“แกมัวแต่เล่นดนตรีไร้สาระ ผลการเรียนของแกมันถึงได้แย่แบบนี้แหละ !! ติดศูนย์ซะหลายวิชาเลย !!”
“ไร้สาระงั้นเหรอพ่อ !?”
“เออ ซิวะ !! ก็ดูเกรดแกในสุมดพกนี่สิ นี่ นี่ เห็นมั้ย !!?”
“นี่ ท็อฟฟี่ ! ลูกต้องเชื่อฟังพ่อกับแม่นะ ! ต่อไปนี้ลูกต้องเลิกเล่นดนตรีแล้วขยันเรียนให้มากกว่านี้รู้มั้ย !!..โอ๊ย..จะบ้าตาย ถ้าชาวบ้านรู้เข้า แม่จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนดีเนี่ย !”
“พ่อกับแม่ไม่เข้าใจผม !!!”
แล้วท็อฟฟี่ก็คว้ากีต้าร์ประจำตัวของเขาขึ้นสะพาย เอาเสื้อผ้าออกมาจากตู้เสื้อผ้าสองสามชุด และวิ่งฉุนเฉียวออกไปจากบ้านทั้งน้ำตา เริ่มสตาร์ทรถมอเตอร์ไซเอ็นเอสอาร์สีแดงคันสุดหวง
“เฮ้ย ! ไอ้ท็อฟฟี่ นั่นแกจะไปไหน !!? มันดึกแล้วนะ !!”
“พ่อไม่ต้องมาสนหรอกว่าผมจะไปไหน !!” ว่าแล้วก็บึ่งรถแว้นออกไปทันที
“เฮ้ย ท็อฟฟี่ !!!”
…………
“เฮ้อ แบบนี้แหละผู้ใหญ่ที่แสนดี... เอ้านี่ ผ้าห่มกับหมอนแกนะ” พีพีเพื่อนร่วมวงดนตรีย้อมผมทองว่าพลางส่งเครื่องนอนสำรองให้ท็อฟฟี่
“ขอบใจว่ะ แกนี่มันอิสระจริงๆ นะ ที่ไม่มีใครมาคอยควบคุม”
“ตอนแรกฉันก็โดนแบบแกนั่นแหละ แต่พอดีฉันแสดงความตั้งใจจริงจนพ่อกับแม่ฉันใจอ่อน ของแบบนี้มันต้องให้ชัดเจนกันไปเลย ไม่งั้นคนอื่นก็ไม่เข้าใจเราซะที”
“แต่...พ่อกับแม่ของฉันไม่เหมือนพ่อแม่ของแกนี่หว่า”
“เฮ้ย... เอาน่ะ ยังไงก็พ่อแม่นะ... พวกเราในฐานะนักดนตรีร็อค แกต้องแสดงให้พวกเขาเห็นสิ ว่าแกรักดนตรีจริงๆ มีความฝันทางนี้จริงๆ แกต้องลองคุยกับพ่อแม่แกดู”
ท็อฟฟี่นิ่งไปครู่หนึ่ง คำพูดของพีพีเพื่อนผมทองของเขานั้นกินใจเขาแปลกๆ
“แกอย่าคิดมากเลยว่ะท็อฟฟี่ ซักวันนึงมันต้องเป็นวันของเรา... เอานะ หลับกันเหอะ”
ณ ห้องซ้อมดนตรีในโรงเรียน เสียงเพลงร็อคอันเร่าร้อนดังกระหึ่มบรรเลงออกมาจากฝีมือของนักดนตรีวัยรุ่นทั้งสี่คนอย่างเมามัน ทำเอาห้องทั้งห้องสั่นไปตามท่วงทำนองพั๊งค์ร็อคและมีไอร้อนอบอ้าวไปทั่วเหมือนห้องอบซาวน่าไม่มีผิด
“โฮ่ ร้องแรงกันจริงๆ นะ หนุ่มๆ” อาจารย์วัยสามสิบแต่ยังแจ๋วเข้ามาในห้อง เหงื่อพาลจะไหลเนื่องจากความร้อนของห้องเพราะฤทธิ์ความมันส์และเร่าร้อนที่กลั่นออกมาจากหัวใจของสี่หนุ่มนักดนตรี “แบบนี้คงพร้อมแล้วนะ ที่จะไปเล่นให้ร้าน’อันเดอร์กราวด์’น่ะ”
“ครับ’จารย์ พร้อมสุดๆ อยู่แล้ว !” ท็อฟฟี่และเพื่อนร่วมวงทั้งสามของเขารับคำขึ้นพร้อมกันด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน
รัตนา สาวใหญ่โสดและเป็นอาจารย์ประจำชั้นของนักเรียนหนุ่มทั้งสี่คนนี้ ด้านหนึ่ง เธอเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษให้กับโรงเรียน แต่อีกด้านหนึ่ง เธอเป็นเซเลบในวงการดนตรีใต้ดินและมีความน่าเชื่อถือสูงมาก
“ดีแล้ว... ที่ร้านนั่นจะเป็นบททดสอบของพวกเธออย่างดีเลย จากนี้มันจะออกมารุ่งรึออกมาร่วงก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอแล้วนะ... ครูเองก็ทำได้แค่ติดต่อทางร้านเขาให้พวกเธอแค่นั้นแหละ”
.........
“WOW !! YEAAAAAH !!!”
“WHEEEEEEWWWWW !!!”
เสียงโห่ร้องด้วยความชื่นชมและเสียงปรบมือของบรรดาลูกค้าที่เป็นฝรั่งล้วนๆ ดังก้องไปทั่วร้านอันเดอร์กราวน์ซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงใต้ดินนอกกฏหมายสำหรับคนกลางคืนแห่งหนึ่ง ในขณะที่นักดนตรีร็อควง ‘ไฟท์ทูฟลาย’ ที่มีท็อฟฟี่เป็นมือกีตาร์ ไหว้ซ้ายไหว้ขวาแสดงความขอบคุณ ทุกคนในวงต่างดีใจและภูมิใจกันอย่างเหลือล้นจนน้ำตาไหล ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ที่เล่นเพลงที่อุตส่าห์แต่งขึ้นมาจากใจแล้วทำให้พวกฝรั่งที่จู้จี้ในเรื่องร็อคยอมรับพวกเขาได้
“ความตาแหลมของเธอแผลงฤทธิ์อีกแล้วนะรัตนา เด็กพวกนี้เยี่ยมจริงๆ ” แซม เจ้าของร้านคนไทยเอ่ยชมออกมา
“นี่คือเด็กอีกชุดที่จะสร้างชื่อให้กับวงการร็อคไทย รู้มั้ยแซม?” รัตนาพูดและยิ้มอย่างภูมิใจในเด็กของเธอ
“ฮะๆๆ ก็คงงั้นแหละ... ไม่มีใครในวงการจะตาแหลมเท่าเธออีกแล้วล่ะ... ก็เป็นวงดนตรีอีกวงนึงแล้วนะ ที่เธอรับรองว่ารุ่งแน่ๆ ”
รัตนานั่งจิบเบียร์พลางมองดูเหล่านักดนตรีหนุ่มน้อยของเธออย่างภาคภูมิใจ ซึ่งกำลังบรรเลงเพลงร็อคกันอย่างเร่าร้อนบ้าระห่ำ ระเบิดพลังแห่งท่วงทำนองพั๊งค์ร็อคอยู่บนเวทีในร้าน จนบรรดาลูกค้าฝรั่งลุกขึ้นส่งเสียงเฮ ส่ายโยกไปตามจังหวะเพลงด้วยความเมามันส์กันทั้งร้าน
.........
“อะไรนะ !!? ไอ้ดอลล่าร์โดนรถชน !?” ท็อฟฟี่กรอกเสียงอุทานลงไปในไอโฟน 4s ของเขา
“เออซิวะ ! ฉันก็กำลังจะไปเยี่ยมมันที่โรง’บาลเนี่ย โอเคนะ จะวางหูแล้ว มาด้วยล่ะ” สายของออร์กัสมือเบสเพื่อนร่วมวงของท็อฟฟี่วางตัดไป
“ซวยแล้วไง ! ทำไมเป็นแบบนี้วะ !? อีกสองวันจะถึงวันเล่นเพลงที่ร้าน’แบล็กซูเออร์’แล้วซะด้วย ” พีพีบ่นออกมาด้วยความหัวเสียอย่างแรงกับข่าวร้ายของมือกลองในวงดนตรีของเขา
“นั่นน่ะสิวะ... ซวยสะบัดช่อ” ท็อฟฟี่ก็ออกอาการเดียวกัน
“เฮ้ย ท็อฟฟี่ ตอนนี้พวกเราไปดูอาการไอ้ดอลล่าร์ที่’โรงบาลกันเหอะว่ะ สงสารมัน”
“เออ ก็ดีเหมือนกัน”
ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง...
“อีกตั้งอาทิตย์นึงเลยเหรอครับคุณหมอ?”
“ใช่จ้ะ โชคดีที่ไม่มีอะไรหัก แค่ช้ำในกับมีแผลถลอก แต่ยังไงเพื่อนของพวกหนูก็ต้องนอนพักฟื้นนะจ๊ะ เพราะหมอต้องตรวจดูอาการเขาอีก ว่ามีการกระทบกระเทือนภายในอะไรมากรึเปล่า”
จากนั้นสมาชิกวงไฟท์ทูฟลายทั้งสามก็เข้ามาในห้องพิเศษที่ดอลล่าร์มือกลองร่างท้วมประจำวงพักฟื้นอยู่ มีของฝากติดมือกันมาคนละอย่างสองอย่าง ในห้องมีแม่ของดอลล่าร์เฝ้าเขาอยู่ด้วย
“หวัดดีครับคุณน้า พวกผมมาเยี่ยมดอลล่าร์ครับ”
“สวัสดีจ้ะหนุ่มๆ เชิญเลย” แล้วแม่ของดอลล่าร์จึงพูดสั่งสอนเรื่องการอยู่ในโรงพยาบาลให้กับดอลล่าร์แล้วลากลับ
“ไงวะไอ้อืดดอลล่าร์ ? ยังรอดมาได้นะแก” ท็อฟฟี่เริ่มก่อน
“เออ... ฉันน่ะมันทั้งอืดทั้งอึดอยู่แล้วเว้ยพวก” ดอลล่าร์เล่นคำตาม ทำให้ทุกคนเริ่มยิ้มออก
“แย่เลยนะ ไม่มีแกพวกเราทั้งสี่คนก็อดเล่นเพลงกันเลยน่ะสิ” ออร์กัสมือเบสพูดขึ้นบ้าง
“จริงด้วย ไม่น่าเลย” พีพีเสริมขึ้น “แล้วเราจะไปหามือกลองอย่างแกได้ที่ไหนอีกล่ะ ไม่มีแล้วจริงๆนะเว้ย”
พีพีนั้นนอกจากจะมีคุณสมบัติเสียงขั้นสูงที่นักร้องเพลงร็อคขั้นเทพขาดไม่ได้แล้ว เขายังมีศิลปะในการพูดให้กำลังใจด้วย เป็นที่พึ่งของเพื่อนในวง ทุกคนจึงยกให้เขาเป็นหัวหน้าวงไฟท์ทูฟลาย
“รอฉันหายก่อนเถอะน่า รับรองฉันจะไปสะบัดพุงตีกลองให้พวกแกอีกแน่ เอาหัวโขกกลองเป็นจังหวะเลยก็ยังได้.. รึว่าพวกแกจะให้ฉันตีกลองด้วยก้น ? แต่แบบนั้นกลองได้พังกันพอดี”
ทุกคนพยายามหัวเราะกับโจ๊กฝืดๆ ของดอลล่าร์ผู้มีหัวพันไปด้วยผ้าพันแผล แต่บรรยากาศการเยี่ยมเยียนก็เป็นไปอย่างชื่นมื่นตามประสานักดนตรีร็อค
........
ท็อฟฟี่ยืนเกาะอยู่ที่ระเบียงบนบ้านของเขา ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เพราะที่ร้านแบล็กซูเออร์ที่เขาจะไปเล่นดนตรีในอีกสองวันนั้น จะเปิดให้วงของเขาเล่นแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยมีข้อตกลงว่า หากเล่นได้ดีทางร้านก็จะจ้างให้วงของเขาเป็นวงดนตรีประจำร้าน ซึ่งหมายถึงรายได้อย่างงาม เพราะร้านแบล็กซูเออร์นั้น เป็นร้านยอดนิยมของเหล่าเหยี่ยวกลางคืนและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในบรรดาแหล่งบันเทิงยามราตรี แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น... มันจะเป็นเครื่องการันตีได้ว่า วงไฟท์ทูฟลายของเขา มีสิทธิ์ที่จะดังไปถึงระดับโลกได้อย่างที่สมาชิกทุกคนในวงใฝ่ฝันกันเอาไว้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
“เป็นไง ท็อฟฟี่ เส้นทางของแกมันตีบตันซะแล้วเหรอ?” พ่อของท็อฟฟี่ทักขึ้นโดยที่ทอฟฟี่ไม่รู้ตัวว่าพ่อกับแม่ของเขาได้ยืนเฝ้าดูอยู่นานแล้ว
“พ่อ...แม่...”
“ลูกไม่ลงมากินข้าวซะที พ่อกับแม่เลยมาหาลูกที่ห้อง เห็นลูกยืนซึมอยู่นี่แหละ” แม่พูดเสริม
ท็อฟฟี่ระลึกถึงคำพูดของพีพีหัวหน้าวงได้ ที่ว่าให้คุยกับพ่อแม่เรื่องความฝัน
“พ่อ... แม่... ผมอยากเล่นดนตรี... ผมรักดนตรี... ผมอยากจะเล่นให้ดังไปถึงระดับโลกเลย... พ่อกับแม่อย่าห้ามผมอีกเลยนะ...” คำพูดของท็อฟฟี่ทำเอาพ่อกับแม่ของเขานิ่งกันไปครู่หนึ่ง
“......... เออๆ... ป่ะ ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวมาคุยกัน”
ทั้งสามพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปกินข้าว จากนั้นก็ไปนั่งคุยกันที่สวนหลังบ้าน ท็อฟฟี่เล่าถึงการที่เขากับเพื่อนร่วมวงทำอะไรกันบ้าง ที่ไหนบ้าง เคยสร้างชื่อมาแล้วอย่างไรบ้าง และนอกนั้นก็เล่าชีวิตของเขาในโรงเรียน และเรื่องของอาจารย์ประจำชั้นของเขา รวมถึงเรื่องอุบัติเหตุของดอลล่าร์เพื่อนร่วมวงที่เพิ่งเจอมาหมาดๆ ด้วย
“อืม... พ่อก็นึกว่าแกไม่เอาจริงเล่นแค่อวดสาวไปวันๆ ซะอีก... เอางี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะไปหาแกที่ห้องซ้อมดนตรีที่โรงเรียน แกรอรับโทรศัพท์พ่อด้วยล่ะ”
“พ่อ... ?”
“เอาน่ะ พ่อชักจะอยากเห็นพวกแกเล่นดนตรีซะแล้วว่ะ”
“แต่มือกลองผม...”
“เออน่า... ป่ะ เข้านอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนแต่เช้า”
“!?”
ท็อฟฟี่งุนงงกับปฏิกิริยาของพ่อ พ่อจะไปหาเขาที่ห้องซ้อมดนตรีในโรงเรียนทำไม?
.........
ในห้องซ้อมดนตรีที่โรงเรียน อาจารย์รัตนาได้พาคนคนหนึ่งเข้ามาในห้องแล้วเรียกท็อฟฟี่ ท็อฟฟี่ก็ตกตะลึงกับการปรากฏตัวของพ่อของเขา เพราะพ่อของเขานั้นแต่งตัวแบบพวกเฮฟวี่เมทัล เสื้อยืดดำลายกะโหลกขาว เสื้อกั๊กยีนส์คอสูง สวมถุงมือหนังนิ้วกุด กางเกงยีนส์ยี่ห้อ Lee เข็มขัดหนังแท้ที่มีหน้าเป็นโลหะรูปหัวกะโหลกวัวอันใหญ่ และสวมบู๊ตหนังทรงสูงสีน้ำตาล คาดหัวด้วยผ้าลายน้ำสีแดง แปลงกายมาเป็นหนุ่มเฮฟวี่เมทัลสมัยยุค 80 ต้นๆ
“พ...พ๊อออ !!?”
“หา !? นี่พ่อแกเหรอ ?”
พีพีและออร์กัสสมาชิกวงที่เหลือพากันอุทานออกมาแบบไม่เชื่อว่าคนคนนี้จะเป็นพ่อของทอฟฟี่
“อืม... สภาพห้องกับเครื่องดนตรีใช้ได้นี่ แสดงว่ามีการบำรุงรักษาที่ดีมาก” พ่อของท็อฟฟี่ยิ้มผงกหัวเอ่ยขึ้นหลังจากมองดูห้องไปรอบๆ
“พ..พ่อ.. ทำไมถึง... ?”
ไม่รอให้ลูกชายถาม พ่อของท็อฟฟี่ก็เข้าไปนั่งควบเครื่องกลองยี่ห้อยามาฮ่าอย่างรู้ท่าและคุ้นเคย ควงไม้ตีกลองไปมาทั้งสองมือดังควับๆสักสองสามตลบ แล้วจับไว้มั่น ทุกคนตาโตอ้าปากค้างยกเว้นอาจารย์รัตนาที่กำลังยืนกอดอกยิ้มกริ่มอยู่ที่ประตู มีพวกนักเรียนหญิงทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลาย แอบดูเหตุการณ์ภายในห้องอยู่
พ่อของท็อฟฟี่หันไปมองดูลูกชายด้วยแววตาที่ไม่เหมือนพ่อคนเดิม
“ท็อฟฟี่ ไอ้ลูกชาย... ร็อคของแกมันเป็นยังไงพ่อก็ไม่รู้นะ แต่ขอให้แกดูแล้วตัดสินทีว่าพ่อจะเล่นกลองแทนเพื่อนของแกชั่วคราวได้รึเปล่า”
“พ...พ่อ..”
แล้วท็อฟฟี่ก็เห็นพ่อของเขากระหน่ำจังหวะที่เทพยังต้องเรียกพี่ลงบนหน้ากลองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เสียงกลองเสียงฉาบ และกลองใหญ่ที่เท้าประสานกันได้จังหวะ ทั้งความเร็วความแรงและท่วงทำนองนั้นหนักแน่น มีพลังแข็งกล้า จนบรรยากาศในห้องเริ่มอุ่นและร้อนตามลำดับ หัวคนตีโยกส่ายไปตามจังหวะของกลองและแผดเสียงสูงออกมาด้วยความมันส์ในอารมณ์ บ่งบอกถึงความเป็นเฮฟวี่เมทัลขนานแท้ ทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง ตะลึงในความสามารถชั้นเซียนของมือกลองแนวร็อคยุค 80 ผู้นี้ ส่วนท็อฟฟี่นั้นถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น
“พ่อ... นี่พ่อเหรอเนี่ย” ท็อฟฟี่อุทานอยู่ในลำคอ
.........
วงไฟท์ทูฟลายได้รับการตกลงที่จะว่าจ้างจากทางร้านแบล็กซูเออร์และให้รางวัลความสามารถเป็นเงินก้อนโต ให้เลิกเป็นวงดนตรีใต้ดิน และให้เล่นดนตรีตามปกติเพื่อพัฒนาการก้าวไปสู่ความฝัน อดีตมือกลองเฮฟวี่เมทัลต้นยุค 80 ภูมิใจกับความเอาจริงเอาจังในดนตรีของลูกชายอย่างที่สุด
"แบบนี้นี่เอง วงของพ่อดับก็เพราะนักร้องนำไปติดผู้หญิงจนวงแตก เสียดายจังนะครับพ่อ กำลังดังเลย"
"นี่แหละ พ่อถึงเป็นห่วงแก... กลัวแกไม่เอาจริง เอาแต่เล่นดนตรีอวดสาวไปวันๆ.. อย่าทิ้งความฝันของตัวเองไปซะล่ะ รู้มั้ย?"
ว่าแล้วก็กอดไหล่ลูกชาย พาทั้งวงดนตรีไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารอันหรูหราแห่งหนึ่ง
****
(เรื่องสั้น) Fight 2 Fly
“ไร้สาระงั้นเหรอพ่อ !?”
“เออ ซิวะ !! ก็ดูเกรดแกในสุมดพกนี่สิ นี่ นี่ เห็นมั้ย !!?”
“นี่ ท็อฟฟี่ ! ลูกต้องเชื่อฟังพ่อกับแม่นะ ! ต่อไปนี้ลูกต้องเลิกเล่นดนตรีแล้วขยันเรียนให้มากกว่านี้รู้มั้ย !!..โอ๊ย..จะบ้าตาย ถ้าชาวบ้านรู้เข้า แม่จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนดีเนี่ย !”
“พ่อกับแม่ไม่เข้าใจผม !!!”
แล้วท็อฟฟี่ก็คว้ากีต้าร์ประจำตัวของเขาขึ้นสะพาย เอาเสื้อผ้าออกมาจากตู้เสื้อผ้าสองสามชุด และวิ่งฉุนเฉียวออกไปจากบ้านทั้งน้ำตา เริ่มสตาร์ทรถมอเตอร์ไซเอ็นเอสอาร์สีแดงคันสุดหวง
“เฮ้ย ! ไอ้ท็อฟฟี่ นั่นแกจะไปไหน !!? มันดึกแล้วนะ !!”
“พ่อไม่ต้องมาสนหรอกว่าผมจะไปไหน !!” ว่าแล้วก็บึ่งรถแว้นออกไปทันที
“เฮ้ย ท็อฟฟี่ !!!”
…………
“เฮ้อ แบบนี้แหละผู้ใหญ่ที่แสนดี... เอ้านี่ ผ้าห่มกับหมอนแกนะ” พีพีเพื่อนร่วมวงดนตรีย้อมผมทองว่าพลางส่งเครื่องนอนสำรองให้ท็อฟฟี่
“ขอบใจว่ะ แกนี่มันอิสระจริงๆ นะ ที่ไม่มีใครมาคอยควบคุม”
“ตอนแรกฉันก็โดนแบบแกนั่นแหละ แต่พอดีฉันแสดงความตั้งใจจริงจนพ่อกับแม่ฉันใจอ่อน ของแบบนี้มันต้องให้ชัดเจนกันไปเลย ไม่งั้นคนอื่นก็ไม่เข้าใจเราซะที”
“แต่...พ่อกับแม่ของฉันไม่เหมือนพ่อแม่ของแกนี่หว่า”
“เฮ้ย... เอาน่ะ ยังไงก็พ่อแม่นะ... พวกเราในฐานะนักดนตรีร็อค แกต้องแสดงให้พวกเขาเห็นสิ ว่าแกรักดนตรีจริงๆ มีความฝันทางนี้จริงๆ แกต้องลองคุยกับพ่อแม่แกดู”
ท็อฟฟี่นิ่งไปครู่หนึ่ง คำพูดของพีพีเพื่อนผมทองของเขานั้นกินใจเขาแปลกๆ
“แกอย่าคิดมากเลยว่ะท็อฟฟี่ ซักวันนึงมันต้องเป็นวันของเรา... เอานะ หลับกันเหอะ”
ณ ห้องซ้อมดนตรีในโรงเรียน เสียงเพลงร็อคอันเร่าร้อนดังกระหึ่มบรรเลงออกมาจากฝีมือของนักดนตรีวัยรุ่นทั้งสี่คนอย่างเมามัน ทำเอาห้องทั้งห้องสั่นไปตามท่วงทำนองพั๊งค์ร็อคและมีไอร้อนอบอ้าวไปทั่วเหมือนห้องอบซาวน่าไม่มีผิด
“โฮ่ ร้องแรงกันจริงๆ นะ หนุ่มๆ” อาจารย์วัยสามสิบแต่ยังแจ๋วเข้ามาในห้อง เหงื่อพาลจะไหลเนื่องจากความร้อนของห้องเพราะฤทธิ์ความมันส์และเร่าร้อนที่กลั่นออกมาจากหัวใจของสี่หนุ่มนักดนตรี “แบบนี้คงพร้อมแล้วนะ ที่จะไปเล่นให้ร้าน’อันเดอร์กราวด์’น่ะ”
“ครับ’จารย์ พร้อมสุดๆ อยู่แล้ว !” ท็อฟฟี่และเพื่อนร่วมวงทั้งสามของเขารับคำขึ้นพร้อมกันด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน
รัตนา สาวใหญ่โสดและเป็นอาจารย์ประจำชั้นของนักเรียนหนุ่มทั้งสี่คนนี้ ด้านหนึ่ง เธอเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษให้กับโรงเรียน แต่อีกด้านหนึ่ง เธอเป็นเซเลบในวงการดนตรีใต้ดินและมีความน่าเชื่อถือสูงมาก
“ดีแล้ว... ที่ร้านนั่นจะเป็นบททดสอบของพวกเธออย่างดีเลย จากนี้มันจะออกมารุ่งรึออกมาร่วงก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอแล้วนะ... ครูเองก็ทำได้แค่ติดต่อทางร้านเขาให้พวกเธอแค่นั้นแหละ”
.........
“WOW !! YEAAAAAH !!!”
“WHEEEEEEWWWWW !!!”
เสียงโห่ร้องด้วยความชื่นชมและเสียงปรบมือของบรรดาลูกค้าที่เป็นฝรั่งล้วนๆ ดังก้องไปทั่วร้านอันเดอร์กราวน์ซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงใต้ดินนอกกฏหมายสำหรับคนกลางคืนแห่งหนึ่ง ในขณะที่นักดนตรีร็อควง ‘ไฟท์ทูฟลาย’ ที่มีท็อฟฟี่เป็นมือกีตาร์ ไหว้ซ้ายไหว้ขวาแสดงความขอบคุณ ทุกคนในวงต่างดีใจและภูมิใจกันอย่างเหลือล้นจนน้ำตาไหล ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ที่เล่นเพลงที่อุตส่าห์แต่งขึ้นมาจากใจแล้วทำให้พวกฝรั่งที่จู้จี้ในเรื่องร็อคยอมรับพวกเขาได้
“ความตาแหลมของเธอแผลงฤทธิ์อีกแล้วนะรัตนา เด็กพวกนี้เยี่ยมจริงๆ ” แซม เจ้าของร้านคนไทยเอ่ยชมออกมา
“นี่คือเด็กอีกชุดที่จะสร้างชื่อให้กับวงการร็อคไทย รู้มั้ยแซม?” รัตนาพูดและยิ้มอย่างภูมิใจในเด็กของเธอ
“ฮะๆๆ ก็คงงั้นแหละ... ไม่มีใครในวงการจะตาแหลมเท่าเธออีกแล้วล่ะ... ก็เป็นวงดนตรีอีกวงนึงแล้วนะ ที่เธอรับรองว่ารุ่งแน่ๆ ”
รัตนานั่งจิบเบียร์พลางมองดูเหล่านักดนตรีหนุ่มน้อยของเธออย่างภาคภูมิใจ ซึ่งกำลังบรรเลงเพลงร็อคกันอย่างเร่าร้อนบ้าระห่ำ ระเบิดพลังแห่งท่วงทำนองพั๊งค์ร็อคอยู่บนเวทีในร้าน จนบรรดาลูกค้าฝรั่งลุกขึ้นส่งเสียงเฮ ส่ายโยกไปตามจังหวะเพลงด้วยความเมามันส์กันทั้งร้าน
.........
“อะไรนะ !!? ไอ้ดอลล่าร์โดนรถชน !?” ท็อฟฟี่กรอกเสียงอุทานลงไปในไอโฟน 4s ของเขา
“เออซิวะ ! ฉันก็กำลังจะไปเยี่ยมมันที่โรง’บาลเนี่ย โอเคนะ จะวางหูแล้ว มาด้วยล่ะ” สายของออร์กัสมือเบสเพื่อนร่วมวงของท็อฟฟี่วางตัดไป
“ซวยแล้วไง ! ทำไมเป็นแบบนี้วะ !? อีกสองวันจะถึงวันเล่นเพลงที่ร้าน’แบล็กซูเออร์’แล้วซะด้วย ” พีพีบ่นออกมาด้วยความหัวเสียอย่างแรงกับข่าวร้ายของมือกลองในวงดนตรีของเขา
“นั่นน่ะสิวะ... ซวยสะบัดช่อ” ท็อฟฟี่ก็ออกอาการเดียวกัน
“เฮ้ย ท็อฟฟี่ ตอนนี้พวกเราไปดูอาการไอ้ดอลล่าร์ที่’โรงบาลกันเหอะว่ะ สงสารมัน”
“เออ ก็ดีเหมือนกัน”
ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง...
“อีกตั้งอาทิตย์นึงเลยเหรอครับคุณหมอ?”
“ใช่จ้ะ โชคดีที่ไม่มีอะไรหัก แค่ช้ำในกับมีแผลถลอก แต่ยังไงเพื่อนของพวกหนูก็ต้องนอนพักฟื้นนะจ๊ะ เพราะหมอต้องตรวจดูอาการเขาอีก ว่ามีการกระทบกระเทือนภายในอะไรมากรึเปล่า”
จากนั้นสมาชิกวงไฟท์ทูฟลายทั้งสามก็เข้ามาในห้องพิเศษที่ดอลล่าร์มือกลองร่างท้วมประจำวงพักฟื้นอยู่ มีของฝากติดมือกันมาคนละอย่างสองอย่าง ในห้องมีแม่ของดอลล่าร์เฝ้าเขาอยู่ด้วย
“หวัดดีครับคุณน้า พวกผมมาเยี่ยมดอลล่าร์ครับ”
“สวัสดีจ้ะหนุ่มๆ เชิญเลย” แล้วแม่ของดอลล่าร์จึงพูดสั่งสอนเรื่องการอยู่ในโรงพยาบาลให้กับดอลล่าร์แล้วลากลับ
“ไงวะไอ้อืดดอลล่าร์ ? ยังรอดมาได้นะแก” ท็อฟฟี่เริ่มก่อน
“เออ... ฉันน่ะมันทั้งอืดทั้งอึดอยู่แล้วเว้ยพวก” ดอลล่าร์เล่นคำตาม ทำให้ทุกคนเริ่มยิ้มออก
“แย่เลยนะ ไม่มีแกพวกเราทั้งสี่คนก็อดเล่นเพลงกันเลยน่ะสิ” ออร์กัสมือเบสพูดขึ้นบ้าง
“จริงด้วย ไม่น่าเลย” พีพีเสริมขึ้น “แล้วเราจะไปหามือกลองอย่างแกได้ที่ไหนอีกล่ะ ไม่มีแล้วจริงๆนะเว้ย”
พีพีนั้นนอกจากจะมีคุณสมบัติเสียงขั้นสูงที่นักร้องเพลงร็อคขั้นเทพขาดไม่ได้แล้ว เขายังมีศิลปะในการพูดให้กำลังใจด้วย เป็นที่พึ่งของเพื่อนในวง ทุกคนจึงยกให้เขาเป็นหัวหน้าวงไฟท์ทูฟลาย
“รอฉันหายก่อนเถอะน่า รับรองฉันจะไปสะบัดพุงตีกลองให้พวกแกอีกแน่ เอาหัวโขกกลองเป็นจังหวะเลยก็ยังได้.. รึว่าพวกแกจะให้ฉันตีกลองด้วยก้น ? แต่แบบนั้นกลองได้พังกันพอดี”
ทุกคนพยายามหัวเราะกับโจ๊กฝืดๆ ของดอลล่าร์ผู้มีหัวพันไปด้วยผ้าพันแผล แต่บรรยากาศการเยี่ยมเยียนก็เป็นไปอย่างชื่นมื่นตามประสานักดนตรีร็อค
........
ท็อฟฟี่ยืนเกาะอยู่ที่ระเบียงบนบ้านของเขา ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เพราะที่ร้านแบล็กซูเออร์ที่เขาจะไปเล่นดนตรีในอีกสองวันนั้น จะเปิดให้วงของเขาเล่นแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยมีข้อตกลงว่า หากเล่นได้ดีทางร้านก็จะจ้างให้วงของเขาเป็นวงดนตรีประจำร้าน ซึ่งหมายถึงรายได้อย่างงาม เพราะร้านแบล็กซูเออร์นั้น เป็นร้านยอดนิยมของเหล่าเหยี่ยวกลางคืนและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในบรรดาแหล่งบันเทิงยามราตรี แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น... มันจะเป็นเครื่องการันตีได้ว่า วงไฟท์ทูฟลายของเขา มีสิทธิ์ที่จะดังไปถึงระดับโลกได้อย่างที่สมาชิกทุกคนในวงใฝ่ฝันกันเอาไว้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
“เป็นไง ท็อฟฟี่ เส้นทางของแกมันตีบตันซะแล้วเหรอ?” พ่อของท็อฟฟี่ทักขึ้นโดยที่ทอฟฟี่ไม่รู้ตัวว่าพ่อกับแม่ของเขาได้ยืนเฝ้าดูอยู่นานแล้ว
“พ่อ...แม่...”
“ลูกไม่ลงมากินข้าวซะที พ่อกับแม่เลยมาหาลูกที่ห้อง เห็นลูกยืนซึมอยู่นี่แหละ” แม่พูดเสริม
ท็อฟฟี่ระลึกถึงคำพูดของพีพีหัวหน้าวงได้ ที่ว่าให้คุยกับพ่อแม่เรื่องความฝัน
“พ่อ... แม่... ผมอยากเล่นดนตรี... ผมรักดนตรี... ผมอยากจะเล่นให้ดังไปถึงระดับโลกเลย... พ่อกับแม่อย่าห้ามผมอีกเลยนะ...” คำพูดของท็อฟฟี่ทำเอาพ่อกับแม่ของเขานิ่งกันไปครู่หนึ่ง
“......... เออๆ... ป่ะ ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวมาคุยกัน”
ทั้งสามพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปกินข้าว จากนั้นก็ไปนั่งคุยกันที่สวนหลังบ้าน ท็อฟฟี่เล่าถึงการที่เขากับเพื่อนร่วมวงทำอะไรกันบ้าง ที่ไหนบ้าง เคยสร้างชื่อมาแล้วอย่างไรบ้าง และนอกนั้นก็เล่าชีวิตของเขาในโรงเรียน และเรื่องของอาจารย์ประจำชั้นของเขา รวมถึงเรื่องอุบัติเหตุของดอลล่าร์เพื่อนร่วมวงที่เพิ่งเจอมาหมาดๆ ด้วย
“อืม... พ่อก็นึกว่าแกไม่เอาจริงเล่นแค่อวดสาวไปวันๆ ซะอีก... เอางี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะไปหาแกที่ห้องซ้อมดนตรีที่โรงเรียน แกรอรับโทรศัพท์พ่อด้วยล่ะ”
“พ่อ... ?”
“เอาน่ะ พ่อชักจะอยากเห็นพวกแกเล่นดนตรีซะแล้วว่ะ”
“แต่มือกลองผม...”
“เออน่า... ป่ะ เข้านอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนแต่เช้า”
“!?”
ท็อฟฟี่งุนงงกับปฏิกิริยาของพ่อ พ่อจะไปหาเขาที่ห้องซ้อมดนตรีในโรงเรียนทำไม?
.........
ในห้องซ้อมดนตรีที่โรงเรียน อาจารย์รัตนาได้พาคนคนหนึ่งเข้ามาในห้องแล้วเรียกท็อฟฟี่ ท็อฟฟี่ก็ตกตะลึงกับการปรากฏตัวของพ่อของเขา เพราะพ่อของเขานั้นแต่งตัวแบบพวกเฮฟวี่เมทัล เสื้อยืดดำลายกะโหลกขาว เสื้อกั๊กยีนส์คอสูง สวมถุงมือหนังนิ้วกุด กางเกงยีนส์ยี่ห้อ Lee เข็มขัดหนังแท้ที่มีหน้าเป็นโลหะรูปหัวกะโหลกวัวอันใหญ่ และสวมบู๊ตหนังทรงสูงสีน้ำตาล คาดหัวด้วยผ้าลายน้ำสีแดง แปลงกายมาเป็นหนุ่มเฮฟวี่เมทัลสมัยยุค 80 ต้นๆ
“พ...พ๊อออ !!?”
“หา !? นี่พ่อแกเหรอ ?”
พีพีและออร์กัสสมาชิกวงที่เหลือพากันอุทานออกมาแบบไม่เชื่อว่าคนคนนี้จะเป็นพ่อของทอฟฟี่
“อืม... สภาพห้องกับเครื่องดนตรีใช้ได้นี่ แสดงว่ามีการบำรุงรักษาที่ดีมาก” พ่อของท็อฟฟี่ยิ้มผงกหัวเอ่ยขึ้นหลังจากมองดูห้องไปรอบๆ
“พ..พ่อ.. ทำไมถึง... ?”
ไม่รอให้ลูกชายถาม พ่อของท็อฟฟี่ก็เข้าไปนั่งควบเครื่องกลองยี่ห้อยามาฮ่าอย่างรู้ท่าและคุ้นเคย ควงไม้ตีกลองไปมาทั้งสองมือดังควับๆสักสองสามตลบ แล้วจับไว้มั่น ทุกคนตาโตอ้าปากค้างยกเว้นอาจารย์รัตนาที่กำลังยืนกอดอกยิ้มกริ่มอยู่ที่ประตู มีพวกนักเรียนหญิงทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลาย แอบดูเหตุการณ์ภายในห้องอยู่
พ่อของท็อฟฟี่หันไปมองดูลูกชายด้วยแววตาที่ไม่เหมือนพ่อคนเดิม
“ท็อฟฟี่ ไอ้ลูกชาย... ร็อคของแกมันเป็นยังไงพ่อก็ไม่รู้นะ แต่ขอให้แกดูแล้วตัดสินทีว่าพ่อจะเล่นกลองแทนเพื่อนของแกชั่วคราวได้รึเปล่า”
“พ...พ่อ..”
แล้วท็อฟฟี่ก็เห็นพ่อของเขากระหน่ำจังหวะที่เทพยังต้องเรียกพี่ลงบนหน้ากลองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เสียงกลองเสียงฉาบ และกลองใหญ่ที่เท้าประสานกันได้จังหวะ ทั้งความเร็วความแรงและท่วงทำนองนั้นหนักแน่น มีพลังแข็งกล้า จนบรรยากาศในห้องเริ่มอุ่นและร้อนตามลำดับ หัวคนตีโยกส่ายไปตามจังหวะของกลองและแผดเสียงสูงออกมาด้วยความมันส์ในอารมณ์ บ่งบอกถึงความเป็นเฮฟวี่เมทัลขนานแท้ ทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง ตะลึงในความสามารถชั้นเซียนของมือกลองแนวร็อคยุค 80 ผู้นี้ ส่วนท็อฟฟี่นั้นถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น
“พ่อ... นี่พ่อเหรอเนี่ย” ท็อฟฟี่อุทานอยู่ในลำคอ
.........
วงไฟท์ทูฟลายได้รับการตกลงที่จะว่าจ้างจากทางร้านแบล็กซูเออร์และให้รางวัลความสามารถเป็นเงินก้อนโต ให้เลิกเป็นวงดนตรีใต้ดิน และให้เล่นดนตรีตามปกติเพื่อพัฒนาการก้าวไปสู่ความฝัน อดีตมือกลองเฮฟวี่เมทัลต้นยุค 80 ภูมิใจกับความเอาจริงเอาจังในดนตรีของลูกชายอย่างที่สุด
"แบบนี้นี่เอง วงของพ่อดับก็เพราะนักร้องนำไปติดผู้หญิงจนวงแตก เสียดายจังนะครับพ่อ กำลังดังเลย"
"นี่แหละ พ่อถึงเป็นห่วงแก... กลัวแกไม่เอาจริง เอาแต่เล่นดนตรีอวดสาวไปวันๆ.. อย่าทิ้งความฝันของตัวเองไปซะล่ะ รู้มั้ย?"
ว่าแล้วก็กอดไหล่ลูกชาย พาทั้งวงดนตรีไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารอันหรูหราแห่งหนึ่ง
****