กรณีศึกษา เรื่องหน้ากากจิงโจ้....
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าเราเคยเจอน้องและทำงานกับน้องในสมัยนานมาแล้ว น้องเป็นคนน่ารักมาก ตลก อ่อนน้อมถ่อมตน ตั้งใจทำงาน และมีความสามารถมากกกกกกกกก อย่างที่พวกเราคงได้เห็นจากน้องในรายการเมื่อคืนนี้ ...
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้กลายเป็นประเด็นดราม่าเมื่อคืนหลังน้องถอดหน้ากากแล้วนั้นเราว่าอาจไม่ใช่เรื่องของการพูดไม่ชัดทั้งหมด ส่วนตัวเรามองข้ามได้นะที่น้องพูดไม่ชัด หากยูว์จะมีความสามารถขนาดนี้! แต่สิ่งหนึ่งสำหรับเราและมันทำให้เราสัมผัสได้ว่ากรรมการหลายคนนั่งที่หน้าเจื่อนๆหลังเปิดหน้ากากก็รู้สึกเหมือนกันคือ "ทำไมเรากลับไม่รู้สึกชิด เอ็นดู เชิดชูในความสามารถของน้องเหมือนตอนน้องใส่หน้ากากอยู่???"
มันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ที่พอหลังจากน้องถอดหน้ากากแล้วมันทำให้เรารู้สึกว่ามีระยะกับน้อง มันไม่ใช่สิ่งที่เรารู้สึกไปเองหรือเราสร้างมัน แต่เรารู้สึกว่าน้องเป็นคนสร้างมันขึ้นมาหลังถอดหน้ากาก แทนที่จังหวะรายการหลังถอดหน้ากากแล้วกราฟความสนุกจะสูงขึ้น แต่มันกลับแกว่งๆพิกล แม้พิธีกรจะพยายามเล่นมุขร้องแรพ งงเด้ งงเด้ แล้วก็ตาม...
เราว่าถ้าน้องถอดหน้ากากมาแล้ว แล้วน้องเป็นในแบบที่น้องอยู่ภายในหน้ากากนะ คนจะเฮ จะรักและชื่นชมน้องทวีคูณ ....
เราเคยดูหนังเรื่องนึง จำชื่อไม่ได้ ว่าด้วยเรื่องของนางเอกหนังคนนึงในสมัยก่อน (ซึ่งเราว่าในวงการบ้านเราก็มีอยู่คนนึง😅) เรื่องมันคือ นางเอกคนนี้ตอนแสดงหนังทุกคนชื่นชมเธอมากว่าเธอเล่นได้ดีสมบทบาทเล่นเป็นธรรมชาติมาก เอ็คติ้งดีสุดๆ แต่พอเธออยู่ในชีวิตจริงเธอกลับไม่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นตัวของเองเอาเสียเลย ทุกกริยาที่อยู่นอกกล้อง อยู่ในชีวิตประจำของเธอเหมือนเธอกำลังเล่นละครอยู่!
...เราคงต้องแยกให้ออกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ กำลังเล่นละครหรืออยู่ในชีวิตจริง หรือเรากำลังใส่หน้ากากหรือถอดหน้ากาก
การมีหน้ากากบางมีมันก็จำเป็นในบางโอกาส และก็ไม่จำเป็นในบางโอกาส หากแต่เราต้องรู้ว่าควรจะใช้มันในเวลาไหน
...ความจริงใจและความเป็นตัวเองสำคัญ เหมือนเทปแรกๆของรายการนี้มีคนพูดว่า ตอนเราอยู่ภายใต้หน้ากากเราอาจกล้าทำ กล้าพูดอะไรบางอย่างที่ในชีวิตจริงเราอาจไม่กล้าพูด หรือตอนไม่มีหน้ากากเราพูดไม่ได้ ... น้องก็คล้ายกัน 🤗🤗🤗
สู้ๆนะ
ด้วยรักน้องที่สุด #ทีมจิงโจ้ 🤗
กรณีศึกษา เรื่องหน้ากากจิงโจ้ หลังถอดหน้ากาก!!
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าเราเคยเจอน้องและทำงานกับน้องในสมัยนานมาแล้ว น้องเป็นคนน่ารักมาก ตลก อ่อนน้อมถ่อมตน ตั้งใจทำงาน และมีความสามารถมากกกกกกกกก อย่างที่พวกเราคงได้เห็นจากน้องในรายการเมื่อคืนนี้ ...
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้กลายเป็นประเด็นดราม่าเมื่อคืนหลังน้องถอดหน้ากากแล้วนั้นเราว่าอาจไม่ใช่เรื่องของการพูดไม่ชัดทั้งหมด ส่วนตัวเรามองข้ามได้นะที่น้องพูดไม่ชัด หากยูว์จะมีความสามารถขนาดนี้! แต่สิ่งหนึ่งสำหรับเราและมันทำให้เราสัมผัสได้ว่ากรรมการหลายคนนั่งที่หน้าเจื่อนๆหลังเปิดหน้ากากก็รู้สึกเหมือนกันคือ "ทำไมเรากลับไม่รู้สึกชิด เอ็นดู เชิดชูในความสามารถของน้องเหมือนตอนน้องใส่หน้ากากอยู่???"
มันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ที่พอหลังจากน้องถอดหน้ากากแล้วมันทำให้เรารู้สึกว่ามีระยะกับน้อง มันไม่ใช่สิ่งที่เรารู้สึกไปเองหรือเราสร้างมัน แต่เรารู้สึกว่าน้องเป็นคนสร้างมันขึ้นมาหลังถอดหน้ากาก แทนที่จังหวะรายการหลังถอดหน้ากากแล้วกราฟความสนุกจะสูงขึ้น แต่มันกลับแกว่งๆพิกล แม้พิธีกรจะพยายามเล่นมุขร้องแรพ งงเด้ งงเด้ แล้วก็ตาม...
เราว่าถ้าน้องถอดหน้ากากมาแล้ว แล้วน้องเป็นในแบบที่น้องอยู่ภายในหน้ากากนะ คนจะเฮ จะรักและชื่นชมน้องทวีคูณ ....
เราเคยดูหนังเรื่องนึง จำชื่อไม่ได้ ว่าด้วยเรื่องของนางเอกหนังคนนึงในสมัยก่อน (ซึ่งเราว่าในวงการบ้านเราก็มีอยู่คนนึง😅) เรื่องมันคือ นางเอกคนนี้ตอนแสดงหนังทุกคนชื่นชมเธอมากว่าเธอเล่นได้ดีสมบทบาทเล่นเป็นธรรมชาติมาก เอ็คติ้งดีสุดๆ แต่พอเธออยู่ในชีวิตจริงเธอกลับไม่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นตัวของเองเอาเสียเลย ทุกกริยาที่อยู่นอกกล้อง อยู่ในชีวิตประจำของเธอเหมือนเธอกำลังเล่นละครอยู่!
...เราคงต้องแยกให้ออกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ กำลังเล่นละครหรืออยู่ในชีวิตจริง หรือเรากำลังใส่หน้ากากหรือถอดหน้ากาก
การมีหน้ากากบางมีมันก็จำเป็นในบางโอกาส และก็ไม่จำเป็นในบางโอกาส หากแต่เราต้องรู้ว่าควรจะใช้มันในเวลาไหน
...ความจริงใจและความเป็นตัวเองสำคัญ เหมือนเทปแรกๆของรายการนี้มีคนพูดว่า ตอนเราอยู่ภายใต้หน้ากากเราอาจกล้าทำ กล้าพูดอะไรบางอย่างที่ในชีวิตจริงเราอาจไม่กล้าพูด หรือตอนไม่มีหน้ากากเราพูดไม่ได้ ... น้องก็คล้ายกัน 🤗🤗🤗
สู้ๆนะ
ด้วยรักน้องที่สุด #ทีมจิงโจ้ 🤗