหล่นใส่หัวแม่โป้ง ฮ่าาาาา อันใหญ่ไปไหน
โอเค ให้สว. พักผ่อน ซักครู่ แล้ว ออกไปข้างนอกกันค่ะ
แผนของเราก็คือไป Taipei 101 กัน
ก่อนอื่นหาทางออกจากโรงแรมก่อน
โรงแรมนี้สะดวกมากค่ะ มีรถ shuttle bus คอยรับส่งนักท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มีตารางเวลาให้ด้วย
นู่นนนน เห็น Taipei 101 ได้แต่ไกล
พอ shuttle bus มาส่งที่สถานีใต้ดินแล้ว ก็นั่งมาลงที่สถานี Taipei City Hall แล้วเดินต่อค่ะ
แต่รู้สึกตอนนี้จะมีสถานีใต้ดินที่ไปโผล่ที่ชั้นใต้ดินของตึกแล้ว ต้องลองหาข้อมูลดูนะคะ
แชะ ซักหน่อย แต่แม้ว่ามนุษย์พ่อจะแหงนกล้องยังไง ก็เก็บไม่ครบอยู่ดี ฮ่าาาๆๆ เอาเถอะ ทำมนุษย์พ่อปวดหลังไปเลย
ด้านในมีความเรียบหรู
แต่จะขึ้นไปดูวิวข้างบน ชั้น 89 ต้องเดินไปอีกปีกอีกฝั่งนึงอะ ไกลจนมนุษย์พ่อบ่น
จัดการซื้อตั๋วไป คนละ 500 NT เกือบๆ 570 บาท กรี๊สสสส ไหนในหนังสือบอกว่า 450 ไง มีการขึ้นราคาได้อี้กกกก
เมื่อก่อนตึกนี้เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 508 เมตร 101 ชั้น มาแล้ว แต่โดน burj khalifa แซงหน้าไปแล้วค่า
ไม่เป็นไรแต่เขายังมีของดี คือ ลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก 1,010 เมตร/นาที ใช้เวลาเพียง 37 วินาที จากชั้น 5 ขึ้นไปถึงชั้น 89
แลดูเขาชอบเลข 101 เนาะ กรรมมาตกที่พวกเรานี่ไง หูอื้อแบบพึบพับๆ
ขึ้นมาถึงข้างบนแล้วค่ะ
มืดไปหน่อย ถ่ายอะไรไม่ค่อยชัดเลย
และภายในชั้นก็มีจัดนิทรรศการ(?) หรือ ร้านขาย น่าจะอย่างหลังมากกว่า คิดว่านะ
ทุกอย่างทำจากหินปะการัง
แล้วมนุษย์พ่อก็สนใจอยากจะไปดู dumper ลูกตุ้มยักษ์ ที่มีน้ำหนักถึง 660 ตัน เป็นตัวสร้างความสมดุลให้กับตัวอาคารเพื่อทนต่อการสั่นไหวที่เกิดจากแรงลมและพื้นดินที่อาจจะเกิดการเคลื่อน จากภัยพิบัติได้
มนุษย์พ่อสนใจมาก เดินวนดูอยู่นานทีเดียวเลย
อยู่จนดึก ก็หิวแล้วเนาะ ไปหาอะไรกินดีกว่า
นี่ก็กลับมาที่ Taipei city hall ชั้นใต้ดินจะมี food court อยู่ ก็เข้าไปนั่งกินเลยค่ะ
คิดอะไรไม่ออก ก็ต้องข้าวมันไก่แหละเนาะ ฮ่าาาาาๆๆ มาด้วยสไตล์ 3 คน 2 จาน เช่นเดิม
รสชาติดีค่ะ แต่จะออกเค็มๆ จืดๆ ที่นี่เขาไม่กินเผ็ดกัน แต่ก็ชอบนะ
เพราะสว. ก็กินไม่เยอะ สุดท้ายตกที่มนุษย์ลูกกินคนเดียวอยู่ดี กิกิ
และ สว. ก็ request ของหวาน
อื้มมม เชงๆไปตามสไตล์
มนุษย์ลูกขอกินชานมไข่มุกดีกว่า
ถามว่าแตกต่างกับที่ไทยมากมั้ย ก็ไม่มาก แต่ว่าชาจะกลิ่นเข้มกว่า แล้วก็ไม่หวานมาก กลิ่นจะแบบชงสดๆ หอมสดชื่นมากกว่าค่ะ
เอาล่ะ พาสว. เดินไปเดินมาจนเหนื่อยทั้งวันละ ได้เวลาพากลับโรงแรมแล้วล่ะค่ะ
ไว้เจอกันใหม่ วันต่อไปนะคะ