ผมฝันถึงคนที่รักติดต่อกันครึ่งเดือนแล้ว

ครับตามหัวข้อเลย แต่คนที่ผมฝันถึงคือย่าครับ ก่อนอื่นต้องบอกท่านเป็นคนเลี้ยงผมมาครับ เราอยู่กัน ปู่ ย่า ผม และก็มีอาที่คอยดูแลห่างๆ  ท่านเพิ่มเสียไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ช่วงแรกๆก็ไม่ได้ฝันอะไรนะครับ ฝันเห็นแค่สองสามวันแรก จากนั้นก็ห่างมา มาต้นเดือนมีนานี้ครับ ฝันถึงย่ามาทุกวันเลยครับ ช่วงเวลาจะเหมือนเเดิมทุกๆวัน จะฝันซ้ำๆ ช่วงเวลาประมาณ ตี 2 ถึง ตี 3 ของทุกวัน แตกต่างกันไปในแต่ละวัน แต่แปลกตรงฝันเห็นในสถานที่ๆ ไม่ซ้ำกัน ไม่เหมือนกัน แต่ทุกๆที่จะมีท่านตลอด ไม่รู้สึกกลัวนะครับตั้งแต่วันแรก จนวันนี้ ถ้าพูดถึงวันแรกๆผมนอนเฝ้าโลงเย็นทุกวัน คือศพสวดที่บ้าน 7 คืน ที่ผมนอนก็รู้สึกอย่างหนึ่งนะครับคือ อบอุ่น แปลกๆ ผมก็นอนอยู่ข้างโลงคอยสัมผัสดูอะครับ เป็นโรคกังวลกลัวไฟฟ้าไม้เข้า กลัวย่าจะมีกลิ่น อืออออ อีกอย่างย่าผมไม่ได้มัดตราสังนะครับ ไม่ได้ทำเหมือนศพอื่นๆ คือทำเหมือนท่านนอนหลับเฉยๆ จนวันที่ต้องนำร่างทางไปที่วัด ผมเองก็จัดการทุกอย่างเอง นำท่านออกมา เช็ดตัวให้ จนถึงเข้าเตาเผา แปลกตรงที่ท่านไม่มีกลิ่นเลย จะมีแค่กลิ่นที่คุ้นเคย มันเป็นกลิ่นแบบอบอุ่น เหมือนคนหลับเฉยๆ ไม่เหมือนคนที่เสียแล้วเลย อาาาาา ออกนอกเรื่องมายา......เข้าเรื่องอีกดีกว่า คือผมจะรู้สึกเหมือนท่านอยู่ด้วยตลอดเวลา มีความเชื่อนะอาจเป็นเพราะผมเอาอัฐิท่านมาไว้ที่บ้านพักด้วยหรือป่าว แรกๆก็นว่ามาหา มากอด ต่อๆมา ไปว่าพาไปเที่ยวตรงนั้น ตรงนี้ พาไปเจอผุ้คนมากมายครับแต่ไม่มีคนที่ผมรู้จักเลย เที่ยววัดวา อาราม ที่ไหนสักแห่ง ก่อนเสีย....ออกนอกเรื่องอีกนิดนะ ท่านเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย รักษาอยู่เกือบปี หมอว่าท่านไม่น่าจะอยู่เกิน 2 เดือนหลังจากตรวจพบ แต่ก็อยู่มาได้เกือบ ปีเลยคับ แต่ค่ารักษาหนักกกกมากกกกก แอบท้อนิดๆ แต่ก็สู้กันมาครับ หมอก็งงครับว่าท่านอยู่ได้นานมาก อาจเป็นเพราะกำลังใจครับ ท่านเป็นคนเข้มแข็งและคงได้ความรักจากลูกๆ หลานๆ ผมเองอยู่คนจังหวัดกับท่านนะครับ ท่านอยู่ที่บ้านขอนแก่น ผมมารับราชการทหารที่โคราช ผมก็กลับไปหาท่านทุกอาทิตย์ครับช่วงป่วย ในบางอาทิตย์ผมทำงานแค่วัน หรือสองวันครับ แต่ที่ทำงานเข้าใจ ว่าดูแลย่า ดีที่มีอาครับ ที่คอยดูแลอยู่ทางโน้น เราก็ช่วยกันจนมาถึงช่วงเวลาสุดท้าย ช่วงสุดท้ายของการดูแลและอยู่ด้วยกัน ท่านเป้นคนสติดีนะครับ มีสติอยู่ตลอดเวลา ถึงจะเป็นคนไข้ติดเตียงแต่ก็สื่อสารพูดคุยกับลูกหลานได้ตลอดและไม่ฟั่นเฟือน วันที่ 25 มกราคม 2560 ผมส่งท่านเข้าโรงพยาบาล ครั้งสุดท้าย ช่วงนั้นเราประสบปัญหาการเงินมากนะครับ ติดลบจากการยืมกันเกือบล้านเลยละ แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำ ทั้งครอบครัวมีเงินกันแค่ 450 บาทครับจำได้เลย วันนั้นมีอาผม ผม และน้องสาวย่ามาส่งที่โรงพยาบาล ระหว่างที่รอแพทย์สั่งให้ขึ้นตึก ท่านก็บอกว่าท่านหิว ครับ คำนี่แหละที่ผมได้มีโอกาสที่ทำให้เป็นสิ่งที่จดจำไปตลอดชีวิต คือผมได้มีโอกาสป้อนข้าวต้มท่านเป็นครั้งสุดท้าย จำได้เลยครับ ว่าผมไปซื้อข้าวต้มเห็ดหอม 7-11 น้ำแร่ 1 ขวด ป้อนท่าน และท่านท่านจนหมด แค่นี้เราก็มีกำลังใจนะครับ มีความหวังว่าท่านจะหายเพราะท่านทานอาหารไม่ค่อยได้ จาก นน.75 เหลือ 40 ต้นๆ และวันนั้นผมก็ได้กราบท่านและท่านบอกว่าไม่ต้องห่วงนะ แม่จะหายแล้ว แม่ดีขึ้นแล้ว ผมก็กลับโคราชในวันนั้นเลยเพื่อต้องมาทำงาน หลังจากนั้นผมไม่มีโอกาสกลับครับ ทั้งติดงาน ติดเวร ติดตามนาย ห้วงอาทิตย์ก่อนท่านเสีย ซึ่งไม่นานครับ เราก็โทรคุยกับอาตลอด และวีดีโอคอลให้ย่าได้เห็นหน้าเกือบทุกวันครับ ท่านบอกคิดถึงผมครับ ก่อนท่านเสีย 4 วัน ท่านกับผมครับว่าจะไม่มาดูใจแม่หน่อยหรอ แม่ไม่ไหว ผมก็ว่าอดทนครับ อดทนเอา ซึ่งวันนั้นเป้นวันอาทิตย์ ผมบอกว่าผมขอเข้าเวรก่อนในวันพุธ ผมขอลา พฤ ศ แล้ว ท่านก็บอกครับแม่จะรอ เฮอออ เหล่ามาถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอะไรที่ติดค้างคาใจมาตลอด ท่านขอออก รพ. วันถัดมาคือวันจันทร์ เนื่องจากหมอบอกให้ท่านเลือกครับ ว่าแม่ แม่จะอยู่โรงพยาบาลไหม หรือไปพักตัวที่บ้าน ย่าท่านก็เลือกจะกลับบ้านเพราะการรักษาตอนนี้คือประคองท่านไหว้ จะอยู่ที่ไหนก็เท่ากัน แต่แปลกนะครับสามวันนี้อาจะไม่พูดเรื่องอาการย่า มีแต่บอกว่าทรงๆ จนถึงวันพุธวันที่ผมเข้าเวร ช่วงเช้าผมก็โทรหาอาเหมือนที่เคยทำ อาบอกย่าดีขึ้นครับ บอกหิวข้าว และงีบหลับได้บ้าง ร่วมๆดูเหมือนจะดีครับ ช่วงราวๆ 1700 น ครับอาโทรมาอีกครั้งบอกว่าย่าไม่ไหวครับหลับไปเฮือกหนึ่ง หลานตกใจเลยไปเขย่าตัวท่านเลยคืนมาอีกครั้ง ตอนนั้นแหละครับผมตัดสินใจออกจากเวรกระทันหัน เขียนรายงานนายทหารเวรไปเนื่องจากเหตุผลดังกล่าว ประมาณ 1830 ผมถึง บขส.โคราช และต้องรอรถออกรอบ 2000 น ผมก็ได้แต่ภาวนาครับว่าให้ได้กลับไปดูใจท่าน ภาวนาว่าแม่รอผมหน่อย ผมกำลังจะไป ยังไม่ถึงเวลารถออก ประมาณ 1900 น ก็เห็นเฟสบุ๊กหลานสาวขึ้นรูปโปรไฟล์สีดำ ในใจก็เลยคิดว่าใช้แล้ว ต้องใช่แน่ๆ ผมไปไม่ทันแล้ว ไม่นานอาก็โทรมาบอกว่าไม่ต้องรีบ พูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ผมก็พอเดาออกแล้ว หลังจากนั้นการเดินทางผมเป็นครั้งแรกที่โคราช - ขอนแก่น มันรู้สึกว่า ระยะทางมันโคตรจะไกล ไกลจริงๆ แต่ผมไม่ร้องไห้นะครับ ได้แต่จุกอยู่ในอกว่าตัวเองไปไม่ทัน ทั้งที่ท่านก็บอกให้ผมกลับยังจะห่วงเวร ห่วงงาน ทั้งที่เรื่องย่าถือว่าสำคัญกว่า เมื่อผมมาถึงบ้าน ก็เจอโลงเย็นตั้งในบ้านละครับ ไม่ทันแม้เห็นหน้า กว่าจะเห็นอีกที ก็วันที่เผาตามที่ผมได้เล่า ก็จัดการงานจนเสร็จทุกอย่าง พวกญาติๆเลยมาเล่าให้ผมฟังว่าก่อนท่านเสีย ท่านเป็นอย่างไร ส่วนหนึ่งผมก็มีความอยากรู้เหมือนกัน ย้อนไปก่อนท่านจะออกจากโรงพยาบาล จนถึงวันที่ท่านเสีย ญาติๆบอกว่า ท่านไม่นอนครับ รวมๆ น่าจะเกือบอาทิตย์ได้ ในที่นี้คือนั่งบนเตียงและฟูบงีบบ้างบนหมอนอิงสามเหลี่ยมอะครับ คิดๆดูท่านคงเหนื่อยมาก ด้วยเพราะไอเกือบตลอดเวลา และไม่ได้รับการพักผ่อนถ้าไม่ให้มอร์ฟีน ถ้าให้ท่านก็จะหลับอย่างเดียวท่านบอกไม่ชอบ หลังๆเลยให้อ่อนๆตามสายน้ำเกลือ พยาบาลก็เคยมาถามนะครับ ญาติๆก็ถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงไม่นอน พยาบาลถามประมาณ ยายจ้า ยายทำไมไม่นอนละ มันเหนื่อยนะ กว่าหลายจะมาหา มันหลายวันยายจะไม่ไหวเอา ย่าผมก็ตอบพยาบาลกับญาติๆว่า ยายนอนไม่ได้ ถ้ายายนอนกลัวตัวจะไม่ตื่น กลัวไม่ได้เห็นหน้าหลาน ซึ่งคือผม นี่แหละครับอีกเรื่องที่สะเทือนใจผมเมือมารับรู้เรื่องราว ท่านรอผม ท่านกลัวท่านเองจะหลลับไปแล้วไม่ตื่นขึนมาอีก กลัวจะไม่ได้เจอผม ซึ่งมันก็หลายวันจริงๆ กว่าจะถึงวันที่ผมลาเอาไว้ ท่านเฝ้าแต่พูดว่ารอ รอ รอหลานชาย กลัว กลัวตาย ไม่นอน รอหลานกลับบ้าน เฮ้อออออออออ ผมจุกมากครับ จุกในอก สำนึกในใจลึกๆมันบอกว่าเราไม่น่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทำให้สิ่งที่ตั้งใจไว้เลย มาจนวันนี้ก็ยังฝันถึงท่านนะครับ ที่แปลกจนต้องมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังคือ ผมฝันติดต่อกันมาครึ่งเดีอนแล้ว สงสัยเพราะคิดถึงท่านส่วนหนึ่ง หรือสำนึกผิดที่ไม่ได้กลับบ้านไปดูใจท่าน หรืออะไรก็ตามในเรื่องที่เหนือการพิสูจน์ ผมก็ยังเชื่อครับ ว่าย่ายังอยู่กับผมตลอดเวลา เพราะผมอุ่นใจเมื่อคิดถึงท่านมนทุกๆครั้งครับ สุดท้ายหากเรื่องนี้มีประโยชน์ต่อเพื่อนๆคนที่ได้อ่าน ให้บุญกุศลส่งให้ย่าผมไปอยู่ในภพภูมิที่เป็นสุข และหมดห่วงครับ ผมจะรักย่า และดูแลตัวเองให้ดี ขอบคุณทุกๆท่านครับที่เสียเวลา แค่ได้มีโอกาสได้เล่าก็มีความสุขแล้วครับ รักษาตัวครับ ขอบคุณครับ  หัวใจหัวใจหัวใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่